
- กินข้าวโพดหวานต้ม ได้ประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด
หลายคนคงเคยได้รับรู้มาบ้างแล้วว่า การกินข้าวโพดหวานมีประโยชน์หลายประการ
อาทิเช่น บำรุงกระเพาะอาหาร บำรุง
หัวใจและปอด ช่วยเจริญอาหาร และขับปัสสาวะ เป็นต้น
สำหรับประโยชน์ของข้าวโพดหวานที่มากกว่านั้น เพื่อให้ทุกคนหันมา
รับประทานข้าวโพดหวาน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายมากยิ่งขึ้น
การกินข้าวโพดหวานต้ม
สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจ และมะเร็งได้ การต้มทำให้ข้าวโพดหวาน
ปล่อยสารต้านอนุมูลอิสระ หรือที่บางคนเรียกกันว่า แอนตี้ออกซิแดนท์มาหลายตัว
และที่สำคัญตัวหนึ่งที่มีชื่อว่า “กรดเฟอรูลิก”
(Ferulic acid ) ซึ่งเป็นสาระสำคัญที่เป็นตัวช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมีประสิทธิภาพ
กรดเฟอรูลิกเป็นสารต้านอนุมูล
อิสระจึงถูกใช้สำหรับต่อต้านการแก่ (aging) ของเซลล์ป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง
โรคหัวใจ ไข้หวัด รักษาสุขภาพของกล้ามเนื้อ
ต่อต้านผลกระทบจากรังสีอุลตร้าไวโอเลต (จึงป้องกันมะเร็งผิวหนังได้)
ตามปกติร่างกายของคนเราต้องมีการเกิดสารอนุมูลอิสระขึ้นในร่างกาย
ซึ่งร่างกายก็ต้องมีกลไกในการควบคุม จึงมีสารต้าน
อนุมูลอิสระมาขจัดอนุมูลอิสระในร่างกาย เพื่อไม่ให้ไปทำลายเซลล์ หรือเนื้อเยื่อต่าง ๆ
ของร่างกายอันจะเป็นบ่อเกิดแห่งโรคที่ได้
กล่าวไว้ข้างต้น แต่ต้องอยู่ในสภาพที่ร่างกายได้รับอาหาร ที่มีประโยชน์ถูกต้องสมบูรณ์
สิ่งแวดล้อมที่ไม่มีพิษภัย และอากาศดี แต่ใน
ความเป็นจริงที่เราต้องเผชิญในชีวิตจริงนั้น สภาพดังกล่าวแทบจะไม่เหลืออยู่แล้ว
กลับมีสิ่งที่ส่งเสริมการเกิดอนุมูลอิสระ ซึ่ง
นักวิทยาศาสตร์พบว่า ผลิตภัณฑ์ที่เราใช้กันอยู่เกือบทุกชนิดเป็นแหล่งส่งเสริมการเกิดอนุมูลอิสระ
ไม่ว่าจะเป็นไอเสียรถยนต์
ควันบุหรี่ สารพิษฆ่าแมลงแม้กระทั่งสเปรย์ระงับกลิ่นกาย หรือยารักษาโรคที่เรากิน
ตามแพทย์สั่งก็เป็นสารส่งเสริมการเกิด
อนุมูลอิสระทั้งสิ้น ร่างกายเราจึงต้องการต้านอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้น
ในข้าวโพดหวานตามธรรมชาติจะมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่
โดยมีตัวสำคัญ คือ กรดเฟอรูลิก ซึ่งในข้าวโพดหวานดิบ จะแฝง
ตัวอยู่ในผนังเซลล์ ของเมล็ด เมื่อข้าวโพดหวานถูกต้มนานๆสารต้านอนุมูลอิสระ
และกรดเฟอรูลิก จะถูกปล่อยออกมาในรูปที่เป็น
อิสระ ดังนั้น เมื่อยิ่งต้มข้าวโพดหวานนานก็จะมีปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระ
ถูกปล่อยออกมามากขึ้น การต้มข้าวโพดหวาน
ที่ 115 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 10 นาทีปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระ
จะเพิ่มขึ้นจากข้าวโพดหวานดิบ 21 % ถ้าต้มนาน
25 นาที จะได้สารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้น 44 % และถ้าต้มนาน 50 นาที จะได้เพิ่มถึง 53 %
เมื่อวัดปริมาณเฉพาะกรดเฟอรูลิก
ที่ถูกปล่อยออกมาพบว่า กรดนี้มีปริมาณเพิ่มขึ้นถึง 240 % เมื่อต้มนาน 10 นาที เพิ่มขึ้น 550 %
เมื่อต้มนาน 25 % และเพิ่มขึ้น
ถึง 900 % เมื่อต้มนาน 50 นาที การต้มข้าวโพดหวานนาน ๆ อาจจะทำให้วิตามินบางตัว
เช่น วิตามินซีสูญเสียไปบ้าง แต่ข้าวโพด
หวานก็ไม่ใช่แหล่งวิตามินซีที่สำคัญอยู่แล้ว
ที่มา : จากวารสารเกษตรภาคใต้(ฉบับชาวบ้าน) ปีที่ 1 ฉบับที่4 กรกฎาคม-สิงหาคม 2551