สมัยเรียนมีเทปชุดนี้หมือนกัน จำได้ว่าพักที่บ้านป้าจ้อย ปัจจุบันน่าจะเสียชีวิตไปแล้ว ตอนนั้นท่านอายุเกือบจะเจ็ดสิบ (ตอนนั้นปี 2518 ) เข้ามาปีนี้คงอายุเข้าไปร้อยปีแล้ว
ตอนนั้นผมพักกับเพื่อนๆ ห้าคน รุ้นน้องหนึ่งคน รุ่นน้องคนนี้ปัจจุบันเป็นดอกเตอร์สอนที่ ม. แม่โจ้ เชียงใหม่ สมัยเรียนผมกับเขาเคยฟาดปากขณะกำลังทำกับข้าว วันนั้น
ผมเอามะเขือยาวมาเผา ในขณะนุ่งผ้าขาวม้า ก็แน่ล่ะ มะเขือยาวพอเผามันก็เหี่ยว เขาแซวว่าของผมคงเหี่ยว ไอ้นี่มันดูถูกกันนี่หว่า ชายฉกรรจ์โดยดูหมื่นก็ต้องแสดงแสดง
อิทธิฤทธิ์สักตั้ง พอหอมปากหอมคอ เพื่อนอีกคนเป็นพันเอก อยู่ปากช่อง อีกสองคนเป็นนักวิชาการที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน อีกคนเป็นนักวิชาการที่สำนัก
งานเกษตรอำเภอ ช่วงนั้นผมจำได้ว่าก่อนนอน ชุดของปรีชา ผมมักจะเปิดก่อนนอน เพราะชอบมาก ฟังได้สักรอบ ถ้ายังไม่หลับก็จะเปิดอีก ฟังจนร้องได้ โดยเฉพาะมือ
ที่มีพลังชอบเพราะ มันมีเนื้อร้องแบบลิเก สามสิบกว่าปีแล้ว ที่บางคนยังไม่เจอกันเลย เพื่อนๆ ที่พักด้วยกันในเวลานั้น ชอบเพลงไปกันคนละแนว แต่ก็อยู่ด้วยกันแบบพี่
เพื่อนที่เข้าใจในความเป็นคนต่างจังหวัด รักกันดี มีอะไรแบ่งปันกัน ไม่เอาเปรียบกัน วันนี้บางคนที่เจอก็ยังมีไมตรีที่ดีต่อกันไม่เปลี่ยนแปลง ขอบคุณท่านหนุ่มมหาราช
อย่างสูง โดยเฉพาะเพลงโลกนี้คือละคร ฟังไพเราะแล้ว ยังสอนให้เรารู้ว่า ในการวางตน ทุกอย่างเมือเราได้รับบทบาทอย่างไร จักต้องทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด และจง
ลืมตนเมื่อได้ดิบได้ดี และจงเตือนตนในความไม่ประมาท เพราะความประมาทย่อมทำให้เกิดหายนะแก่ผู้ประมาทอย่างแน่นอน ไม่วันใดก็วันหนึ่ง