
***ถ้าบ่อยครั้งที่คุณรู้สึกเหนื่อยล้าเพลียไปหมดทั้งกายและใจรู้สึกท้อแท้ด้วยสารพัดเรื่องคิดมากจนปวดหัวหน้าตาหม่นหมองเหมือนโดนของหรือผีเข้า ไปทางไหนก็มีแต่คนทัก "เอ๊ะ!เธอเป็นอะไรหรือเปล่า" ก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกกังวลเข้าไปใหญ่ ใครมีปัญหาแบบนี้เตรียมเฮได้แล้วเพราะเรามีวิธีเติมพลังกายและใจให้กับตัวเองแบบง่ายๆ มาฝากกัน ดังนี้จ้า เริ่มจาก
1.นอนหลับให้เพียงพอ
การนอนหลับจะช่วยชดเชยพลังงานที่คุณใช้ไปในช่วงกลางวันอีกทั้งยังช่วยเติมพลังให้กับร่างกาย
และสมอง ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายดังนั้นจึงควรนอนหลับให้เต็มอิ่ม (จะมากหรือน้อย
แค่ไหนแล้วแต่บุคคล) เพื่อเวลาคุณตื่นจะได้รู้สึกสดชื่นและตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
2. เติมพลังด้วยอาหารมื้อเช้า
แม้ว่าช่วงเช้าจะเป็นเวลาที่เร่งรีบที่สุด แต่การอดมื้อเช้าแล้วไปรวบยอดเป็นมื้อกลางวัน (เผลอๆ
บางคนเลยไปเป็นบ่ายกว่าๆ) ปล่อยให้ท้องว่างอยู่หลายชั่วโมง นานวันเข้าอาจมีผลต่อประสิทธิภาพ
ในการทำงานของสมอง ทำให้ความจำเสื่อมสมองตื้อคิดอะไรไม่ออก ร่างกายเฉื่อยชาและเป็นโรคกระเพาะในที่สุดซึ่งถ้าใครอยากทำงานอย่างคล่องแคล่วและกระตือรือล้น
ตลอดทั้งวัน จึงควรเติมพลังด้วยอาหารมื้อเช้าจะดีที่สุด
3. เลี่ยงมื้อเที่ยงที่หนักหน่วง
อาหารมื้อเที่ยงมื้อใหญ่ จะทำให้คุณรู้สึกหนังท้องตึงหนังตาหย่อนได้ก่อให้เกิดการง่วงเหงาหาวนอนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นจึงควรทานอาหารมื้อเที่ยงแต่พออิ่มเท่านั้น แล้วค่อยไปหนักเอามื้อเย็นกับคนรู้ใจก็แล้วกันนะ
4. ลดอาหารไขมันสูงและอาหารที่มีสารกระตุ้น
อาหารประเภทของหวาน อย่าง ช็อคโกแลต ชาและกาแฟอาจทำให้คุณรู้สึกสดชื่นก็จริงอยู่ แต่ก็ทำได้แค่ชั่วคราวเท่านั้นพอหมดฤทธิ์คาเฟอีน ก็จะทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยหน่ายจนถึงปวดหัวได้ ส่วนอาหารที่มีไขมันสูง จะทำให้คุณอืดอาดขาดชีวิตชีวา ดังนั้นถ้าอยากรักษาความกระฉับกระเฉงไว้ตลอดทั้งวัน ควรเปลี่ยนอาหารมื้อว่างของคุณเป็นจำพวกผลไม้หรือน้ำผลไม้ จะดีกว่าเพราะทำได้ทั้งคุณค่าอาหารและความสดชื่น แถมยังมีเอนไซน์ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคและช่วยรักษาความอ่อนเยาว์ให้กับ เซลล์ผิวอีกด้วย
5. ดื่มน้ำมากๆ
น้ำช่วยขจัดอาการอ่อนล้าได้และหากคุณทำงานหนักมาตลอดวัน คุณย่อมต้องการน้ำมากกว่าปกติโดยปริยาย
6. คิดถึงความรัก
เมื่อไรรู้สึกท้อแท้หรือหมดกำลังใจ ขอให้คุณนึกถึงคนที่คุณรักและรักคุณ จะเป็นพ่อ แม่ เพื่อนสนิทที่รู้ใจหรือเขาคนนั้นที่เป็นหวานใจ (แต่อย่าเผลอไปคิดถึงคนที่เขาเคยรักคุณเข้าล่ะ จะพาลท้อแท้หมดหวังเข้าไปอีก)เพราะความรู้สึกดีๆ ช่วยเพิ่มพลังใจให้เราได้ดีที่สุด
7. ยืดเส้นยืดสาย
การได้ยืดเส้นยืดสายจะช่วยขจัดอาการเหนื่อยล้าได้เนื่องจากเวลาที่ได้เคลื่อนไหวร่ายกาย จิตใจจะได้
เคลื่อนไหวไปด้วยทำให้ช่วยลดอาการซึมเศร้าเหนื่อยหน่ายก่อให้เกิดความรู้สึกสดชื่น มีชีวิตชีวาขึ้น
8. หากิจกรรมเพื่อผ่อนคลาย
ถ้าคุณรู้สึกว่าเครียดหรือเหนื่อยกับงานมากเหลือเกินจงอย่าปล่อยตัวเองให้ต้องสูญเสียพลังงานไปกับสิ่งเหล่านี้หาช่วงพักในตอนกลางวัน ออกไปเดินเล่นบ้างเพราะแสงธรรมชาติจะช่วยกระตุ้นให้คุณมีเรี่ยวแรงที่จะทำอะไรต่อมิอะไรไปได้ตลอดวัน หรือบางทีในช่วงเย็นหลังเลิกงาน ให้หาเวลาทำกิจกรรมที่คุณชอบอย่างดูหนัง ฟังเพลง หรืออ่านหนังสือตลกขบขัน เป็นต้นสิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้สมองปลอดโปร่งขึ้นและในช่วงวันหยุดก็ควรเลือกกิจกรรมวันหยุดสุดสัปดาห์ให้อยู่ใกล้ๆ กับธรรมชาติมากที่สุด เช่น ไปสูดอากาศบริสุทธิ์นอกเมือง ชมพระอาทิตย์ตกเดินป่าชมความงามของทุ่งดอกไม้ เพราะจะทำให้คุณรู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวาและยังช่วยเติมพลังชีวิตให้กับคุณอีกด้วย
9. ฝึกหายใจเพิ่มพลัง
ภายใน 5 นาที ลองหายใจเข้าให้ลึกที่สุดและเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้การหายใจลึกๆ จะทำให้ปอดอัดแน่นด้วยออกซิเจนจะช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้า
และเติมพลังให้คุณกลับมากระปรี้กระเปร่าได้อีกครั้ง
10. เติมพลังด้วยจินตนาการ
การจินตนาการถึงสิ่งดีๆ ไม่ว่าจะเป็นการฝันหวานถึงการได้เลื่อนตำแหน่งหรือการคิดถึงหวานใจ
(แม้เขาจะเป็นอดีตไปแล้วก็ตาม) รวมทั้งการคิดถึงตัวเองในแง่ดี พูดและชมตัวเองจะช่วยเติมกำลังใจเติมพลังให้กับชีวิตได้
11. สีแดงหรือสีส้มจะช่วยเพิ่มพลัง
เวลาออกมาทำงานหรือไปไหนก็ตาม อย่ามัวแต่ใส่ชุดสีทึมๆ อยู่ทุกวี่ทุกวันเพราะถึงจะทำให้คุณดูสวยคลาสสิคแต่ก็ทำให้ไม่สดชื่น ดังนั้นลองเปลี่ยนมาเป็นชุดสีส้มหรือแดงดูบ้างเถอะเพราะเสื้อผ้าสีสันสดใสพวกนี้จะช่วยให้คุณเริงร่าและมีพลังตลอดทั้งวัน
12. อย่าฝืนสังขาร
หัดเชื่อสัญญาณของร่างกายเสียบ้าง เมื่อรู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนเพลียก็อย่าไปฝืนสังขาร ในเมื่อร่างกายต้องการพักก็ควรพักเถอะ นอนให้เต็มอิ่มจะช่วยเรียกความสดใสกลับคืนมาได้
จะเห็นว่าทั้ง 12 วิธีที่กล่าวมาข้างต้น เป็นวิธีที่ง่ายนิดเดียวเพียงแต่ว่าคุณจะมีกำลังใจในการทำหรือเปล่าก็เท่านั้นเองแต่ถ้าบังเอิญใครเกิดมีอุบัติเหตุทางจิตใจ เช่น อกหักเพื่อนทิ้งงานไม่ก้าวหน้า เป็นต้น ถ้าอยากเศร้าก็เศร้าซะให้เต็มที่อย่ากั๊กไว้ เพราะเมื่อเศร้าจนพอใจแล้วคุณจะมีกำลังใจในการลุกขึ้นมาต่อสู้อีกครั้งขึ้นเองโดยอัตโนมัติ…ง่ายๆเพียงเท่านี้ แล้วคุณจะมีพลังชีวิตที่โชติช่วงไปตลอดทั้งวัน