ผู้เขียน หัวข้อ: ดอกดาวเรือง ใช่จะสวยเท่านั้น เป็นทั้งสมุนไพร ยังไล่แมลงได้ด้วย  (อ่าน 2651 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ สุบิน

  • เทพ
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 2334
    646
    • อีเมล์



ดาวเรืองมีหลายพันธุ์ แต่ที่รู้จักคุ้นเคยและอยู่ในความนิยมมีเพียง 2 ชนิด นั้นคือ ดาวเรืองต้นสูง-ดอกใหญ่ และดาวเรืองต้นเตี้ย-ดอกเล็ก สีสันที่โดดเด่นก็มีตั้งแต่สีขาวนวล เหลืองอ่อน เหลือง เหลืองทอง สีส้มและสีแดงก็มี สามารถปลูกเลี้ยงและออกดอกได้ตลอดปี เพียงแต่จะโตช้าหรือโตเร็วเท่านั้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศ คือถ้าปลูกในช่วงฤดูหนาว ประมาณเดือนตุลาคมถึงมีนาคม ดาวเรืองจะออกดอกมากในช่วงนี้ แต่ถ้าปลูกในช่วงฤดูร้อน จะออกดอกช้า บางต้นไม่ให้ดอกเลยค่ะ ทั้งนี้เพราะในช่วงหน้าร้อนดาวเรืองจะเจริญเติบโตทางต้น จึงทำให้ต้นสูงมากจนต้นอาจจะล้มได้ จึงต้องโกยดินสุมโคนต้น ประคองไม่ให้ต้นล้ม
 
ดาวเรืองเป็นพืชล้มลุก ใช้เวลาเพียง 60-65 วันนับจากเพาะเมล็ดถึงตัดดอกขาย มีต้องการแสงแดดจัด จึงต้องปลูกกลางแจ้งให้ได้รับแสงแดดโดยตรง อย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมง พื้นที่ปลูกไม่ควรปลูกซ้ำที่เดิม ควรจะหาพืชอื่นปลูกสลับ แล้วจึงเวียนกลับมาปลูกดาวเรืองใหม่ ดาวเรืองสามารถเจริญเติบโตได้ในดินแทบทุกชนิด แต่ถ้าจะให้ได้ดาวเรืองที่มีพุ่มต้นสมบูรณ์ ดอกใหญ่และมีคุณภาพดี ดินควรจะมีธาตุอาหารครบถ้วนในปริมาณที่เพียงพอ มีการระบายน้ำดีกักเก็บความชื้นไว้พอควร ความเป็นกรดด่างประมาณ 6.5 หรืออาจจะปลูกแซมกับพืชชนิดอื่นก็ได้เช่นกันโดยเฉพาะปลูกแซมกับแปลงผักเพราะต้นทั้งดอกและใบของดาวเรืองมีกลิ่นฉุน ที่ช่วยขับไล่แมลงศัตรูพืชได้เป็นอย่างดีทีเดียว
 
ในการเตรียมดินปลูกควรมีปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ร่วมกับอินทรีย์วัตถุพวก แกลบดิบ เปลือกถั่ว ชานอ้อย ซึ่งจะช่วยทำให้ดูดซับน้ำและธาตุอาหารดีขึ้น
 
สำหรับวิธีการขยายพันธุ์ สามารถใช้ได้ทั้งเมล็ดและการใช้ยอดปักชำ ซึ่งถ้าใช้เมล็ดนี้นิยมทำแบบนี้มากกว่าการใช้ยอดปักชำ โดยการเตรียมแปลงปลูก หยอดเมล็ดลงในหลุมปลูกหลุมละ 1-2 เมล็ด หรืออาจจะเพาะเมล็ดในถุงพลาสติกขนาด 3 1/2 x 5 นิ้วก็ได้ โดยเจาะรู้ก้นถุงเพื่อระบายน้ำ บรรจุดินหรือวัสดุปลูกที่เตรียมไว้เติมน้ำคลุกเคล้าให้มีความชื้นไม่แฉะนะค๊ะ ใส่ลงไปในถุงและอย่าให้อัดแน่นมากนัก ให้ระดับดินต่ำจากปากถุงประมาณครึ่งเซนติเมตร หยอดเมล็ดลงไปถุงละ 1 เมล็ด ปักเมล็ดลงไปในแนวตั้งจนมิดเมล็ด ให้ส่วนหางชี้ขึ้น กลบดิน หนาประมาณ 1 เซนติเมตร รดน้ำปิดด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์เพื่อช่วยรักษาความชื้น ถ้าเมล็ดมีคุณภาพดี เมล็ดจะงอกภายใน 3 วัน นับจากวันเพาะ แล้วเปิดกระดาษออกเพื่อให้ต้นกล้าได้รับแสงแดดเต็มที่ แต่ถ้าเปิดกระดาษออกช้า จะทำให้ต้นกล้าอ่อนแอ ต้นจะยืดและล้มพับคอดินได้ง่าย ทำการรดน้ำวันละ 1-2 ครั้ง เช้า-บ่าย แต่ไม่รดน้ำมากเกินไป เพราะรากจะเน่าเป็นเหตุให้ต้นตายได้ ประมาณ 23วัน นับจากวันเพาะเมล็ด จะมีใบจริงเกิดขึ้นมาและเด็ดยอดให้เหลือเพียง 4 คู่ แล้วทำการย้ายปลูกลงแปลงปลูกทันที โดยการรองก้นหลุมปลูกด้วยปุ๋ยเคมีสูตรต่ำ ๆ เช่น 10-20-10 หรือ 15-15-15 หรือสูตรใกล้เคียง หลุมละ 1 ช้อนชา เกลี่ยดินกลบเม็ดปุ๋ยเล็กน้อย เพียงเพื่อไม่ให้รากดาวเรืองสัมผัสกับปุ๋ยโดยตรง เพราะจะทำให้ใบไหม้อันเป็นเหตุให้ต้นเหี่ยวและตาย
 
ระยะห่างของการปลูกดาวเรืองนั้นถ้าปลูกต้นดอกแบบติดก้านยาวสำหรับทำเป็นดอกไม้กำ ระยะระหว่างต้นระหว่างแถว 40 คูณ 40 เซนติเมตร ถ้าปลูกแบบเด็ดดอกสำหรับร้อยพวงมาลัย ระยะระหว่างต้นระหว่างแถว 70 คูณ 70 เซนติเมตร กรณีเป็นการปลูกใส่กระถาง มีขนาด 6 หรือ 8 นิ้ว ขึ้นไปกระถางละ 1 ต้น
 
ในการใส่ปุ๋ยเพื่อเสริมสร้างความสมบูรณ์ของต้นและคุณภาพของดอกดี ควรจะใส่ตรงตามจังหวะของการเจริญเติบโต เช่นการใส่ปุ๋ยเสริมหลังจากปลูกแบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ ใน 1 เดือนแรก ควรใช้ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูงเพื่อเร่งให้ดาวเรืองเจริญเติบโตทางต้นและแตกกิ่งข้างให้เร็วที่สุด
 
ดาวเรืองจะเริ่มเกิดตาดอกขณะอายุประมาณ 30 วันเป็นต้นไปเป็นช่วงของการออกดอก ควรเปลี่ยนใช้ปุ๋ยที่มีตัวกลางสูง เช่น 15-30-15 หรือใกล้เคียง และเสริมด้วยปุ๋ยเกร็ดด้วย และช่วงที่ต้องการให้คุณภาพของดอก หากเป็นการตัดดอกติดก้านยาว ๆ ขายเป็นดอกไม้กำ หลังจากอายุได้ 50 วันแล้ว งดปุ๋ยทุกชนิด และก่อนตัดดอกขาย 2-3 วัน ควรพ่นด้วยน้ำผสมน้ำตาลทราย 3-4 ช้อนแกงต่อน้ำ 1 ปี๊บ พ่นต้นและใบจนโชกจะทำให้ดอกดาวเรืองบานทนขึ้น กรณีที่เพื่อเด็ดดอกร้อยพวงมาลัย หลังจากอายุครบ 50 วัน แล้วใส่ปุ๋ยเม็ดสูตร 16-16-16 หรือใกล้เคียงครั้งละ 1 ช้อนชาต่อเนื่องกันไป ทุก ๆ 10 วัน อีก 3-4 ครั้งจนกว่าต้นจะโทรม ช่วงนี้ยังสามารถตัดดอกขายได้อีกเรื่อย ๆ ประมาณ 45-50 วัน
 
ปัญหาที่เกิดกับดาวเรืองคือ โรคเหี่ยว จะเกิดช่วงที่เติบโตเต็มที่และดอกเริ่มจะบาน โดยใบยอดจะแสดงอาการเหี่ยว อาการคล้ายขาดน้ำ แต่ในตอนกลางคืนหรือเช้าตรู่ ต้นจะกลับฟื้นดังเดิม เป็นอยู่เช่นนี้ 3-4 วัน หลังจากนั้นจะเหี่ยวทั้งต้น และตายไปในที่สุด เกิดจากเชื้อราไฟทอปทอร่า วิธีป้องกันกำจัดที่ดีที่สุดคือ ถอนแล้วเผาทำลาย และโรคใบหงิก จะเกิดกับดาวเรืองในระยะกำลังเจริญเติบโตเต็มที่และเริ่มออกดอก โดยเกิดกับใบยอดก่อน ใบจะแสดงอาการหงิกม้วน และกรอบ เกิดจากเชื้อไมโครพลาสมา ควรป้องกันไม่ให้แพร่ระบาดโดยการขุดต้นที่เป็นโรคนี้เผาให้สิ้นซากทันทีที่พบเห็นค่ะ
 
ส่วนที่ใช้ ดอก ใบ ต้น สรรพคุณ ดอก เป็นยาบำรุงสายตา เป็นยาฟอกเลือด ละลายเสมหะ ขับลม แก้เวียนหัว ไอหวัด ไอกรน เต้านมอักเสบ คางทูม แก้หลอดลมอักเสบ ใบ ถ้านำมาคั้นน้ำจะแก้หูเจ็บ ถ้านำมาทาจะแก้แผลเปื่อยเน่าได้ แก้ฝีต่างๆ ต้น นำมาทาเป็นยารักษาโรคไส้ตันอักเสบ หรือมีอาการปวดท้องขนาดหนักคล้ายกับไส้ติ่ง และเป็นยารักษาแก้ฝีลมด้วย
 
สำหรับประโยชน์ของการนำดอกดาวเรืองมาทำเป็นพืชสมุนไพรไล่แมลงศัตรูพืชนั้น ดอกเล็กจะมีกลิ่นฉุนมากกว่าดอกใหญ่ ส่วนดอกใหญ่จะมีพิษมากกว่าดอกเล็ก วิธีการนำไปใช้ มีหลายวิธีการคือ

สูตรที่1 นำดอกดาวเรือง 500 กรัม ต้มในน้ำ 4 ลิตร ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วกรองด้วยผ้าขาวบางผสมด้วยน้ำอีก 4 ลิตร เมื่อจะนำไปใช้ผสมน้ำสบู่ 1 ช้อนโต๊ะ เพื่อเป็นสารจับใบ ฉีดพ่นวันละครั้งติดต่อกัน 2 วัน ป้องกันแมลงต่างๆ ได้
 
สูตรที่2 นำดอกดาวเรืองมาคั้นเอาน้ำให้ได้ปริมาณ 3 ส่วน ผสมกับน้ำ 1 ส่วน ฉีดพ่นกำจัดหนอนใยผัก
 
สูตรที่3 น้ำคั้นจากดอกดาวเรือง 1 ส่วน ผสมน้ำ 1 ส่วน ฉีดพ่นกำจัดเพลี้ยอ่อน นี่เป็นคุณค่าของดาวเรืองที่ช่วยทั้งขายได้ทั้งต้น ดอก และเป็นสารป้องกันแมลงไปในตัวด้วย   

งานศูนย์บริการวิชาการและฝึกอบรม
ผ่ายวิจัยและบริการวิชาการ  คณะทรัพยากรธรรมชาติ
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  วิทยาเขตหาดใหญ่

http://natres.psu.ac.th/radio/radio_article/radio44-45/44-450029.htm



+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=3855

ออฟไลน์ ปูน_ขอนแจ่น

  • สมาชิกใหม่
  • *
  • ออฟไลน์
  • 0
    416
  • เพศ: ชาย
  • -
    • -

 :'e:92 :'e:92 ดอกดาว เรือง ช่วงหนึ่ง แถว บ้าน ปลูกกัน เยอะ ครับ ช่วง ไม่รู้ หายไปไหน หมด อิอิ หาคนปลูกยาก คร๊าฟแถวบ้าน  :'e:94

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=3855
ทรงเดช ทองทำ