ผู้เขียน หัวข้อ: วาวา อยี๋ ปลาที่เนื้อแพงที่สุดในโลก หน้าตาเป็นอย่าไรมาดูกันครับ  (อ่าน 2938 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ chin khalang

  • Administrator
  • *
  • ออฟไลน์
  • 192
    322
  • ยินดียิ่งแล้วแขกแก้วมาเยือน
    • อีเมล์


ปลาอะไรเอ่ย มีราคาแพงที่สุดในโลก ?

ผมชื่อ ต้าหนี ชื่อเล่น วาวา อยี๋ เป็นไงฮับ
ความหล่อเหลาของผม เนื้อผมก็อร่อยนะ
   
        วาวา อยี๋ (娃娃鱼) เป็นชื่อที่ชาวจีนเรียกกันทั่วไปว่า ปลา วาวา มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า ต้าหนี (大鲵) ซึ่งแท้จริงแล้วหาใช่ปลาไม่ แต่เป็นสัตว์สะเทินบกสะเทินน้ำดึกดำบรรพ์ชนิดหนึ่งที่เริ่มต้นวิวัฒนาการกลายมาเป็นสัตว์เลื้อยคลานกึ่งบกกึ่งน้ำที่มีชื่อเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Giant Salamander ชื่อทางวิชาการก็คือ Andrias davidianus แต่ชาวจีนนับเป็นปลานั้น เพราะว่ามันเป็นสายพันธุ์ที่ยังต้องอาศัยอยู่ในน้ำเกือบตลอดเวลานั่นเอง 
ต้าหนี มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวของมัน ขนาดใหญ่ที่เคยพบเห็นนั้นมีความยาว 1.3 เมตร น้ำหนัก 40 กิโลกรัม ลำตัวเป็นสีดำ หรือออกแดงสีอิฐ หัวกลมแบน มีดวงตาขนาดเล็กที่ใช้งานไม่ดีหนึ่งคู่ ปากกกว้าง มีฟันบนเรียงกัน 2 แถว แต่มีฟันล่างเพียงแถวเดียว มีหางแบน มีขาที่ค่อนข้างสั้นเต่อ 4-2 คู่ ขาคู่หน้ามี 4 นิ้ว แต่ขาคู่หลังกลับมีถึง 5 นิ้ว ต้าหนีอาศัยมีชีวิตรอดอยู่ได้ในลำธารน้ำไหลเย็นภายในถ้ำที่มีความชื้นที่ไม่ค่อยมีแสงในเวลากลางวัน อุณหภูมิ 18 – 22 องศา C มันกินอาหารน้อย วันละ 200 – 300 กรัม ต่อวันก็เพียงพอสำหรับตัวมันแล้ว มันมีการเลื่อนไหวเชื่องช้า จึงถูกกจับได้ง่าย 

 นี่คือรูปร่างเต็มตัวของผมครับ
ยังไม่โตเต็มที่นะครับ

คุณหวัง กวั๋วซิ่ง เจ้าของบริษัท จินหนี
ผู้บุกเบิกการเพาะเลี้ยง ต้าหนี เป็นการค้า
ทางการจีนขึ้นทะเบียน วาวา อยี๋ เป็นสัตว์คุ้มครองชั้น 2 ที่ยังคงมีหลงเหลืออยู่แต่ในประเทศจีนเท่านั้น มันเป็นสัตว์สมัยดึกดำบรรพ์ที่ยังคงรูปลักษณ์เหมือนเดิมเมื่อครั้ง 350 ล้านปีที่แล้วมา มันได้รับสมญานามว่าเป็น ฟอสซิลที่มีชีวิต และกำลังจะสูญพันธุ์ไปในไม่ช้านี้ เนื่องจากราคามันสูงลิ่วจูงใจเป็นอย่างยิ่ง ราคาอย่างต่ำไม่น้อยกว่า 5,000.00 บาท จนกระทั่งเป็น 10,000.00 บาท ต่อกิโลกรัมเลยทีเดียว จึงทำให้มีการลักลอบจับมาขายกันจนเกือบไม่เหลือหรอ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ปัจจุบันได้มีภัทตราคารที่จำหน่ายเมนูอาหารจานปลาชนิดนี้อย่างถูกกฏหมายเสียด้วย เอ๊ะ คงสงสัยละซีว่า เป็นสัตว์ที่ขึ้นบัญชีคุ้มครองแล้ว ทำไมจึงอนุญาตให้ฆ่าขายเป็นอาหารได้ด้วยเล่า ? มาดูความลึกลับของมันดีกว่า

บ่อเพาะเลี้ยงภายในถ้ำ

ภัตตาคาร จินหนี หรูหรา สุดอลังการณ์ในป่าลึก
ที่มีแต่บรรดาผู้มีอันจะกินเท่านั้นที่เข้ามาอุดหนุน
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกับชื่อเสียงเรียงนามของมันเสียก่อนว่า มีความเป็นมาอย่างไร แรกสุดที่ได้มีการค้นพบสัตว์ชนิดนี้นั้น ชาวบ้านที่พำนักพักอยู่ใกล้กับแหล่งที่อยู่อาศัยของมัน ซึ่งเป็นลำธารในป่าลึก มักจะได้ยินเสียงร้อง อุ๊แว้ อุแว๊ เหมือนเสียงเด็กร้องในเวลาตอนกลางคืน (หูคนจีนได้ยินเสียงเป็น วา วา และเรียกเด็กทารกหรือตุ๊กตาเด็กเล่นว่า วาวาเหมือนกัน) อันเป็นช่วงที่มันออกมาจากซอกหลืบก้อนหินเพื่อจับหาอาหารกิน ชาวบ้านจึงให้ชื่อมันว่า ปลา วาวา (ปลาทารกหรือปลาอุแว๊ก็คงได้กระมัง) และสาเหตุที่ทำให้ วาวา อยี๋ มีราคาสูงถึงปานนี้นั้น เกิดจากแรงหนุนส่งความเชื่อจากคำบรรยายสรรพคุณทางยาของมันในตำหรับยาสมุนไพรจีน “เปิ่นฉ่าวกังมู่” (本草纲目) ที่เขียนรวบรวมโดย หลี่ สือเจิน นั้น (李时珍) บรรยายสรรพคุณทางยาของ วา วา อยี๋ ไว้ว่าสามารถใช้เป็นยารักษา โรคอหิวาห์ โรคบิด โรค好科病 โรค冷血病 เป็นยาสงบอารมณ์ ทำให้นอนหลับได้ลึก เจริญอาหารบำรุงกำลัง เสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย  มีไขมันแต่ไม่เลี่ยน ใช้เป็นยารักษาแผลอันเกิดจากไฟไหม้น้ำร้อนลวกได้อย่างวิเศษ สารคอลลาเจนที่ขับออกมาจากผิวหนังเป็นเมือกรอบตัวมันนั้นเป็นเครื่องประทินโฉมรักษาผิวได้วิเศษยิ่ง เนื้อของมันละเอียดนุ่ม รสชาติอร่อย อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร เป็นยาบำรุงที่ดียิ่งสำหรับผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ เหงื่อแตกในยามกลางคืน เลือดลมไม่ปกติในเพศหญิง บำรุงไตและสร้างเชื้อสเปิร์มในเพศชาย ถือเป็นยาบำรุงสุขภาพที่ดีเลิศสำหรับชายหญิงทุกรุ่นทุกวัยทุกอายุเลยทีเดียว นั่นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้มันมีราคาแพงและกล้าลักลอบจับกันโดยไม่เกรงกลัวกฏหมายแต่อย่างใด

ภายในห้องอาหาร – จัดเลี้ยง เมนูต้าหนี ขึ้นชื่อ ปาป่าว วาวา อยี๋
ในเมื่อต้าหนี (วาวา อยี๋) เป็นสัตว์ที่รัฐบาลให้การคุ้มครองแล้วทำไมจึงได้มีภัตตาคารจำหน่ายสัตว์ชนิดนี้เหมือนร้านอาหารป่าที่ผิดกฏหมายได้เล่า ? อันนี้ต้องมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฏหมายคุ้มครองสัตว์ป่าของทางการจีนเสียก่อน สัตว์ป่าที่ได้ขึ้นทะเบียนให้ความคุมครองแล้วนั้น ถ้าเอกชนที่มีความประสงค์ทำการเลี้ยงขยายพันธุ์เพื่อทำเป็นธุรกิจการค้าโดยที่สามารถเพาะเลี้ยงได้เองแล้ว (ไม่ใช่ลักขโมยจับมาจากแหล่งธรรมชาติ) ต้องทำเรื่องยื่นขอและแสดงกรรมวิธีการเพาะเลี้ยงและผลงานการขยายพันธุ์ต่อเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องนี้ เมื่อสามารถตรวจสอบความเป็นจริงได้แล้ว จึงออกหนังสืออนุญาตให้ทำการผู้จำหน่ายสัตว์ป่าที่ทำการเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ขึ้นมาเองได้ (ซึ่งผิดกับกฏหมายไทยที่ห้ามเลี้ยงเด็ดขาด เพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ก็ไม่ได้ ซึ่งวิธีการดังกล่าวเท่ากับเป็นการเร่งให้สัตว์ป่าสูญพันธุ์เร็วขึ้น เนื่องจากมีแต่การลักลอบจับฆ่าทำลายลดจำนวนลง ไม่มีการเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์เพิ่ม เป็นการปิดกั้นหนทางสืบสายพันธุ์โดยสิ้นเชิง แต่ถ้ามีการเปิดให้ทำการเพาะเลี้ยงได้ ก็จะเป็นหนทางอนุรักษ์สืบสายพันธุ์อย่างถูกฏหมาย แต่ต้องมีการดำเนินการด้วยความเข้มงวดบริสุทธิ์ใจทั้งฝ่ายผู้ดำเนินการและผู้รักษากฏหมาย ไม่ใช่เป็นการสวมสิทธิ์บังหน้าลวงหลอกของผู้เพาะเลี้ยงหรือแกล้งปิดหูปิดตาทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นจากเจ้าหน้าที่)

ต้าหนี (วาวา อยี๋) ตัวใหญ่เท่าที่เคยพบ ลำตัวยาว 1.3 เมตร น้ำหนัก 43 กิโลกรัม
บุคคลคนแรกที่ประสบความสำเร็จในการเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ ต้าหนี นั้นเป็นชายชื่อว่า หวัง กวั๋วซิ่ง (王国兴) เดิมมีอาชีพขับรถส่งสินค้า หลังจากนั้นหันมาเลี้ยงตะพาบน้ำเนื่องจากราคาดี ต่อมามีผู้เลี้ยงมากขึ้นเรื่อยๆจนไม่มีกำไร จึงได้หันมาสนใจ วาวา อยี๋ ซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีผู้ใดเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ได้สำเร็จ จึงพาตัวเองเข้าไปในดงป่าลึกแห่งหนึ่งในเมือง จังเจียเจี้ย (张家界) มณฑลหูหนาน (湖南) อันเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ชนิดนี้ โดยหมกตัวเองกินนอนอยู่ภายในถ้ำอันเป็นที่พักอาศัยของมันเป็นเวลา 5 ปีเต็มๆโดยไม่ได้ไปไหนเลย ในช่วงเวลาห้าปีนี้ คุณหวังได้ทำการศึกษาความเป็นอยู่ของมัน เฝ้าสังเกตุการสืบพันธุ์ ตลอดจนการกินอยู่ของมันอย่างละเอียด ทำการทดลองผสมเทียมจนกระทั่งพบกับความสำเร็จ จึงได้ทุ่มทุนทั้งหมดขออนุมัติจากทางการขุดอุโมงค์เป็นถ้ำขนาดใหญ่ มีความยาวร่วม 600 เมตร ก่ออิฐสร้างบ่อเพาะเลี้ยงขึ้นภายในถ้ำ มีอัตราการพาะเลี้ยงรอดสูง จนสามารถจำหน่ายมีรายได้ร่ำรวยมหาศาล หลังจากนั้นจึงได้สร้างภัตตาคารหรูขึ้นจำหน่ายอาหารเมนูต้าหนีที่หน้าถ้ำ อันเป็นสถานที่ที่เพาะเลี้ยง วาวา อยี๋นั่นเอง หลังจากนั้นยังได้เปิดบริษัททำการวิจัยค้นคว้านำมาผลิตเป็นยา ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม รวมทั้งเปิดโรงเรียนอบรมการเพาะเลี้ยง วาวา อยี๋ แก่บุคคลทั่วไปอีกด้วย ผู้ที่สนใจสามารถเปิดเข้าไปดูรายละเอียดเว็บไซท์ จินหนี (金鲵) ได้ที่  http://www.jinni.cn/

เป็นไงครับหน้าตาผม น่าทานไหมครับ :'e:56 :'e:56

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=2583


เฮ้อ... กินซาราแมนเดอร์ ไม่ไหวจริงๆครับ

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=2583

ออฟไลน์ chinda

  • VIP
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 407
    528
    • อีเมล์

อ่านจบแล้วค่ะอาจารย์ เป็นเรื่องที่น่ารู้และแปลกค่ะ เป็นสัตว์ คุ้มครอง แต่สามารถ เพาะเลี้ยงขยายพันธ์เอง แล้วเอามาขายได้
ตั้งร้านอยู่กลางป่าเลย คนจนไม่มีสิทธ์กินแต่กว่าเขาจะทำสำเหร็จได้ก็ ต้องทุ่มทั้งตัวเองใข้เวลายาวมากและทุนทรัพย์อีกมากมาย
เรื่องนี้สุดยอดจริงๆอาจารย์ สมควรรวยค่ะ ขอขอบคุณอาจารย์มากที่นำเรื่องดีๆมาฝาก   
                                                                                            :'e:95

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=2583

  

ออนไลน์ ภูฤดู ปักซัว

  • Administrator
  • *
  • ออนไลน์
  • 4207
    3176
  • เพศ: ชาย
    • อีเมล์

ต้องปรบมือคารวะให้คุณหวังละครับ อ.ชิน
5 ปี สำหรับการทุ่มเทศึกษา ไม่ธรรมดาครับ

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=2583
<a href="http://www.clocklink.com/clocks/5032-orange.swf?TimeZone=GMT0700&amp;" target="_blank" class="new_win">http://www.clocklink.com/clocks/5032-orange.swf?TimeZone=GMT0700&amp;</a>

Rapee

  • บุคคลทั่วไป

ขอบคุณมากค่ะคุณชิน ที่สรรหาเรื่องแปลก ๆ มาให้อ่าน
จะว่าไปมนุษย์เรานี่ก็สุดยอดนะคะ พยายามที่จะขยายพันธุ์เพื่อนำมาเลี้ยงขายจนได้
ดูตัวปลาแล้ว ก็ไม่น่าจะรับทานสักเท่าไร แต่สรรพคุณนี่สิ น่าสน 


:'e:121 :'e:121 :'e:121

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=2583

ออฟไลน์ chomm

  • เทพ
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 1688
    731

เห็นตัวแล้วไม่กล้ากินค่ะ

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=2583

ออฟไลน์ ลมละเมอ

  • มืออาชีพ
  • **
  • ออฟไลน์
  • 101
    24
  • เพศ: หญิง

เห็นรูปแล้วไม่ไหวจริงๆ ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องแปลกๆที่นำมาให้อ่านกัน  :'e:92

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=2583

ออฟไลน์ น้องดา

  • VIP
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 2123
    211
  • เพศ: หญิง
  • -
    • -
    • อีเมล์

คงไม่กล้ากินและคงแพงน่าดู สิ่งที่เราไม่เคยกินคงไม่กล้าค่ะ ขอบคุณ สำหรับภาพสวยๆค่ะ

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=2583
-