"เราไม่เคยคิดจะเข้ามาในวงการโจร แต่มีความจำเป็น ไม่มีทางเลือก" เป็นคำกล่าวของ หลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินฺธโร อดีต "เสือดำ" 1 ในบรรดาโจรชื่อดังหลายคนในยุคปลายสงครามโลกครั้งที่สองและหลังสงคราม ที่จะฟังขึ้นหรือไม่ก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละท่าน มีผู้วิเคราะห์ไว้ว่า เหตุที่มีโจรผู้ร้ายชุกชุมในช่วงเวลาดังกล่าว เนื่องจากผลกระทบของสงครามทำให้เกิดภาวะข้าวยากหมากแพง อาวุธสงครามแพร่หลายในตลาดมืด อำนาจรัฐที่ยังขาดประสิทธิภาพ เนื่องจากปัญหาการคมนาคมและตัวข้าราชการเองที่ไร้ประสิทธิภาพหรือบางทีก็ข่มเหงราษฎร และความเชื่อในเครื่องรางของขลังต่างๆ ทำให้คนจำนวนหนึ่งหันไปเป็นโจร ซึ่งมีทั้งประเภทที่เรียกว่า "เป็นโจรโดยสันดาน" อยู่แล้ว และรายที่ถูกข่มเหงรังแกโดยอำนาจรัฐไม่สามารถยื่นมือเข้าไปช่วยได้ ดังเช่น อดีตเสือดำเจ้าของคำพูดในตอนต้น และ "เสือมเหศวร" ที่มีผู้นำชีวิตของเขามาสร้างเป็นภาพยนตร์ไทย ในยุค "มิตร-เพชรา" ออกฉายเมื่อปีพ.ศ.2513
เมื่อผมเริ่มศึกษาหาข้อมูลประกอบการเขียนภาพยนตร์เรื่องนี้ นอกจากปัญหาการหาเอกสารอ้างอิงในเบื้องต้น และการไม่ปรากฏวันเดือนปีที่แน่นอนของเหตุการณ์แล้ว ยังมีเรื่องของเอกสารที่ดูเหมือนขัดแย้งกันอยู่บ้าง ดังที่จะได้กล่าวต่อไป ในหนังสือเรื่อง "คนใต้หนังเหนียว" อันเป็นชีวประวัติส่วนหนึ่งของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเเดช จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ฉัตรรพี ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์ (ผมลืมปั๊มวันเดือนปีที่ซื้อหนังสือไว้ จำได้คร่าวๆ เพียงว่าซื้อในราวปีพ.ศ.2537-2539) ลำพังเรื่องของขุนพันธ์ฯ ยังเขียนไม่จบเลย จึงไม่แปลกที่จะกล่าวถึง "เสือมเศวร" เพียงว่าเป็นสมุนมือรองคนหนึ่งของ "เสือฝ้าย" แต่อย่างน้อยก็พอจะให้ภาพของสังคมไทยเวลานั้นได้พอสมควร "คนใต้หนังเหนียว" กล่าวว่า ขุนพันธรักษ์ราชเดช ขณะมียศเป็น พ.ต.ต. ได้รับคำสั่งโยกย้ายจากผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตรไปเป็นผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท เมื่อ 23 มิถุนายน 2488 ขณะนั้น มีชุมโจรใหญ่ๆ ในเขตความรับผิดชอบของท่าน ได้แก่ จังหวัดชัยนาท มี เสือครึ้ม เสือย่อม เสือเห้ย เสืออ้วน และสองพี่น้อง เสือสมเสือศักดิ์ และสุพรรณบุรี มี เสือฝ้าย เสือเกลี่ย เสือดอย และเสือดำ "คนใต้หนังเหนียว" จะกล่าวถึงบรรดาเสือเหล่านี้ในทางลบเป็นส่วนใหญ่ นอกจากครั้งหนึ่ง ที่เล่าเหตุการณ์ตอนเสือครึ้มนัดให้ขุนพันธ์ฯ ไปพบเพื่อเจรจาขอมอบตัวในภายหน้า ที่สะท้อนให้เห็นว่า "เสือ" เหล่านี้มีส่วนหนึ่งที่เป็นโจรด้วยความจำใจ บทความในรุ่นหลังๆ ยังได้กล่าวถืงเสือบางคนอย่าง เสือฝ้าย เสือมเหศวร เสือใบ และเสือดำ ในด้านบวกเช่นกันว่า เดิมทีคนเหล่านี้เป็นสุจริตชนที่ถูกข่มเหงจนต้องเตลิดไปเป็นโจร เมื่อเป็นโจรแล้ว จะ "ปล้น" ด้วยวิธีการที่จะเรียกว่านิ่มนวลหรือเลวน้อยหน่อยก็แล้วแต่ทัศนะ เช่น การเลือกปล้นเฉพาะคนที่รวยมาจากการโกง ไม่ปล้นใครจนหมดตัว ไม่ทำร้ายเจ้าทรัพย์นอกจากรายที่ต่อสู้ขัดขืน รายได้ส่วนหนึ่งทำบุญกุศลและช่วยเหลือคนจน ฯลฯ จะเชื่อถือได้แค่ไหนก็ไม่ทราบ เนื่องจากบทความเหล่านี้จะเขียนจากปากคำของบรรดาเสือเหล่านั้นเอง แต่อย่างน้อย การที่เสือเหล่านี้ลงเอยด้วยการมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และบางรายช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ปราบโจรร้ายกลุ่มอื่น เมื่อถูกดำเนินคดีแล้วไม่มีเจ้าทุกข์มาชี้ตัว ก็คงพอเป็นหลักประกันความจริงได้บ้าง
"เสือมเหศวรตัวจริง" รับบทเป็น "ผู้ใหญ่สุก" บิดาตนเอง