อลูมิเนียมเป็นโลหะที่ใช้กันอยู่แพร่หลาย มีทั้งที่เป็นโลหะชนิดเดียวและที่อยู่ในรูปของโลหะผสม ซึ่งเป็นส่วนประกอบของเครื่องมือและอุปกรณ์หลายๆชนิด อาทิเช่น อุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องใช้ในครัวเรือน ส่วนประกอบของเครื่องบิน เนื่องจากคุณสมบัติในการนำไฟฟ้าและสามารถตีแพร่ได้ นอกจากประโยชน์ที่มีมากมายแล้วใครจะรู้บ้างว่าอันตรายของโลหะชนิดนี้ก็มีมากเช่นเดียวกัน
การที่เราได้รับหรือสัมผัสกับไอออนของอลูมิเนียมปริมาณมากหรือเป็นระยะเวลายาว สามารถก่อให้เกิดความผิดปกติของร่างกายหลายด้าน ได้แก่
v กระดูกบาง แตกหักง่าย
v กล้ามเนื้อแขนขาลีบ
v ติดเชื้อง่าย
v ไตและอวัยวะอื่นๆถูกทำลาย
v การทำงานของหัวใจผิดปกติ อาจถึงแก่ชีวิตด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว
v ความผิดปกติของระบบประสาท เช่น สั่น เกร็ง กระตุก ชัก สูญเสียการรับรู้ ความจำเสื่อม สมาธิสั้น และโรคอัลไซเมอร์
ในชีวิตประจำวัน เราอาจไม่รู้เลยว่าขณะนี้อาหารที่เรารับประทานหรือผลิตภัณฑ์ที่เราใช้อยู่มีอลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบ เพราะแม้แต่ในยาลดกรดในกระเพาะอาหาร ( Antacid) ยาแอสไพรินแก้ปวดก็มีส่วนผสมเป็นอลูมิเนียม ขนมบางชนิด เช่น โดนัท วาฟเฟิล มัฟฟิน (ในขนมเหล่านี้จะใช้เกลือโซเดียมอลูมิเนียมฟอสเฟต) สีผสมอาหาร ยาสีฟันโดยเฉพาะชนิดที่ทำให้ฟันขาว สารระงับเหงื่อ หรือแม้แต่ในน้ำที่มีการเติมอลูมิเนียมซัลเฟตเพื่อทำให้น้ำใสขึ้น และภัยมืดที่เรามักมองข้ามไปคือภาชนะที่เราใช้ประกอบอาหาร เช่น กระทะ หม้อ ซึ่งถ้าเรานำภาชนะเหล่านี้มาประกอบอาหารนั่นหมายถึงการปนเปื้อนของโลหะอลูมิเนียมในอาหารที่เรารับประทาน หรือแม้แต่การใช้ฟอยด์อลูมิเนียมห่ออาหาร เช่นการเผาอาหารทะเล หรือการอบขนมหวาน และในอุตสาหกรรมน้ำอัดลมและนมก็มีการใช้กระป๋องหรือกล่องบรรจุที่มีอลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบ
จะเห็นว่าเรามีโอกาสที่จะได้รับหรือสัมผัสกับโลหะชนิดนี้ได้หลายทางด้วยกันถึงแม้ว่าอลูมิเนียมจะมีอันตรายน้อยกว่าสารปรอท ตะกั่ว แคดเมียม สารหนูก็ตาม แต่การได้รับสารประเภทนี้เป็นประจำจะเกิดการสะสมในร่างกายและเกิดการสลายที่ค่อนข้างช้ากว่าโลหะชนิดอื่น ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคุณควรจะหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือได้รับสารที่มีอลูมิเนียมเป็นองค์ประกอบ นอกจากนี้การกินอาหารที่มีแคลเซียม แมกนีเซียม ธาตุเหล็กจะช่วยยับยั้งการดูดซึมของอลูมิเนียม และในอาหารที่มีซัลเฟอร์ปริมาณสูง เช่น ถั่ว หัวหอม กระเทียม กะหล่ำ ไข่ จะช่วยกำจัดอลูมิเนียมออกจากร่างกายคุณอีกด้วย
*ขอบคุณข้อมูลอินเตอร์เนต*