ผู้เขียน หัวข้อ: ล้างห้องเครื่อง เรื่องหมูๆ ลองดูซิ (อ่าน 4292 ครั้ง)

จ้อง · « **เมื่อ:** 31/พ.ค./16 05:46น. »

ล้างห้องเครื่อง เรื่องหมูๆ ลองดูซิ

ห้องเครื่องยนต์คือจุดที่ได้รับการทำความสะอาดน้อยกว่าบริเวณผิวตัวถัง
เนื่องจากอยู่ใต้ฝากระโปรง เมื่อใช้งานไปได้สักระยะจะมีคราบสกปรก
ฝุ่นลูกรังจากการขับลุยทางวิบาก คราบน้ำมันเครื่องที่เกาะติดกับเครื่องยนต์
ตามขอบประเกน การทำความสะอาดห้องเครื่องยนต์บ่อยครั้งถือเป็นการ
ตรวจเช็กชิ้นส่วนและอุปกรณ์ต่างๆ ไปในตัว
การล้างทำความสะอาดเครื่องยนต์และชิ้นส่วนต่างๆ จึงมีความสัมพันธ์
ที่เชื่อมโยงกับการใช้งานที่ถูกต้อง
อุปกรณ์ในการล้างทำความสะอาดห้องเครื่องยนต์
ก็ไม่มีอะไรมาก แค่ฟองน้ำล้างรถ ผ้าเช็ดรถกับน้ำยาล้างจานและ
สเปย์ทำความสะอาดเครื่องยนต์สำหรับห้องเครื่อง
ที่ห่างเหินจากการดูแลมานานแสนนานซึ่งมีคราบน้ำมันเหนียวๆ ดำๆ
เกาะติดอยู่เต็มไปหมด

จ้อง

PM

สิ่งที่ต้องระวังสำหรับการทำความสะอาดห้องเครื่องยนต์ก็คือ
ระบบไฟ สายไฟต่างๆ ไดชาร์จ สายพานและคอมเพรสเซอร์แอร์รวมถึงกล่องฟิวส์รีเลย์
ไม่ชอบความชื้นหรือน้ำ ปัจจุบันรถยนต์ส่วนใหญ่ย้ายกล่อง ECU หรือกล่องควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์
ไปอยู่ในห้องโดยสาร ทำให้สะดวกต่อการใช้น้ำทำความสะอาดบางจุดบางตำแหน่งที่สกปรก
เริ่มด้วยการใช้น้ำแรงดันต่ำหรือน้ำจากก๊อกน้ำที่บ้านไม่ควรใช้ปั๊มน้ำแรงดันสูงมาฉีดพ่นลงไปบนเครื่อง
อุปกรณ์พวกมอเตอร์เดินเบาลิ้นปีกผีเสื้อไฟฟ้านั้นไม่ถูกโรคกับความชื้นโดยเฉพาะรถเก่าอายุเยอะ
เลี่ยงการใช้น้ำแถวกล่องฟิวส์และไม่ควรให้น้ำโดนสายพานไดชาร์จ หรือสายพานคอมแอร์จะเป็นการดีที่สุด
หากกังวลเรื่องความชื้นก็หาถุงพลาสติกมาครอบปิดทับกล่องฟิวส์หรือตำแหน่งที่มีสายไฟ
เอาถุงพลาสติกครอบไดชาร์จไว้ด้วยจะช่วยป้องกันน้ำเข้าไปโดน
ซึ่งอาจตามมาด้วยอาการรวนจากความชื้น จุดประสงค์ของการทำความสะอาดห้องเครื่องยนต์
ก็เพื่อเอาพวกฝุ่น คราบน้ำมันที่เกาะติดกับเครื่องยนต์ออก การล้างทำความสะอาดห้องเครื่อง
ไม่สามารถเอาคราบน้ำมันที่ฝังตัวแน่นออกทั้งหมดได้ และต้องใช้น้ำยาเฉพาะที่เฉพาะทางเท่านั้น
สเปย์ทำความสะอาดเครื่องยนต์สามารถช่วยขจัดคราบสกปรกได้บ้างโดยพ่นลงไปในจุด
ที่มีคราบน้ำมันเกาะติดอยู่แล้วใช้เศษผ้าค่อยๆ เช็ดออก หากเป็นรถเก่าอายุเยอะคราบต่างๆ
อาจเอาออกไม่หมดแต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลยแล้วปล่อยให้ห้องเครื่องยนต์เน่าในมานานหลายปี

จ้อง

PM

หากวิ่งมาจนเครื่องร้อนจี๋ก็ต้องปล่อยให้เครื่องเย็นตัวลงก่อน
ห้ามล้างขณะที่เครื่องกำลังร้อนรุ่มกลุ้มอุราเดี๋ยวจะพาเจ๊งกันไปยกใหญ่
เริ่มบรรเลงเพลงล้างด้วยการถอดขั้วแบตเตอรี่ป้องกันการลัดวงจรเผื่อไว้ก่อนได้เลย
ใช้ฟองน้ำชุบน้ำยาล้างจานค่อยๆ ลูบไปที่กรองอากาศซึ่งมีฝุ่นเกาะอยู่เต็มไปหมด
บริเวณคานหน้าใกล้กับตำแหน่งของไฟหน้าก็ชอบมีคราบน้ำมันคราบฝุ่นเกาะติดแน่น
ค่อยๆ เช็ดไปเรื่อยๆ คราบที่เอาไม่ออกก็ลองใช้สเปย์ล้างเครื่องพ่นแล้วเช็ดดูอีกที

จ้อง

PM

ท่อไอดีพลาสติกสีดำชอบมีทั้งคราบน้ำมันและคราบฝุ่นเกาะกันแน่นตึบ
ลูบด้วยฟองน้ำหมาดๆ ไม่ควรให้น้ำชุ่มฟองน้ำมากจนเกินไป ค่อยๆ เช็ดไปเรื่อยๆ อย่าใจร้อน
สำหรับรถที่ไม่เคยเจอน้ำจะมีห้องเครื่องที่เน่ามากเป็นพิเศษ
ใช้เวลาเช็ดมากหน่อยดีกว่าปล่อยเอาไว้แบบนั้น

ล้างทำความสะอาดทั้งทีก็ถือโอกาสเปิดดูกระปุกฉีดน้ำล้างทำความสะอาดกระจกบานหน้าไปด้วย
หน้าฝนแบบนี้ควรเติมน้ำทำความสะอาดกระจกบานหน้าให้เติมอยู่เสมอๆ
ขับไปโดนฝนเข้าจะได้มีน้ำมาล้างกระจกเพื่อมุมมองที่ชัดเจน
เปิดกระปุกถังพักน้ำของหม้อน้ำในระบบระบายความร้อน
เติมน้ำให้เต็มเท่ากับระดับที่กำหนดป้องกันน้ำแห้งน้ำขาด
ซึ่งจะพากันพังไปยกใหญ่หากน้ำในระบบระบายความร้อนไม่เพียงพอ

จ้อง

PM

ล้างด้วยฟองน้ำชุบน้ำยาล้างจานเสร็จก็เริ่มเช็ดแห้งด้วยผ้าเช็ดรถอีกทีแล้วผึ่งให้แห้งกลางแดด
จัดหรือใช้เครื่องเป่าลมไล่ความชื้นอีกครั้ง อาจจะดัดแปลงโดยเอาไดร์เป่าผม
เป่าไล่ความชื้นตามจุดต่างๆ ออกให้หมด เช่น
ที่บริเวณจุดต่อเชื่อมของสายไฟ จานจ่ายและหัวเทียน เป่าลมจนแห้งสนิทดีแล้ว
ก็ใส่ขั้วแบตเตอรี่กลับคืน แล้วสตาร์ตเครื่องยนต์เดินเบาไว้อีกสักครู่
การสตาร์ตเครื่องยนต์หลังจากการล้างทำความสะอาด เป็นการทดสอบว่ามีน้ำเข้าไปตามปลั๊กไฟหรือไม่
หากเครื่องยังเดินเบานิ่งสนิทสมบูรณ์ไม่มีอาการกระตุกก็ถือว่าเสร็จสิ้น
เมื่อเกิดสตาร์ตไม่ติด หรือเดินเบาไม่นิ่งรอบเครื่องยนต์แกว่งตวัดขึ้น-ลง ต้องถอดขั้วแบตเตอรี่ออกอีกครั้ง
พร้อมกับเป่าลมไล่น้ำไปที่จานจ่าย คอยล์ ปลั๊กหัวเทียน และปลั๊กไฟต่างๆ
ถ้าไม่แน่ใจให้ถอดมา แล้วใช้น้ำมันไล่ความชื้นพ่นในจุดที่ชื้นเพื่อป้องกันการเกิดสนิม
ใช้สเปย์น้ำมันหล่อลื่นพ่นในจุดหมุนต่างๆ เป็นการป้องกันสนิมและหล่อลื่นไปในตัว
ไม่แนะนำให้ใช้แวคเคลือบเงามาทาเครื่องหรือฝาครอบเครื่องยนต์ให้เงางาม เนื่องจากฝุ่นจะจับตัวเร็วมาก
และทำให้เครื่องของคุณเน่ามากกว่าเดิม มองดูสายพานต่างๆ ว่าแตกลายงาหรือไม่
หากเห็นว่าแตกแล้วก็ควรจะเปลี่ยนสายพานเส้นใหม่ดีกว่าไปขาดกลางทาง
แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการล้างทำความสะอาดห้องเครื่องยนต์แต่ก็เล่นเอาเหงื่อท่วมได้เหมือนกัน
ถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัว งานเสร็จจะภูมิใจในผลงานของตนเองมากถึงมากที่สุด ชัวร์!