ผู้เขียน หัวข้อ: “พระมหามัยมุนี” พระเจ้าเนื้อนิ่ม มหาศรัทธาแห่งพม่า  (อ่าน 1356 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ วิทยา

  • VIP
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 576
    1108



“พระมหามัยมุนี” พระพุทธรูปมีชีวิต มหาศรัทธาแห่งพม่า
โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)


พระมหามัยมุนี 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของพม่า

       ประเทศพม่าหรือเมียนมาร์ มี 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญสูงสุด
           หรือ “เบญจมหาบูชาสถาน” ได้แก่
     
       1.เจดีย์ชเวดากอง เมืองย่างกุ้ง
       2.พระธาตุอินทร์แขวน เมืองไจ่ก์โถ่
       3.เจดีย์ชเวมอดอร์(เจดีย์มุเตา) เมืองหงสาวดี
       4.เจดีย์ชเวซิกอง เมืองพุกาม
       5.พระมหามัยมุนี เมืองมัณฑะเลย์
      
       จะเห็นได้ว่าใน 5 สิ่ง มีเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นพระพุทธรูปคือ “พระมหามัยมุนี” ที่หากใครไป
มัณฑะเลย์แล้วไม่ได้ไปสักการบูชาท่าน ก็เหมือนว่ายังไปไม่ถึงมัณฑะเลย์


ทุกๆวันจะมีชาวพม่าเดินทางมากราบไหว้ปิดทองพระมหามัยมุนีเป็นจำนวนมาก

       “พระมหามัยมุนี” พระพุทธรูปมีชีวิต
      
       แม้ชาวพม่าส่วนใหญ่จะเชื่อว่า พระมหามัยมุนีสร้างมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล แต่ตามประวัติและตำนาน
ส่วนใหญ่ระบุตรงกันว่า พระมหามัยมุนีสร้างขึ้นในราวปี พ.ศ. 688 โดยพระเจ้าจันทสุริยะ กษัตริย์ชาวยะไข่
แห่งเมืองธรรมวดี แคว้นยะไข่
      
       พระเจ้าจันทสุริยะมีความศรัทธาในพระพุทธเจ้าอย่างมาก ใฝ่ฝันว่าอยากกราบไหว้พระพุทธองค์ จึงทำ
การสร้างพระพุทธรูปเพื่อตัวแทนของพระองค์ขึ้น ซึ่งในการสร้างมีตำนานปลีกย่อยการการสร้างพระพุทธรูป
ของบ้านเรา คือ เมื่อเททองหล่อไป 2 ครั้งแรกไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งในครั้งที่ 3 จู่ๆก็มีบุคคลลึกลับ
ที่เชื่อกันว่าเป็นเทวดาจำแลงมาเททองให้จนประสบความสำเร็จ เป็นพระพุทธรูปอันงดงามจนถึงปัจจุบัน


พระมหามัยมุนีปิดทองได้ทั่วองค์ ยกเว้นพระพักตร์

       พระมหามัยมุนีได้ชื่อว่าเป็นพระพุทธรูปมีชีวิต เพราะชาวพม่าเชื่อว่าพระพุทธเจ้าได้มาประทานลมหายใจ
อันศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในพระวรกายของพระพุทธรูปองค์นี้
      
       พระมหามัยมุนีจึงเป็นดังตัวแทนของพระพุทธองค์ที่มีชีวิตจิตใจ ใครที่มากราบไหว้บูชาจะได้รับศรัทธาอันสูงล้ำ
      
       พระเจ้าเนื้อนิ่ม มหาศรัทธาของชาวพุทธ
      
       พระมหามัยมุนี เป็นพระพุทธรูปหล่อทองสำริด ปางมารวิชัยทรงเครื่อง หน้าตักกว้าง 9 ฟุต สูง 12 ฟุต
ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่ “วัดมหามัยมุนี” หรือชื่อแท้ดั้งเดิมคือ วัดปยกยี(Payagyi) ที่หมายถึงวัดยะไข่
เพราะเดิมพระมหามัยมุนีประดิษฐานอยู่ที่เมืองยะไข่


ทองคำเปลวที่ถูกปิดมากมายจนได้ชื่อว่าพระเจ้าเนื้อนิ่ม

       ด้วยความศักดิ์สิทธิ์และความวิจิตรงดงามของท่าน ทำให้เป็นที่หมายปองของกษัตริย์พม่ามาหลายยุคหลายสมัย
มีความพยายามที่จะย้ายท่านจากเมืองยะไข่มาสู่เมืองหลวงของตน แต่ไม่มีผู้ใดสามารถอัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้ออกมา
จากเมืองยะไข่ได้ จนกระทั่งในสมัย “พระเจ้าปดุง” ถึงสามารถอัญเชิญพระมหามัยมุนีข้ามแม่น้ำอิระวดีมาประทับที่
มัณฑะเลย์ได้สำเร็จในปี พ.ศ. 2327
      
       ในเรื่องนี้ ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์พม่า ได้วิเคาระห์ตั้งข้อสังเกตไว้ในหนังสือ
“สู่ลุ่มอิระวดี”ว่า ผลจากความสำเร็จในการอัญเชิญพระมหามัยมุนี ทำให้พระเจ้าปดุงมีความฮึกเหิมเชื่อมั่นว่าพระองค์มี
พลานุภาพเหนือกว่ามหาราชองค์อื่นๆในอดีต(ของพม่า) ไม่ว่าจะเป็น บุเรงนองมหาราช อโนรธามหาราช
หรืออลองพญามาหราช พระเจ้าปดุงจึงยกพลกรีธาทัพยอกมาตีกรุงรัตนโกสินทร์ถึงสองครั้ง ในศึกเก้าทัพ
และศึกรบพม่าที่ท่าดินแดง แต่ต้องแพ้พ่ายกลับไปทั้ง 2 ครั้ง


แม้จะปิดทองไม่ได้ เข้าใกล้ได้เพียงในขอบเขตที่กำหนด แต่ทุกๆวันจะมีผู้หญิงชาวพม่ามากราบไหว้สักการะกันเป็นจำนวนมาก

       กลับมาที่เรื่องของพระมหามัยมุนีกันต่อ ด้วยความศักดิ์สิทธิ์อันเลื่องลือระบือไกล ทำให้แต่ละวัน
มีชาวพม่า ชาวพุทธชาติอื่นๆ และรวมถึงพุทธศาสนิกชนชาวไทย หลั่งไหลมาสักการบูชาท่านเป็นจำนวนมาก
ตั้งแต่เช้ายันเย็น มีเหล่าบุรุษมาเข้าคิวต่อแถวขึ้นไปปิดทององค์พระกันอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ชายสามารถขึ้น
ไปปิดทององค์พระแบบถึงตัวใกล้ชิดได้ แต่ห้ามปิดทองบริเวณพระพักตร์หรือหน้า ส่วนผู้หญิงนั้นห้าม
ให้กราบไหว้บูชาที่ด้านล่าง โดยมีเขตห้ามผู้หญิงล้ำเข้าไป ส่วนใครอยากจะปิดทองก็ให้ฝากผู้ชายขึ้นไปปิดแทน
เพราะศรัทธานั้นอยู่ที่ใจ


รอยทองคำเปยวพอกพูนตะปุ่มตะป่ำอันเกิดจากศรัทธาของชาวพุทธ

       และด้วยแรงศรัทธาจากมหาชนเดินทางมาปิดทองกันเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน มีการปิดทับซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทำให้ทองคำเปลวที่องค์พระพอกพูนมหาศาลจนพระวรกายอวบอ้วนมีตะปุ่มตะป่ำทั่วไปหมดทั้งด้านหน้าด้านหลัง
จนใครหลายๆคนเรียกขานท่านว่า “พระพุทธรูปทองคำเนื้อนิ่ม” หรือ “พระเจ้าเนื้อนิ่ม” ซึ่งผมได้ลองกดนิ้วลงไปในบางส่วน
ปรากฏว่านุ่มมือสมชื่อ


พระพักตร์พระมหามัยมุนีเปรียบเทียบยุคต่างๆ

       ส่วนพระพักตร์ที่ไม่ได้ปิดทองที่ดูเปล่งรัศมีอิ่มเอิบเปี่ยมพลังแห่งศรัทธานั้น ไกด์ชาวพม่าที่นำเที่ยวมัณฑะเลย์
บอกกับผมว่าพระพักตร์หรือใบหน้าของพระมหามัยมุนีในแต่ละยุคสมัยจะดูเปลี่ยนไปตามรูปทรงของทองที่ปิดพระวรกาย
โดยที่วัดมหามัยมุนีได้มีรูปภาพแสดงองค์พระมหามัยมุนีให้แต่ละยุคให้พิสูจน์ ซึ่งผมดูแล้วพบว่าพระพักตร์ของท่าน
ใน 4 ยุคดูไม่เหมือนกันจริงๆด้วย
      
       นับเป็นความน่ามหัศจรรย์ที่หากมองในทางวิทยาศาสตร์ มุมมองของพระพักตร์ที่เปลี่ยนไปอาจเกิดจาก
การสะท้อนแสงเงา เกิดจากการประมวลภาพของสายตาตามพระวรกายที่เปลี่ยนไป แต่หากมองในทางศาสนาแล้ว
      
       นี่ล้วนเกิดจากมหาศรัทธาอันยิ่งใหญ่ที่ชาวพุทธมีต่อพระพุทธรูปองค์นี้


พิธีการล้างพระพักตร์อันเปี่ยมไปด้วยศรัทธา

       รับขวัญวันใหม่กับ“พิธีล้างพระพักตร์”
      
       ปกติเวลาผมอยู่กรุงเทพฯจะเป็นคนตื่นสาย เพราะไม่ชอบมาผจญรถติดในยามเช้า แต่ในวันนี้ที่มัณฑะเลย์
แม้จะต้องตื่นแต่มืดแต่ดึกก่อนไก่โห่ตั้งแต่ตีสามกว่าๆ ผมก็เต็มใจยินดี เพื่อที่เราจะได้ไปทัน “พิธีล้างพระพักตร์”
พระมหามัยมุนี พิธีแห่งความศรัทธาที่จัดสืบต่อกันมานับพันปี
      
       ไกด์ชาวพม่าบอกกับผมว่า พิธีล้างพระพักตร์พระมหามัยมุนี ปฏิบัติต่อเนื่องกันมากว่าพันปีแล้ว พิธีนี้มาจาก
ความเชื่อนับแต่โบราณกาลของชาวพม่าที่ว่า พระมหามัยมุนีนี้ได้รับประทานลมหายใจจากพระพุทธเจ้า(ตามที่ได้
กล่าวมาข้างต้น) จึงเป็นพระพุทธรูปที่มีชีวิตมีลมหายใจ ดังนั้นจึงต้องจัดพิธีล้างหน้า แปรงฟัน เหมือนกับคนเราให้
ในทุกๆเช้าของทุกวัน โดยไม่มีเว้นวันฝนตกหนักหรือวันหยุดพิเศษใดๆ


เช็ดพระพักตร์

       พิธีล้างพระพักตร์จะเริ่มขึ้นเมื่อหลวงพ่อเจ้าอาวาสถือกุญแจมาไขในเวลาประมาณ ตีสาม 45 นาที
มีวงดนตรีมโหรีเล่นสดๆประโคมบอกให้รู้ จากนั้นเวลาประมาณตี 4 ขั้นตอนการล้างพระพักตร์จะเริ่มขึ้น
มีการคลุมผ้าพระวรกายขององค์พระ ถวายอาหารผลไม้ เปลี่ยนดอกไม้เก่าออกไป นำดอกไม้ใหม่มาถวาย
      
       จากนั้นเป็นการล้างพระพักตร์ที่มีส่วนผสมของน้ำไม้จันทน์หอมและ “ทานาคา” สมุนไพรทำแป้งพม่า
ที่หลายคนคุ้นหูดี โดยขั้นตอนการล้างพระพักตร์จะล้างด้วยขันทอง 3 ครั้ง ขันเงิน 3 ครั้ง และขันธรรมดา 3 ครั้ง
มีการแปรงพระโอษฐ์(ริมฝีปาก)ที่เป็นดังการแปรงฟันให้ท่าน และมีการเช็ดหน้าที่มีคนนำผ้าเช็ดหน้ามาถวาย
เช็ดวันหนึ่งๆไม่ต่ำกว่า 100 ผืน ซึ่งพิธีจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง


แปรงพระโอษฐ์

       หลังการล้างพระพักตร์เสร็จพระผู้นำการล้างพระพักตร์จะนำ“รัก”มาทาองค์พระ แล้วจึงนำปิดทอง
ซึ่งช่วงนี้จะมีคนมารอต่อแถวเข้าคิวยาวทั้งชาวพม่าและนักท่องเที่ยว โดยชาวพม่าเชื่อว่าการได้ปิดทอง
พระมหามัยมุนีในยามเช้าเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับการปฏิบัติภารกิจในวันนั้น ส่วนใครที่ได้ปิดทอง
เป็นคนแรกต่อจากพระผู้นำพิธี ผู้นั้นจะได้รับมงคลอย่างสูงล้ำ


ทุกๆเช้าจะมีคนมาร่วมทำพิธีล้างพระพักตร์กันเป็นจำนวนมาก

       นอกจากจะมากราบไหว้ปิดทองแล้ว ผมยังเห็นหลายคนยังมานั่งสมาธิ สวดมนต์ นับประคำ ซึ่งถือเป็น
เรื่องชินตาของที่นี่นับตั้งแต่เช้าไปจนค่ำมืด ส่วนผู้หญิงที่แม้จะขึ้นไปปิดทองไม่ได้ ทางวัดกันเขตไว้ ก็ดูจะไม่
เป็นอุปสรรคต่อศรัทธา เพราะมีการเดินทางมากราบไหว้ นั่งสมาธิ สวดมนต์ ทำบุญ ทำทาน กันอยู่ทั่วไป
      
       สำหรับผมการเที่ยวชมความศรัทธาแห่งพระพุทธศาสนาที่พม่า ได้มีโอกาสได้เข้าร่วมและสัมผัสกับ
พิธีล้างหน้าพระพักตร์อันศักดิ์สิทธิ์ และได้เห็นถึงมหาศรัทธาอันแรงกล้าของชาวพม่าที่มีต่อพระมหามัยมุนีแล้ว
งานนี้ผมมองพม่าแล้วไม่ขอย้อนมาดูตนครับ
      
      

เทวรูปขอมโบราณที่เชื่อว่าเจ็บป่วยตรงไหนให้ไปลูบตรงนั้นแล้วจะดีขึ้น
       ****************************************
      
       นอกจากพระมหามัยมุนีแล้ว ที่วัดมหามัยมุนี ยังมีสิ่งน่าสนใจได้แก้อาคารสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์
แบบพม่า รูปเคารพ ศิลปวัตถุต่างๆ โดยที่ด้านข้างวิหารพระมาหมัยมุนีมีศาลาเก็บเทวรูปหล่อสำริดศิลปะขอมสมัย
พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นรูปทวารบาล สิงห์และช้างเอราวัณ ซึ่งชาวพม่าเชื่อว่าใครที่เจ็บปวดตรงส่วนไหนของร่างกาย
ให้มาลูบคลำตรงส่วนนั้นของเทวรูปก็จะทำให้อาการดีขึ้นหรือช่วยรักษาอาการได้
      
       นอกจากนี้ที่วัดมหามัยมุนียังเป็นตลาดขายของที่ระลึกที่สำคัญ มีสินค้าที่ระลึกมากมายให้เลือกซื้อส่วนใครที่ไป
ในตอนเช้าจะมีพระ-เณร มาบิณฑบาตเรี่ยรายบุญ มีอาหาร-ขนมพื้นบ้านมาขาย อีกทั้งยังจะได้พบกับภาพวิถีชีวิต
อันน่าสนใจให้สัมผัสกัน


>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
นำมาจาก
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000084916


+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=16971
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13/ก.ค./13 18:01น. โดย วิทยา »

ออฟไลน์ ศศินี

  • ปรมาจารย์
  • ***
  • ออฟไลน์
  • 239
    34
    • อีเมล์

ดูน่าศรัทธามากและสวยงามมาก ขอบคุณมากค่ะ

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=16971