ผู้เขียน หัวข้อ: ขึ้นเขา เข้าถ้ำ ดื่มด่ำธรรมชาติ 3 อ่าว เมืองประจวบฯ  (อ่าน 1414 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ วิทยา

  • VIP
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 576
    1108



ขึ้นเขา เข้าถ้ำ ดื่มด่ำธรรมชาติ 3 อ่าว เมืองประจวบฯ
   
   
ยามเช้าที่อ่าวประจวบฯ

       พูดถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ความคิดของหลายๆ คนมักหยุดอยู่แค่หัวหิน เมืองตากอากาศยอดฮิต
ทุกยุคทุกสมัย แต่แท้จริงแล้วประจวบฯ มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะในตัวอำเภอเมือง
ประจวบฯ ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายให้เลือกสนุกกัน
       
       ประจวบคีรีขันธ์ได้ชื่อว่าเป็น “เมือง 3 อ่าว” เพราะทางทิศตะวันออกของตัวจังหวัดที่ติดทะเลอ่าวไทย
นั้นมีอ่าว 3 อ่าวทอดตัวยาวติดกันโดยมี “อ่าวน้อย” เป็นอ่าวที่อยู่ทางตอนเหนือสุดของตัวเมืองประจวบฯ
อ่าวน้อยมีหาดเล็กๆ วาดโค้งมาจดกับเขาตาม่องล่าย อีกฟากหนึ่งของเขาตาม่องล่ายเป็นจุดเริ่มต้นของ
“อ่าวประจวบคีรีขันธ์” ซึ่งยาวโค้งมาจนจดกับเขาล้อมหมวก ถัดจากเขาล้อมหมวกจึงเป็นพื้นที่ของ
“อ่าวมะนาว” ซึ่งเป็นพื้นที่ทหารของกองบินที่ 5 มีชายหาดโค้งกลมไปจดกับเขาคลองวาฬ


ทิวทัศน์ตัวเมืองประจวบฯ มองจากบนเขาช่องกระจก

       “ตะลอนเที่ยว” ขอเริ่มพาเที่ยวที่อ่าวที่ใหญ่ที่สุดคือที่ “อ่าวประจวบฯ” กันก่อน อ่าวแห่งนี้เป็นที่ตั้งของ
ตัวเมืองประจวบฯ มีความยาวของชายหาดประมาณ 8 กิโลเมตร ที่อ่าวประจวบฯเป็นที่ตั้งของ “เขาช่องกระจก”
ภูเขาขนาดย่อมซึ่งตั้งอยู่ริมทะเล เขาลูกนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองประจวบฯ ก็ว่าได้ เพราะด้านบนยอดเขา
เป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง อีกทั้งยังมีองค์เจดีย์ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถเสด็จมาทรงประกอบพิธีบรรจุพร้อมทั้งทรงปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์
ไว้ตั้งแต่ปี 2501
       
       เขาช่องกระจกถือเป็นส่วนหนึ่งของวัดธรรมิการาม ซึ่งตั้งอยู่บริเวณตีนเขา นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไป
กราบรอยพระพุทธบาทพร้อมทั้งสักการะพระบรมสารีริกธาตุได้อย่างสะดวกเพราะทางวัดทำบันไดคอนกรีตขึ้น
ไปสู่ยอดเขาอย่างดี จะไม่สะดวกก็เฉพาะสำหรับคนที่กลัวลิง เพราะเขาช่องกระจกนี้เป็นที่อยู่อาศัยของฝูงลิงแสม
หลายร้อยตัว การเดินขึ้นไปสู่ยอดเขาก็ต้องฝ่าฝูงลิงที่นั่งจับกลุ่มคอยมองดูว่าเราถืออะไรที่กินได้มาบ้างหรือเปล่า
แต่โดยส่วนใหญ่แล้วลิงเขาช่องกระจกค่อนข้างจะมีมารยาท ไม่ก้าวร้าวเหมือนที่อื่นๆ แต่หากใครไม่แน่ใจก็หา
ไม้ยาวๆ ซักท่อนติดมือขึ้นไป ไม่ใช่ให้เอาไม้ไปตีทำร้ายลิง แค่ไว้ใช้เคาะขอทางพี่ลิงก็เข้าใจ


เรือประมงลอยลำในอ่าวประจวบฯ

       นอกจากจะได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนยอดเขาแล้ว ด้านบนของเขาช่องกระจกยังเป็นจุดชมวิวทะเลและ
ตัวเมืองประจวบฯ ที่งดงามมากอีกด้วย มองไปด้านหน้าเห็นเกาะเล็กเกาะน้อยในอ่าวประจวบฯ ทั้งเกาะหลัก
เกาะไหหลำ เกาะร่ม มองเห็นสะพานปลายื่นยาวไปในทะเล หันหน้าไปทางแผ่นดินมองเห็นวัดธรรมิการาม
ศาลากลางจังหวัดและตัวเมืองประจวบฯ อยู่เบื้องล่าง ขอแนะนำให้ขึ้นเขามาช่วงเย็นๆ ที่แดดร่มลมตก
เพราะนอกจากจะไม่ร้อนไม่เหนื่อยมากแล้ว ยังจะได้เห็นแสงสีทองอาบทั่วตัวเมือง และหากใครอยู่ถึงพลบค่ำ
ก็จะได้เห็นแสงไฟจากในเมืองและจากเรือประมงในทะเล เป็นภาพที่สวยงามน่าประทับใจไม่น้อยเลย


ขึ้นมากราบพระบรมสารีริกธาตุบนเขาช่องกระจก

       ลงจากเขาไปเดินเล่นชายหาดกันบ้างดีกว่า เนื่องจากชุมชนแถบนี้ยังทำการประมงอยู่เป็นส่วนมาก ชายหาด
ของอ่าวประจวบฯ ในช่วงกลางวันจึงเต็มไปด้วยเรือประมงจอดลอยลำอยู่ และชายหาดก็อาจจะไม่สวยใสเท่าไรนัก
จึงไม่ค่อยมีผู้คนลงเล่นน้ำให้เห็น แต่ถ้าสำหรับการเดินเล่นชิลๆ ริมหาดแล้วล่ะก็ถือว่าเหมาะมาก เพราะมีทางเดิน
คอนกรีตเลียบหาดยาวตลอดเกือบทั้งอ่าว และบริเวณนี้ก็เป็นที่ตั้งของโรงแรมและร้านอาหารมากมาย ช่วงเย็นๆ
ไปจนค่ำจึงมีบรรยากาศคึกคักเป็นพิเศษ


ปูม้าสดๆ เพิ่งขึ้นจากเรือ
       แต่สำหรับคนชอบถ่ายรูปและชมวิวสวยๆ ต้องมาตอนช่วงเช้าตรู่เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นที่อ่าวประจวบฯ ถ้าสภาพ
อากาศเป็นใจก็จะได้เห็นพระอาทิตย์ลูกกลมโตค่อยๆ โผล่ขึ้นจากน้ำ พร้อมๆ กับที่เรือประมงเริ่มทยอยกลับเข้าฝั่งมุ่งหน้า
เข้ามาที่สะพานปลา “ตะลอนเที่ยว” ตามไปดูที่สะพานปลาเห็นเขากำลังคัดปูม้าสดๆ เป็นๆ ตัวสีฟ้าใส และปลาต่างๆ
ที่ติดอวนมา ซึ่งสัตว์ทะเลเหล่านี้ก็จะถูกส่งไปตามร้านอาหารและตลาดเป็นอาหารของคนต่อไป


อุโบสถวัดอ่าวน้อย

       จากอ่าวใหญ่ที่สุด มาที่อ่าวเล็กที่สุดคือ “อ่าวน้อย” กันบ้าง แม้จะเป็นอ่าวเล็กๆ ของชุมชนหมู่บ้านชาวประมง
แต่อ่าวน้อยมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจคือ “วัดอ่าวน้อย” หรือ “วัดถ้ำพระนอน” ที่อาจจะยังไม่มีคนรู้จักมากนัก
แต่มีความงามไม่เป็นรองใครด้วยอุโบสถไม้สักทองทั้งหลัง เพิ่มความอลังการด้วยพญานาค 9 เศียร 2 ตน
ที่เลื้อยล้อมตัวโบสถ์ไว้ “ตะลอนเที่ยว” เข้าไปกราบพระพุทธรูปหินอ่อนด้านในอุโบสถ ก่อนจะเดินชมภาพเรื่องราว
พุทธประวัติที่แกะสลักไม้ลอยตัวด้วยฝีมือประณีต


ภายในอุโบสถมีภาพแกะสลักไม้เป็นเรื่องพุทธประวัติ

       นอกจากนั้น ที่วัดอ่าวน้อยยังมีอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือ “ถ้ำพระนอน” ที่ตั้งอยู่บนเขา ทางวัดได้ทำทางเดิน
บันไดให้ขึ้นไปชมอย่างสะดวก ภายในถ้ำมีพระนอนขนาดใหญ่ 2 องค์ ความยาว 14 เมตร และ 20 เมตร โดย
ข้อมูลของทางวัดกล่าวว่าเป็นพระนอนที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นศิลปะร่วมสมัยอู่ทอง
-รัตนโกสินทร์ อายุราว 300-500 ปี บรรยากาศในถ้ำทั้งมืดและเย็น แต่ “ตะลอนเที่ยว” ก็อิ่มบุญและอิ่มใจที่
ได้ขึ้นมากราบพระในถ้ำพระนอนแห่งนี้


พระนอนในถ้ำที่วัดอ่าวน้อย

       ส่วนอ่าวสุดท้ายที่จะพาไปเที่ยวกันก็คือ “อ่าวมะนาว” ซึ่งตั้งอยู่ในเขตกองบิน 5 ของกองทัพอากาศ
เหตุที่ชื่อว่าอ่าวมะนาวไม่ใช่เพราะน้ำทะเลแถวนี้เปรี้ยว แต่เป็นเพราะลักษณะของอ่าวโค้งกลมเหมือนผลมะนาว
ชายหาดของอ่าวมะนาวนี้ทั้งสะอาดและเป็นระเบียบเนื่องจากอยู่ในความดูแลของกองบิน 5 ในช่วงวันหยุดเสาร์
อาทิตย์คนประจวบฯ และจังหวัดใกล้เคียงรวมถึงนักท่องเที่ยวจึงพากันมาพักผ่อนนอนเล่นเก้าอี้ชายหาด
พาลูกหลานลงเล่นน้ำทะเลกันอย่างสบายใจ เพราะที่นี่มีห้องอาบน้ำไว้บริการ มีร้านอาหารเครื่องดื่มพร้อม


บรรยากาศชายหาดอ่าวมะนาว

       ไม่เพียงชายหาดสะอาดน่าลงเล่นน้ำเท่านั้น แต่ในกองบิน 5 ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดอีกมาก
ไม่ว่าจะเป็น “พิพิธภัณฑ์อุทยานประวัติศาสตร์กองบิน 5” พิพิธภัณฑ์ซึ่งแสดงเรื่องราวเมื่อครั้งสงครามมหาเอเชีย
บูรพาที่ทหารญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นบกในบริเวณอ่าวมะนาวแห่งนี้เพื่อใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านไปยังประเทศพม่า
ทหารไทยได้ต่อสู้อย่างเข้มแข็งแม้จะมีกำลังพลเพียง 120 คน ต่อสู้กับทหารญี่ปุ่นซึ่งมีกำลังพลถึง 3,000 คน
ซึ่งสุดท้ายแล้วฝ่ายไทยเสียชีวิต 42 คน ซึ่งประกอบด้วยทหารอากาศ 38 คน ตำรวจ 1 คน ยุวชนทหาร 1 คน
และครอบครัวทหาร 2 คน โดยตัวพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเดิมเป็นบ้านพักนายทหารชั้นสัญญาบัตร เป็นเรือนแถวไม้
สีฟ้าชั้นเดียวยกพื้น ภายในจัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์สมัยญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกซึ่งจัดทำอย่างทันสมัย ใครอยาก
ชมต้องมาวันหยุดเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์เท่านั้น


เรือนไม้สีฟ้า ที่ตั้งพิพิธภัณฑ์อุทยานประวัติศาสตร์กองบิน 5

       สัญลักษณ์สำคัญอีกอย่างหนึ่งของอ่าวมะนาวก็คือ “เขาล้อมหมวก” ซึ่งเป็นภูเขาที่กั้นระหว่างอ่าวประจวบฯ
และอ่าวมะนาว บริเวณเชิงเขาล้อมหมวกเป็นที่ตั้งของ “ศาลเจ้าพ่อเขาล้อมหมวก” ที่ชาวเมืองประจวบฯ ต่างเคารพ
ศรัทธาว่าเป็นดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์คอยดูแลปกปักรักษาประชาชนและสรรพสัตว์ในแถบนี้ ไหว้เจ้าพ่อเขา
ล้อมหมวกแล้ว อย่าลืมแวะถ่ายรูปและให้อาหารฝูงค่างแว่นถิ่นใต้ที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นนับร้อยตัว ค่างเหล่านี้นิสัย
ไม่ดุร้ายและคุ้นเคยกับคน เนื่องจากจะมีนักท่องเที่ยวมาชมและให้อาหารบ่อยๆ ค่างแว่นตัวโตเต็มวัยจะมีลักษณะเด่น
คือมีวงรอบดวงตาและรอบปากเป็นสีขาวเหมือนใส่แว่น เป็นที่มาของชื่อค่างแว่น มีขนตามตัวเป็นสีเทา ส่วนค่างเด็กๆ
จะมีขนสีเหลืองทองจนอายุได้ 3 เดือน จึงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเทา


ค่างแว่นถิ่นใต้ อาศัยอยู่ที่เชิงเขาล้อมหมวก

       แหล่งท่องเที่ยวที่อ่าวมะนาวยังไม่หมดเพียงเท่านี้ สำหรับคนที่แรงเหลือและชอบผจญภัยจะลองปีนขึ้นไปบน
ยอดเขาล้อมหมวกก็ได้เช่นกัน (คลิกอ่าน ชมวิว 5 อ่าวสวยสุดใจ ปีนป่ายเขาหินปูนสุดมัน เจอกันที่ “เขาล้อมหมวก”)
โดยบนยอดเขาจะเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท และเป็นจุดชมวิวอ่าวเมืองประจวบฯ ได้ถึง 5 อ่าว สวยงามอย่างยิ่ง
แต่การปีนป่ายค่อนข้างลำบาก เป็นทางบันไดครึ่งหนึ่งและต้องปีนป่ายไปตามภูเขาหินปูนอีกครึ่งหนึ่ง จึงควรเตรียมร่างกาย
และรองเท้าให้พร้อม แต่รับรองว่าวิวด้านบนสวยคุ้มค่ามากๆ


ทิวทัศน์เมื่อมองลงมาจากยอดเขาล้อมหมวก

       และนี่ก็คือแหล่งท่องเที่ยวทั้ง 3 อ่าว ของจังหวัดประจวบฯ ที่แม้ช่วงนี้จะเป็นหน้าฝนแต่ก็สามารถไปเที่ยวกันได้
แบบชิลๆ ไม่อันตรายแต่อย่างใด


       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
นำมาจาก
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000087080


+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=17174

ออฟไลน์ หนุ่มน้อย เมืองพิจิตร

  • หลงเสน่ห์ในเสียงเพลง...ลูกทุ่ง...
  • Administrator
  • *
  • ออฟไลน์
  • 1371
    674
  • เพศ: ชาย
  • คนรักเพลงลูกทุ่ง
    • อีเมล์

ขอบคุณ คุณวิทยา มาก มาก ครับ เมืองประจวบคีรีขันธ์ เมืองที่หน้าเที่ยวอีกเมืองหนึ่ง ครับ

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=17174