เห็นห้องนี้แลวนึกขึ้นได้ว่าผมเองก็เคยลงบทความให้เว็บอื่น เลยยกมาขายต่อที่นี่ ก็คือว่าเป็นการประดับความรู้รอบตัวละกันนะครับ
ว่าวของจีนมีประว้ติศาสตร์ที่ยาวนาน ผ่านพัฒนาการมาร่วม 2 พันปี ได้รับการยอมรับว่าเป็นวิทยาการเฉพาะอีกรูปแบบหนึ่งมานานแล้ว แล้วเป็นส่วนประกอบสำคัญของอารยธรรมจีนอีกด้วย
ตามบันทึกในหนังสือโบราณ ในปี 400 ก่อน ค.ศ. นักคิดที่มีชื่อเสียงของจีน ม่อจื่อร่วมกับปรมาจารย์ด้านการช่างหลู่ปันใช้ไม้ไผ่ทำเป็น “นกไม้” นกไม้ขนิดนี้สามารถลอยกลางอากาศ 3 วันยังไม่ร่วงลงมา คนทั่วไปเรียกว่า”เหยี่ยวไม้” นี่ก็คือว่าวแรกสุดที่มีในโลก ต่อมา เหยี่ยวไม้เปลี่ยนเป็นใช้ไม้ไผ่กับผ้าไหมเป็นส่วนประกอบ และต่อมาอีกก็เปลี่ยนเป็นใช้กระดาษเป็นส่วนประกอบ เลยเปลี่ยนชื่อเรียกเป็น”เหยี่ยวกระดาษ” เหยี่ยวกระดาษยังมีชื่อเรียกอีกรูปแบบ เช่น เหยี่ยวถลาลม เหยี่ยวเล็กกระดาษ เหยี่ยวเล็กเป็นต้น(หมายเหตุ ปัจจุบันคนฮากกายังคงเรียกว่าเหยี่ยวเล็กอยู่ เข้าใจว่าคนแต้จิ๋ว,กวางตุ้ง,ฮกเกี้ยน,ไหหลำก็ยังคงใช้คำโบราณนี้เหมือนกัน) จนถึงปีค.ศ. 618-907 ปลายราชวงศ์ถัง คนก็เพิ่มแผ่นริ้วหรือหวีดไม้ไผ่ที่ทำให้เกิดเสียงขึ้นในเหยี่ยวกระดาษ เมื่อเจอลมก็จะเกิดเสียงขึ้นจึงเกิดมีคำว่า ขิมลม ซึ่งเป็นคำที่ชาวจีนเรียกว่าวในปัจจุบัน
ว่าวนั้นแรกเริ่มเดิมทีใช้เป็นอุปกรณ์ทางด้านการทหาร อย่างเช่นปล่อยขึ้นไปในอากาศเพื่อวัดระยะห่างระหว่างทัพทั้ง2ฝ่าย หรืออาจจะใช้ในการติดต่อสื่อสารในกองทัพ ในสมัยราชวงศ์ถัง การใชังานค่อยๆปรับเปลี่ยนเป็นทางด้านความรื่นรมณ์ แล้วก็แพร่หลายในหมู่คนทั่วไป จนถึงในศตวรรษที่10 ในรัชสมัยราชวงศ์ซ่ง การแพร่หลายของว่าวยิ่งกว้างไกล และค่อยแพร่หลายไปทุกที่ในโลก แรกๆก้กระจายไปที่เกาหลี ญี่ปุ่น มาเลเซียในทวีปเอเชีย จากนั้นก้ไปถึงยุโรปและอเมริกา ได้มีผู้เชี่ยวชาญทางด้านวัฒนธรรมพื้นบ้านชาวอังกฤษค้นคว้าสรุปว่า การแพร่กระจายของว่าวจากจีนไปทั่วโลกมีทั้งหมด7ลู่ทาง สามารถพูดได้ว่ามีต้นกำเนิดมายาวนาน เครื่องเล่นประเภทว่าวของจีนในยุโรปกับอเมริกา ได้รับการพัฒนาไปทางด้านเครื่องมือที่ใช้ในการเดินทางทางอากาศ ในที่สุดในอเมริกาโดยพี่น้องตระกูลไรท์ก็สามารถผลิตเป็นเครื่องบินที่สามารถบรรทุกคนได้ ดังนั้น ในห้องโถงพิพิธภัณฑ์ทางอากาศสหรัฐที่วอชิงตัน ได้แขวนไว้ด้วยว่าวจากจีน ข้างๆเขียนไว้ด้วยคำ “อุปกรณ์ในการเดินทางทางอากาศแรกเริ่มของมนุษยชาติก็คือว่าวและพลุจากจีน”