ผู้เขียน หัวข้อ: อีโรติคในบทเพลงของ ทูล ทองใจ  (อ่าน 10080 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ภูฤดี

  • MOD1
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 387
    379
  • เพศ: ชาย
  • ภูผาจิต


        
ตัดแปะบทความนี้ไว้สามสี่ที่ เอามาลงในเว็บเราอีกที
อาจมีบางท่านเคยเห็นแล้วนะครับ  ไม่ได้ต้องการอวด เพราะก็ลอกจากหนังสือมาทั้งดุ้น  
แต่อยากให้คนที่ไม่เคยอ่าน ได้ลองอ่านดูครับ
       
         เคยไหมครับ ที่ฟังเพลงของ คุณทูล ทองใจ ด้วยความประทับใจ แล้วพอเอามาร้อง ออกจากปากตัวเอง
แล้วมัน...แปลกๆ ปนจั๊กจี้ เพราะเนื้อความมัน..ออกจะโป๊ๆหน่อย  แต่ก็ไม่ได้คิดให้ละเอียด  ผมเองรู้สึกเช่นนั้น
กับบางเพลง บางท่อนของเพลงคุณทูล แต่ก็ไม่ได้มีรูปธรรมที่ชัดเจนในใจนัก  จนเมื่อมาได้อ่านหนังสือ
"ทูล ทองใจ เทพบุตรเสียงกังสดาล" เีรียบเรียงโดยคุณวัฒน์ วรรลยางกูร จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์แสงดาว  
จึงได้ถึงบางอ้อ เพราะมันมีบทหนึ่งในหนังสือ เกี่ยวกับ ส่วนที่eroticในบทเพลงคุณทูลครับ  
จะเอามาถ่ายทอดให้ได้อ่านกันดังนี้


อารยะสังวาส

    ติดตามข่าวสารการเมืองที่ผ่านมา จะได้ยินคำศัพท์แปลกๆ เช่น นอมินี, อารยะขัดขืน
     คำหลังนั้น อธิบายด้วยภาพอาจารย์สอนรัฐศาสตร์ ผมยาว ฉีกบัตรเลือกตั้งในคูหาอย่างตั้งใจ เป็นการแสดงการต่อต้าน
การปกครองที่เขาเห็นว่า ไม่ชอบธรรม
     เห็นเขามี'อารยะขัดขืน' ฟังเพลง ทูล ทองใจ แล้วก็ปิ๊งคำใหม่ 'อารยะสังวาส'
     อารยะสังวาส, อารยะสังโยค นั่นคือจุดเด่นเฉพาะของเพลง ทูล ทองใจ ตั้งแต่ต้น คือ โปรดเถิดดวงใจ และอีกหลายเพลง...เป็นสิบ
     อารยะ - เจริญ
     สังวาส - การอยู่ด้วยกัน, การอยู่ร่วมกัน, การร่วมประเวณี
     สังโยคะ - การประกอบกัน, การอยู่ร่วมกัน
     เพลงจำพวกสังวาสกันอย่างผู้เจริญ อารยะสังวาส เป็นเพลงสำแดงพิศวาส เสน่หา กันด้วยภาษากวี ดนตรีไพเราะ
อันเป็นเสมือนใส่ข่า, ตะไคร้, ใบมะกรูด, จนกลบกลิ่นคาว ยวนเย้าด้วยกลิ่นหอม ปรุงน้ำปลา มะนาว ซอยพริกขี้หนู
ผักชีฝรั่ง จนหอมอร่อยซี้ดซ้าด


     โปรดเถิดดวงใจ, เสียงดุเหว่าแว่ว, คืนนั้นสวรรค์ล่ม, คืนนั้น, คืนอำลา, จูบมัดจำ, นางอาย,
ปรารถนา, ฝากหัวใจ, กลิ่นแก้มนาง, กลิ่นปรางนางหอม


     ต้องให้เครดิตกับเพลง "โปรดเถิดดวงใจ"ที่ เบญจมินทรฺ์ วางตำแหน่งให้ ทูล ทองใจ
เป็นต้นแบบของเพลงอารยะสังวาสแรกเริ่ม
     "ดึกดื่นคืนนั้นเคยร่วมผูกพันแน่นหนัก เคยฝากความรักไว้ด้วยใจภักดิ์ไม่พราง
      เสียงน้องออเซาะขอรักมั่น รำพึงเสียงสั่นเมื่อใกล้สาง ไม่อยากจะร้างห่างรักที่เริ่มลอง"

     รักที่เริ่มลอง คือรักแรกของวัยสาวหนุ่ม ไม่เคยมีประสบการณ์ จึงสำแดงออกในอาการรำพึงเสียงสั่นเมื่อใกล้สาง
     แต่เมื่อฝ่ายหญิงร้างลาไป ฝ่ายชายก็ถึงกับนอนไม่หลับ และหมกมุ่นอยู่กับอารมณ์สวาท
     "มิได้หลับนอนได้แต่ทอดถอนฤทัย พี่หลงบรรเลงเพลงรักเก่า ตัวเธอนั้นเล่าอยู่แห่งไหน"
     ไอ้หนุ่มบรรเลงเพลงรักเก่าอย่างไร ต้องจินตนาการเอง

     จากโปรดเถิดดวงใจ แนวเพลงอารยะสังวาสแบบ ทูล ทองใจ ย้ำชัดในเพลง 'เสียงดุเหว่าแว่ว' ที่การสังวาส, สังโ่ยค,
หรือกามกรีฑาของสาวหนุ่ม ถูกบรรยายในภาษาจินตนาการสวยงามว่า
     "เราเกี่ยวแขนกันเที่ยวในแดนฟ้า พบวิมานเทวา ผ่านดาราน้อยใหญ่
      ปราสาทสีทองผ่องอำไพ โอ้เพลินใจในแดนสวรรค์
      กอดกัน กระซิืกกระแซะนั่น ชวนชมนั่นดาวระยิบระยับตา"

     และ
     "อิงแอบแนบขวัญปลอบใจ เสียงสะอื้นยังจำได้ ร่ำอยู่จนใกล้สว่าง

     โปรดเถิดดวงใจ ของเบญจมินทร์นั้น "รำพึงเสียงสั่นเมื่อใกล้สาง"  ส่วนเสียงดุเหว่าแว่ว ของ ไพบูลย์ บุตรขัน
เป็นเสียงสะอื้นร่ำไรอยู่จนใกล้สว่าง
     เรียกว่า เสียงสะอื้นนานกว่าเสียงสั่น เพราะฟ้าสางก่อนแล้วฟ้าจึงสว่าง คิดดูแล้วกัน ว่าอันไหนถึงอารมณ์สังวาสกว่ากัน
ร่ำไรอืดอาดกว่ากัน
     ดุเดือดกว่าเสียงสั่น เสียงสะอื้น ก็ต้องคืนนั้นสวรรค์ล่ม อารมณ์สังวาสที่ลูกผู้ชายสารภาพว่า ฝันเปียก
     แต่เพลงใช้ภาษากวีบรรยายอารมณ์ทางเพศเป็นสัญลักษณ์สวยงาม เป็นเมฆ, บึง, ไทรย้อย, บัว...เป็นเรื่อง
สังวาสทั้งหมด สังวาสแบบอารยะ

     "ผ่านเมฆรำไร มาพบบึงใหญ่อโนดาตงาม ไทรย้อยห้อยกิ่ง ทิ้งก้านคลุมน้ำสีคราม
       บัวน้อยอร่ามงามน่าภิรมย์ เสียดายมิทันเด็ดบัวสวรรค์ชม คืนนั้นสวรรค์ล่ม.."

    อะไรคือ เมฆ, บึง, ไทรย้อย, บัว ก็ต้องจินตนาการเอาเอง แบบอารยะสังวาส

     นี่คือสามเพลงสุดยอดของเพลงแนวสังวาสของ ทูล ทองใจ
     อีก 7-8 เพลงก็เลือกสังวาส (เสียงเพลงกับโสตหู) กันตามอัธยาศัย
     อย่างปรารถนาเบญจมินทร์ช่างจินตนาการว่า
     "อยากแนบเนื้อขอเป็นเสื้อสวมใส่สรรพางค์"หากหนุ่มไปร้องจีบสาว สาวคงขนลุกชัน ที่หนุ่มมาวอนขอแนบเนื้อ

     "คืนอำลา" พร ภิรมย์ แต่งแล้ว คงไม่กล้าร้องเอง ต้องมาให้ทูลร้อง
     "..หอมแก้มสาวไม่สิ้นกลิ่นจาง หอมทรวงเจ้าอวลเคล้ากลิ่นปราง หอมไม่สร่างจุมพิตติดใจ
      ทรวงละมุนหนุนเนื้อนวลควรผ่อน อย่าด่วนตัดรอน หนุนนอนไม่ช้ำเท่าไร.."

      เอ...นอนเอาศีรษะซุกทรวงละมุนกันเลยหรือนี่

     จูบมัดจำ ของ นิยม มารยาท ก็แบบ "พี่จูบมัดจำตลอดทั้งคืน" อารยะสังวาสแบบ
ไม่ได้หลับได้นอน ก็เพราะหลงใหลในสุดจะสรร เนินถันเจ้างามขาวผ่อง
    
     อีก 6-7 เชิญสังคีตสังวาสให้เพลิดเพลิน  พรรณนาไปคงยืดยาว


ปล. ผมจะพยายามรวบรวมหลายเพลงที่ว่า ไว้ในกระทู้นี้นะครับ


จูบมัดจำ

ต่างวิงวอนอ้อนรักพรอดพร่ำ
รักแสนหวานฉ่ำพี่จูบมัดจำตลอดทั้งคืน
กอดนวลไว้ แนบกายฝังใจระรื่น
ไออกอุ่นหนุนรักชื่น พี่กอดขวัญยืน มิจางห่างน้อง

จะมีใครที่ไหนกันเล่า
สวยงามเกินเจ้า พี่เฝ้าเล้าโลมโฉมนิ่มเนื้อทอง
สุดจะสรร เนินถันเจ้างามขาวผ่อง
ดังหนึ่งพิมยามยิ้มมอง สวาทรักปอง น้องนางนั่งชม

จวนแจ้งแล้วหนา
เดือนตกจะลับตา นกกาต่างกู่ หาคู่ภิรมย์
นกกู่พี่กอดเจ้าไว้มิให้ระทม
สองเราต่างเฝ้าเชยชม จนสิ้นแสงโคมแห่งจันทร์

พี่ต้องลาก่อนฟ้าสว่าง
โน้มนวลแนบนาง เฝ้าจูบสองปรางเพื่อฝากสัมพันธ์
แต่คืนนี้พี่ไปอย่าได้ไหวหวั่น
คืนใหม่เราค่อยพบกัน เพื่อสร้างวิมานฉิมพลีที่คอย


ในฝัน
คำร้อง-ทำนอง เบญจมินทร์

หากฝันว่าฉันและเธอ ละเมอความรักร่วมกัน
ทุกๆวันแสนสุขฤทัย หากความรักนั้นหนักเหลือ
แนบเนื้อเชื้อรักดังไฟ ฉันขอตายบนตักนาง
 
หากเราได้รักร่วมกัน ผูกพันกระสันต์แน่นเหนียว
ขอรักเดียวไม่จืดและจาง หากเป็นดั่งเช่นที่หมาย
จะตายฉันไม่ขอห่าง ขอรักนางเนื้อนวลแน่นอน
 
มอบใจและกาย  ทุกสิ่งมั่นหมาย
ถึงตัวตายไม่คลายรักก่อน สู้ทนอ้อนวอน
ยอมฝันแม้ยามหลับนอน ทนกอดหมอนนานมา
 
หากฝันฉันไม่หลอกหลอน ตื่นนอนคงพบหน้าน้อง
สมดังปองใจปรารถนา หากเป็นดังเช่นที่หมาย
จะตายฉันไม่นำพา ขอบูชาน้องนางแน่นอน…


เพลง คืนนั้นสวรรค์ล่ม
คำร้อง - ทำนอง ไพบูลย์ บุตรขัน

     คืนหนึ่งนั้น เป็นคืนสวรรค์สว่าง
พี่ได้พาน้องนางภิรมย์ชมดาว พริ้งพราววาววาบนภา
พบชาวเทวัญ สวยงามอร่ามตา
นับว่าเป็นวาสนา ได้มาสวรรค์อำไพ
     เพลินชมภิรมย์นภางค์ จนพาน้องนางหลงไป
ผ่านเมฆรำไร มาพบบึงใหญ่อโนดาตงาม
ไทรย้อยห้อยกิ่ง ทิ้งก้านคลุมน้ำสีคราม
บัวน้อยอร่าม งามน่าภิรมย์
     เสียดายมิทันเด็ดบัวสวรรค์ชม
คืนนั้นสวรรค์ล่ม เสียงฟ้าเสียงลม
ฝนพร่างพรม พี่หนาวจนสั่น
กลับกลายเป็นฝันไป ไร้คู่กอดนอน...


โปรดเถิดดวงใจ  
คำร้อง-ทำนอง เบญจมินทร์์

     โปรดเถิดดวงใจ โปรดได้ฟังเพลงนี้ก่อน
อย่าด่วนหลับนอน อย่าด่วนทอดถอนฤทัย
จำเสียงของพี่ได้หรือเปล่า จำเพลงรักเก่าเราได้ไหม
เคยฝากฝังไว้ แนบในกลางใจนาง
     ดึกดื่นคืนนั้น เคยร่วมผูกพันแน่นหนัก
เคยฝากความรัก ไว้ด้วยใจภักดิ์ไม่พราง
เสียงน้องออเซาะขอรักมั่น รำพึงเสียงสั่นเมื่อใกล้สาง
ไม่อยากจะร้าง ห่างรักที่เริ่มลอง
     แต่พออีกไม่นานนัก ความรักที่เคยหวานซึ้ง
เปลี่ยนจากหนึ่ง กลับกลายเป็นสอง
ลืมรักลืมรส ลืมไปหมดที่เคยทดลอง
อ้อมแขนที่เคยประคอง น้องอยู่ในอ้อมแขนใคร
     ดึกดื่นคืนนี้ พี่คงเฝ้าคอยเหมือนก่อน
มิได้หลับนอน เฝ้าแต่ทอดถอนฤทัย
พี่หลงบรรเลงเพลงรักเก่า ตัวเธอนั้นเล่าอยู่แห่งไหน
ดูช่างโหดร้าย ให้เราเฝ้าคร่ำครวญ...


คืนอำลา

เจ้าอย่าผลักไส เตียงหนุนอุ่นไอ
น้องเคยให้พี่หนุนตักนอน
แล้วคืนนี้ไฉนกลับงอน
ขอเพียงตักเจ้าหนุนอุ่นนอน
เนื้อเจ้าอ่อนนอนหนุนจนสาง

แก้วตาอย่าอาย เคียงชิดติดกาย
น้องเบนบ่ายไฉนเล่านาง
หอมแก้มสาวไม่สิ้นกลิ่นจาง
หอมทรวงเจ้าอวลเคล้ากลิ่นปราง
หอมไม่สร่างจุมพิตติดใจ

ทรวงละมุนหนุนเนื้อนวลครวญผ่อน
อย่าด่วนตัดรอนหนุนนอนไม่ช้ำเท่าไร
คืนอำลาสัญญาให้น้องแน่ใจ
เจ้าทำหวงตัวไปได้ เห็นใจพี่เถิดแก้วตา

ก่อนพรากจากไป พี่ขอถอดใจ
ไว้จนกว่าจะย้อนกลับมา
ขอฝากฝังความหลังก่อนลา
น้องจงโปรดได้คิดเมตตา
น้องจงอย่าให้พี่ผิดหวัง


คืนนั้น

หนาวเย็นน้ำค้างกลางดึกอกใจระทึก
ดุเหว่าแว่วเตือนเมื่อใกล้จะสาง
คืนนั้นเราสองคนเคียงข้าง
ชิดเชยจูบนวลปราง
กอดนวลนางชิดเคียงกัน

คืนทั้งคืนหวานรื่นชื่นฉ่ำ
พร่ำพรอดน้ำคำ
ร่วมทางสุขล้ำในแดนสวรรค์
ยามเมฆลอยคล้อยบัง แสงจันทร์
น้องออดอ้อนคืนนั้นไม่ลืมจันทร์ไปจนตาย

เดือนลับลงขอบฟ้า
เป็นเหมือน สัญญา
ว่าใกล้รุ่งรางแสนเสียดาย
ใจหายดุเหว่าแว่วร้อง
จำพรากจากน้องจำจาก
ฝากรอยจำจารึกทรวงใน

คิดถึงคืนนั้นยังฝังจิตคร่ำครวญหวนคิด
กลิ่นเนื้อแนบชิดยังเตือนติดใจ
คืนทั้งคืนหวานชื่นจำได้
เสียงดุเหว่าทีไรยิ่งพาใจรัญจวน


เสียงดุเหว่าแว่ว

เสียงดุเหว่าแว่วมาเหมือนเตือนให้
สองเราผวาจากกัน
ค่อนคืนตื่นฝัน ราเกี่ยวแขนกัน
เที่ยวในแดนฟ้าพบวิมานเทวา
ผ่านดาราน้อยใหญ่ปราสาทสีทองงามผ่องอำไพ
โอ้เพลินใจในแดนสวรรค์
กอดกันกระซิบกระแซะกัน
ชวนชมนั่นดาวระยิบระยับตา
เพลินอยู่จนเสียงดุเหว่าแว่วมา
เป็นสัญญาให้เราจากกัน
อิงแอบแนบปลอบใจ
เสียงสะอื้นยังจำได้ร่ำอยู่จนใกล้สว่าง
ฟ้าสางแล้วเราต้องพรากจากกัน
เสียงดุเหว่าแว่วร้อง อยู่
กระตู้วู้เมื่อครู่เลือนหาย
แสนเสียดายสุดจะหมายกลับคืน


เพลง ปราถนา
คำร้อง-ทำนอง เบญจมินทร์

หากแม้น เลือกเกิดเองได้
คนทุกคนเลือกเกิดอย่างไร
ก็ตามใจเขาปรารถนา
แต่ตัวฉันนั้น ขอตั้งสัจจะวาจา
ถึงชาตินี้ชาติหน้า
ปรารถนาเกิดมาใกล้คุณ

หากร้อนผิวกาย ใจระทม
ตัวฉันยอมเลือกเกิดเป็นลม
เฝ้าลูบชมเนื้ออ่อนละมุน
หากหนาวนัก ขอเอารักวางไว้เป็นทุน
ขอเกิดมาเป็นผ้าอุ่น
เกิดเป็นหมอนหนุนสำหรับนาง

อยากเกิดมาเป็นสีแดง แต้มแต่งสองริมฝีปากคุณ
อยากเกิดเป็นแป้งหอมกรุ่น ลูบไล้เนื้ออุ่นสองปราง
อยากเกิดเป็นสร้อยห้อยคอไว้ อยากเป็นดอกไม้ที่ทัดหู
อยากอยู่ร่วมหอไม่ห่าง

จะขอเป็นแหวน สวมก้อย
เป็นกำไลสวมใส่มือน้อย
เกิดเป็นรอยรับบาทของนาง
อยากแนบเนื้อ ขอเป็นเสื้อสวมใส่สรรพางค์
ขอเกิดเป็นหมอนข้าง
เพื่อนางนวลน้องได้กอดนอน

 thankขอบคุณเจ้าของข้อมูลทั้งหลาย คุณวัฒน์ วรรลยางกูร,สำนักพิมพ์แสงดาว, พี่ดวงจันทร์ ท่านกระต่ายเว็บสายสัมพันธ์, และเว็บMusic4Thai นะครับ thank

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=2600
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24/ก.ย./13 06:00น. โดย ภูฤดี »
....รักสูญสิ้น ภิณฑ์พรากจากเหน่งบา....

ออฟไลน์ ภูฤดู ปักซัว

  • Administrator
  • *
  • ออฟไลน์
  • 4207
    3176
  • เพศ: ชาย
    • อีเมล์
Re: อีโ๋รติคในบทเพลงของ ทูล ทองใจ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 18/ต.ค./11 02:50น. »

หากให้นึกถึงเพลง อีโรติค ของ ทูล ทองใจ ละก็
เพลงแรกที่ผมนึกถึง ต้องเป็น จูบมัดจำ แหละครับ
และคงเป็นเพลงของ ทูล ทองใจ ที่ผมชอบมากที่สุดด้วยแหละครับ

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=2600
<a href="http://www.clocklink.com/clocks/5032-orange.swf?TimeZone=GMT0700&amp;" target="_blank" class="new_win">http://www.clocklink.com/clocks/5032-orange.swf?TimeZone=GMT0700&amp;</a>

ออฟไลน์ สมพร เกาะยอ

  • ผู้ทรงเกียรติ
  • *
  • ออฟไลน์
  • 1136
    937
    • อีเมล์
Re: อีโ๋รติคในบทเพลงของ ทูล ทองใจ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 18/ต.ค./11 06:35น. »

       ฟังมานานแต่ไม่ได้คิดลึกๆ อย่างนี้ แต่ถ้าถอดใจความออกแล้วคิด ก็เป็นอย่างที่ท่านชิน นำมาเล่าให้ฟังนี่แหละ   
       ส่วนอีกเพลงที่ผมคิดว่า เป็นเพลงที่ทำให้คิดแนวนี่เช่นกัน คือเพลง แม่ผักบุ้งบ้านดอน ของไพรวัลย์ ลูกเพชร  เนื้อท่อนที่ว่า "หากได้ขึ้นเตียง นอนมุ้ง จะไม่ลืมผักบุ้งบ้านดอน" อันนี้ คิดลึกก็คือ ขอนอนด้วยคน  แบบบทเพลง ดีๆนี่เอง


+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=2600

ออฟไลน์ ภูฤดี

  • MOD1
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 387
    379
  • เพศ: ชาย
  • ภูผาจิต
Re: อีโ๋รติคในบทเพลงของ ทูล ทองใจ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 18/ต.ค./11 11:49น. »

ขอแถมนิดนึงครับ
มีเพลงอีกเพลงนึง ซึ่งไม่ใช่ และไม่เกี่ยวกับคุณทูล ทองใจ แต่เป็นแนวเพลงอารยะสังวาสเช่นกัน
แล้วรุ่นพี่ที่เคารพในเว็บสายสัมพันธ์สองท่าน ที่มักมีข้อมูลให้ผมรับรู้   เอ่ยถึงเพลงนี้เหมือนๆกัน
ว่า เป็นเพลงที่ชอบที่สุด..ในแนวทางอย่างว่า..เลยตัดแปะมาให้ได้รู้เห็นกันนะครับ  :'e:37
(ยังไม่ได้ไปหาฟังเลยครับ  พี่น้องท่านใดสนใจ ลองแสวงหา แล้วได้ความอย่างไร  มาเล่าสู่กันฟังบ้างก็ดีครับ)
ขอขอบคุณ พี่ดวงจันทร์ และ ท่านหมื่นกระบี่ไร้พ่าย เจ้าของข้อมูลในเว็บสายสัมพันธ์นะครับ



เพลง "เห่ฉิมพลี"

คำร้อง/ทำนอง พร ภิรมย์
พร ภิรมย์ ขับร้อง

น้อง นอน นอน หนุนตัก พี่นอน
นอน นอน นอน น้องนอน จะกล่อมให้นอน

ฉิมพลี พิมานมาศ สุดสวาท นางกากี
เวนไตย ให้ยินดี ปรีดาแนบ แอบนางชม
สองสุข สองสวาท แสงโสมสาด สองสุขสม
สองสนิท สองชิดชม สองภิรมย์ สมฤดี

นกแนบ นวลนางนอน กางสองกร โอบกากี
ชื่นชีวัน ขวัญชีวี แนบฉิมพลี หลับไม่ลง
สะท้านชานไกรลาส พิศวาส ประหลาดหลง
พระสุเมร ค่อยเอนลง ทอดยอดตรง หิมพานต์

นาคี สีทันดร เริงสาคร กระฉอกฉาน
กระเทือน ถึงบาดาล แผ่พังพาน เข้าถ้ำไป
ราหู จับจันทรา สู้ฤทธิ์รา หูไม่ไหว
ราหูอม สมฤทัย ไม่ยอมให้ พระจันทร์จร

อสุนีบาต ฟาดสายฟ้า ต้องภูผา หน้าสิงขร
ราหูอาย คลายจันทร สุดอาวรณ์ อาลัยจันทร์
นาคี เริงสาคร อ่อนใจตัว กลัวสุบรรณ
แผลงฤทธิ์ พ่นพิษพลัน หนีสุบรรณ ข้ามฉิมพลี

ยอดเอย เจ้ายอดรัก ผู้มีพักตร์ ผ่องโสภี
หลับตาอย่าพาที ฟังเสียงพี่ อย่ารำคาญ
ตักพี่ นี้แทนหมอน ทิฆัมพร แทนมุ้งม่าน
โพยภัย ไม่แผ้วพาน หลับสำราญ ดั่งฉิมพลี

น้อง นอน นอนหนุนตัก พี่นอน
นอน นอน นอน นะ นอน จะกล่อม ให้นอน

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=2600
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18/ต.ค./11 13:26น. โดย เจ เหน่งบา »
....รักสูญสิ้น ภิณฑ์พรากจากเหน่งบา....

Rapee

  • บุคคลทั่วไป
Re: อีโ๋รติคในบทเพลงของ ทูล ทองใจ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 18/ต.ค./11 14:14น. »

โอ้ เยอะจริง ๆ ค่ะ เห็นคนอ่านแต่เม้นน้อยเลยขออนุญาตแจม  :'e:121

พอได้มาอ่านแบบที่มีคน..วิเคราะห์..ชี้แนะ..ให้เห็นกันตรงนี้ ก็เลยนึกว่าภาษาที่ใช้แต่งนั้นมันสวยจริง ๆ ทำให้เลือดกำเดาแทบไหล..ฮา...
แต่ทั้งนี้ทำให้ใบตองนึุกถึง..บทกลอน..ของไทยเราเองก็มีลักษณะเช่นนี้มานานแล้ว ซึ่งในภาษากลอนเค้าเรียกว่า..บทอัศจรรย์..

บทอัศจรรย์ คือ  การพรรณา การแสดงความรักระหว่าง ตัวพระ และตัวนาง ถ่ายทอดออกมา  ในเชิง วรรณศิลป์ โดยใช้ความงามทางภาษา  ซึ่งมักจะอยู่ในภาษาสัญลักษณ์และ การเปรียบเปรย ออกมาในรูปของ ทะเล ภูเขา แม่น้ำ สายลม  เป็นการนำเสนอ ศิลปะ ของกวีผู้รจนา ซึ่งต้องใช้จินตนาการ  ในการตีความ

จะขึ้นข้อใหม่ก็นะ..มาขอแบ่งปันกันในกระทู้นี้ด้วยก็แ้ล้วกันค่ะ



“บันดาลพลาหกเทวบุตร
ก็ผึ่งผุดตั้งทั่วทิศาศาล
โพยมพยับอับอึงอนธการ
สะท้านถึงเมรุราชสีขรินทร์

สัตภัณฑ์บรรพตก็ไหวหวั่น
คงคาลั่นเป็นระลอกกระฉอกสินธุ์
ฝูงมหามัจฉาในวาริน
ก็โดดดิ้นเล่นน้ำลำพองกาย

อันดอกดวงสิมพลีที่ตูมกลัด
ครั้นฝนซัดเชยแช่มแย้มขยาย
ที่ตูมบานก้านกลีบขจรจาย
รำพายกลิ่นรื่นรสเสาวคนธ์

แมลงภู่ทิพรีบเร่งมาเอาซาบ
อาบละอองต้องทั่วทุกขุมขน
สองสุขสองเกษมเปรมสกนธ์
สองกมลสองสวาทไม่คลาดกัน”

(จาก กากีกลอนสุภาพ)

————————————————————

“อัศจรรย์ลั่นพิลึกกึกก้อง
ฟ้าร้องครั่นครื้นดังปืนใหญ่
เกิดพายุโยนยวบสวบสาบไป
หลังคาพาไลแทบเปิดโปง

ฝนตกห่าใหญ่ใส่ซู่ซู่
ท่วมคูท่วมหนองออกนอกเจิ่ง
คางคกขึ้นกระโดดโลดลองเชิง
อึ่งอ่าเริงร่าร้องแล้วพองคอ

นกกระจอกออกจากวิมานมะพร้าว
ต้องฝนทนหนาวอยู่งอนหง่อ
ขนคางหางปีหเปียกจนมอซอ
ฝนก็พอขาดเม็ดเสร็จบันดาล”

(จาก ระเด่นลันได)

————————————————————

“เกิดกุฬาคว้าว่าวปักเป้าติด
กระแซะชิดขากบกระทบเนียง
กุฬาส่ายย้ายหนีตีแก้เอียง
ปักเป้าเหวี่ยงยักแผละกระแซะชิด

กุฬาโคลงไม่สู่คล่องกระพร่องกระแพร่ง
ปักเป้าแทงตะละทีไม่มีผิด
จะแก้ไขให้หลุดสุดความคิด
ประกบติดตกผางลงกลางดิน”

(จาก พระอภัยมณี)

————————————————————

“พลางอุ้มจุมพิตสนิทถนอม
งามละม่อมละมุนจิตพิสมัย
ร่วมภิรมย์สมสองทำนองใน
แผ่นดินไหวจนกระทั่งหลังอานนท์

ในนทีตีคลื่นเสียงครื้นครึก
ลั่นพิลึกโลกาโกลาหล
จิ๊บดนตรีปี่พาทย์ระนาดกล
ไม่มีคนไขดังเสียงวังเวง

อัศจรรย์ลั่นดังระฆังฆ้อง
เสียงกึกก้องเก่งก่างโหง่งหง่างเหง่ง
ปืนประจำกำปั่นก็ลั่นเอง
เสียงครื้นเครงครึกโครมโพยมบน

สุนีบาตฟาดเสียงเปรี้ยงเปรี้ยงเปรื่อง
กระดองเดื่องดินฟ้าเป็นห่าฝน
ทุกธารถ้ำน้ำพุทะลุล้น
ท่วมถนนแนวฝั่งเกาะลังกา”

(จาก พระอภัยมณี)

————————————————————

“ว่าพลางทางเปลื้องเครื่องคาด
แขวนพาดฉากลงประจงจับ
อุ้มนางวางตักสะพักรับ
ก็ทอดทับระทวยลงดั่งท่อนทอง
พระพายชายพัดบุบปชาติ
เกสรสาดหอมกลบตรลบห้อง
ริ้วริ้วปลิวชายสไบกรอง
พระจันทร์ผันผยองอยู่ยับยับ
พระอาทิตบ์ชิงดวงพระจันทร์เด่น
ดาวกระเด็นใกล้เดือนดาราดับ
หิ่งห้อยพร้อยไม้ไหวระยับ
แมลงทับท่องเที่ยวสะเทือนดง”

(จาก เสภาขุนช้างขุนแผน)

————————————————————

“เอนอิงพิงประทับลงกับหมอน
สะเอื้อนอ้อนอ่อนแอบลงแนบหน้า
กระเดือกเสือกดิ้นอยู่ไปมา
เกิดมหาเมฆมืดโพยมบน

ฮือฮืออื้อเสียงพยุพัด
กลิ้งกลัดเกลื่อนกลุมชอุ่มฝน
เป็นห่าแรกแตกพยับโพยมบน
ไม่ทานทนทั่วกระทั่งทั้งแดนไตร”

(จาก เสภาขุนช้างขุนแผน)

————————————————————

“ว่าพลางทางประจงปลงจิต
เนื้อสนิทแนบกันกระสันหา
สองชื่นรื่นรสภิรมยา
ดั่งราหูจู่จับพระจันทร

อ้าโอษฐ์โกรธกริ้งกระหยับย้ำ
กรกำเรือนรถจะสังหร
แสงจันทร์อับชะอำในอัมพร
ด้วยกำลังฤทธิรอนอสุรินทร์

พสุธาอากาศก็อับแสง
ไม่แจ่มแจ้งแหล่งหล้าวนาสิน
ประจักษ์จันทร์อุปราค์ทั้งแดนดิน
ก็อึงอินทเภรีระดมปืน

ฆ้องระฆังกังสดาลประสานเสียง
สำเนียงโห่ลั่นหล้าไม่ฝ่าฝืน
ประเวณีคลี่คลายขยายคืน
ก็แช่มชื่นเด่นดวงศศิธร”

(จาก กากีกลอนสุภาพ)

————————————————————

“ประเคนนางวางแท่นแสนสวาท
สัมผัสพาดเพิ่มจิตพิสมัย
อัศจรรย์ลั่นเลื่อนสะเทือนไป
ที่ถ่านไฟเก่าดับก็กลับโพลง

เหมือนเมื่อปีมีวันจันทร์อังคาธ
โลกธาตุเลื่อนลั่นควันโขมง
เขาเนมินทร์อิสินทรเลื่อนคลอนโคลน
ทะเลโล่งลมคลื่นเสียงครื้นครึก”

(จาก พระอภัยมณี)

————————————————————

“กอดประทับกับกายสายสวาท
นุชนาฏถนอมจิตสนิทสนอง
เสน่ห์แนบแอบเอียงเคียงประคอง
ตามทำนองสองสนิทไม่บิดพลิ้ว

อัศจรรย์หวั่นไหวไม่เร่งรัด
เป็นลมพัดเรื่อยเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยฉิว
ช่อใบไม้ไหวกระดิกริกริกริ้ว
ระหวยหิวหอบระเหยเลยหลับไป”

(จาก พระอภัยมณี)

————————————————————

“ปล้ำล้มจมเตียงเสียงต้ำเฮือก
วันทองเสือกตำฝาตาป๋อหลอ
อัศจรรย์ฟ้าลั่นฝนตกปรอ
เสียงจ้อไปไหลอาบซาบแผ่นดิน

กุ้งปลาดีใจไล่มุดโผล่
แต่ล้วนตัวโตโตเข้าเคล้าหิน
เทโพเทพาเที่ยวหากิน
ว่ายวารินชำแรกแทรกถึงพิ้น”

(จาก เสภาขุนช้างขุนแผน)

————————————————————

“กำเริบราคเสียวกระสันประหวั่นจิต
หวุดหวิดวุ่นวายกายกระฉ่อน
พระพายพัดซัดคลื่นในสาคร
กระท้อนกระทบกระทั่งฝั่งกระเทือน

เรือไหหลำแล่นล่องเข้าคลองน้อย
ฝนปรอยฟ้าลั่นสนั่นเลื่อน
ไต้ก๋งหลงบ่ายศรีษะเชือน
เบือนเข้าติดตื้นแตกกับตอ”

(จาก เสภาขุนช้างขุนแผน)






แหล่งที่มา : http://women.mthai.com





+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=2600

Re: อีโ๋รติคในบทเพลงของ ทูล ทองใจ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 28/ต.ค./11 00:42น. »

ดีจังครับ ทั้งคนตั้งคนแจม ชอบๆ

ได้ความรู้ได้ความคิด ได้รู้จักคนที่รู้พินิจในวรรณคดี ;-)

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=2600

ออฟไลน์ แดง เจดีย์

  • ผู้ทรงเกียรติ
  • *
  • ออฟไลน์
  • 126
    167
Re: อีโ๋รติคในบทเพลงของ ทูล ทองใจ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: 28/ต.ค./11 08:51น. »

ผมว่านักแต่งเพลงในอดีตเก่งมาก ยกตัวอย่างชัดๆ
ไม่ซับซ้อนอะไรอย่างเพลง"แก่งคอย"ที่ ก้าน แก้วสุพรรณ
เป็นผู้ขับร้อง


แก่งคอย หัวใจพี่คอยน้องอยู่
เกาะแก่งเก่า ที่เราสมสู่
ยังคอย น้องอยู่ทุกวัน
เคยรื่น ชื่นใจ
สายน้ำ สายลม แสงจันทร์
สิ่งเก่าเก่า เผารุม อกฉัน
ทุกวัน มันชวน หมองหม่น
แก่งคอย รักพี่ คล้อยตาม ชื่อแก่ง
เจ้า มาจาก ปากทาง สามแพร่ง
ดูใจ มันแพร่ง เล่ห์-กล
โอ้โอ๋ แก่งคอย
รักลอย ลวงข้า ช้ำทน
อยู่ อย่างเบื่อ เหมือนดัง เดนคน
เพราะพี่ เป็นคน ใจเดียว
น้ำ ในลำธาร ไหลเอื่อย-ริน
ที่ จะดิ่ง ยังคง รู้สิ้น
แม้น้ำ จะริน ไหลเชี่ยว
แต่น้ำ ใจเจ้า
ลึกล้น จนใจ จริงเจียว
สุด หยั่งพ้น วน หลายเกลียว
เหลียวไหล ตามใจ ต้องการ
แก่งคอย พี่คอย เหมือนดัง ชื่อแก่ง
เกลียด สุดเกลียด ที่ใจ น้องแบ่ง
ดวงใจ รักให้ ชายชาญ
โอ้ว่า แก่งคอย
เหลือเพียง รอยเงา ร้าวราน
สิ่ง เก่าเก่า เผาใจ ไปนาน
โอ้ชาน กระท่อม แก่งคอย
  
แก่งคอย พี่คอย
เหมือนดัง ชื่อแก่ง
เกลียด สุดเกลียด ที่ใจน้องแบ่ง
ดวงใจ รักให้ ชายชาญ
โอ้ว่า แก่งคอย
เหลือเพียง รอยเงา ร้าวราน
สิ่ง เก่าเก่า เผาใจ ไปนาน
โอ้ชาน กระท่อม แก่งคอย
แก่งคอย แก่งคอย
แก่งคอย

ลองคิดดูคำว่าสมสู่รู้สึกอย่างไร


+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=2600
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28/ต.ค./11 08:52น. โดย ปู »

ออฟไลน์ chomm

  • เทพ
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 1688
    731
Re: อีโ๋รติคในบทเพลงของ ทูล ทองใจ
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: 28/ต.ค./11 09:03น. »

เพลงที่คุณเจยกตัวอย่างมา  ฟังบ่อยๆแต่ไม่ได้นำมาเรียบเรียงเป็นประโยคให้ได้คิด  ทั้งภาษาก็สละสลวยรวมทั้งความหมายก็ขัดเจนมากเลยค่ะ

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=2600

ออฟไลน์ ภูฤดู ปักซัว

  • Administrator
  • *
  • ออฟไลน์
  • 4207
    3176
  • เพศ: ชาย
    • อีเมล์
Re: อีโ๋รติคในบทเพลงของ ทูล ทองใจ
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: 28/ต.ค./11 09:39น. »

ใช่เลยครับ  คุณปู

แก่งคอย เพลงนี้ชอบฟังบ่อยๆ  แต่ไม่ได้แกะความหมายออกมาอย่างชัดเจน อย่างนี้

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=2600
<a href="http://www.clocklink.com/clocks/5032-orange.swf?TimeZone=GMT0700&amp;" target="_blank" class="new_win">http://www.clocklink.com/clocks/5032-orange.swf?TimeZone=GMT0700&amp;</a>

ออฟไลน์ พี

  • เทพ
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 1152
    185
Re: อีโ๋รติคในบทเพลงของ ทูล ทองใจ
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: 28/ต.ค./11 10:44น. »

นักประพันธ์เพลง แต่งออกมาเพื่อความบันเทิง แต่ก็แฝงนัยยะสำคัญเอาไว้ในเนื้อเพลง แต่คนฟัง ฟังเพียงเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มิได้คิดเตลิดไปไกลขนาดนั้น
จึงไม่ค่อยจะรู้สึกอะไรมากนัก นอกจากจะตั้งใจฟังเพื่อหาความนัยที่แฝงอยู่ในเพลงเท่านั้น แต่นี่ก็คือความงามของภาษาไทยที่คนเป็นศิลปินเท่านั้นจะสรรหาออกมาสู่โสตของคนฟัง/อ่านได้

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=2600

ออฟไลน์ เก่ง แก่งคอย

  • มือสมัครเล่น
  • **
  • ออฟไลน์
  • 33
    8
Re: อีโ๋รติคในบทเพลงของ ทูล ทองใจ
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: 23/ก.ย./13 16:44น. »

เป็นเพลงประจำอำเภอที่ผมอยู่ครับ มีหลายท่านนำมาร้องใหม่ แต่ต้นฉบับของทูล ทองใจ คนจะคุ้นกว่า

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=2600