-
(http://upic.me/i/5h/sandro_botticelli_083.jpg)
บอตติเชลลิ มีชื่อเต็มว่า Alessandro di Mariano di Vanni Filipepi เป็นลูกชายคนสุดท้องของช่างฟอกหนังชาวฟลอเรนซ์ชื่อ Marano di vanni เกิดที่ Smeralda ปัจจุบัน คือ Bargo Ognissanti No.28 บอตติเชลลิ เกิดเมื่อ ค.ศ. 1444 หรือ ค.ศ.1445 ในปี ค.ศ. 1498/60 เขาเริ่มฝึกงานช่างทอง จนถึง ค.ศ. 1461-62 จึงเปลี่ยนใจจากการเป็นช่างทองมาเรียนด้านจิตรกรรมมาลิปปี ( Fra Filippo Lippi จิตรกรรมชาว อิตาเลียน มีชีวิตอยู่ระหว่าง ค.ศ. 1400-1469) ทำให้เขาได้เป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงโด่งดังต่อมา
ค.ศ. 1464 บิดาของเขาได้ย้ายไปซื้อบ้านใหม่ซึ่งปัจจุบันคือ Viadella Porcellana ในเมืองฟลอเรนซ์ เป็นที่ซึ่งบอตติเชลลิใช้เป็นที่ทำงานจิตรกรรมของเขาตั้งแต่ ค.ศ. 1470 จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
(http://upic.me/i/36/adoration-of-the-magi-738.jpg)
บอตติเชลลิเริ่มทำงานจิตรกรรมร่วมกับครูของตนในปี ค.ศ. 1465 โดยเริ่มจากผลงานจิตรกรรมชื่อ Adoration of the Magi (เขียนระหว่างปีค.ศ. 1465-67 เป็นจิตรกรรมสีฝุ่นบนแผ่นไม้ ขนาด 50x136 เซนติเมตร ปัจจุบันอยู่ที่ The National Gellery กรุงลอนดอน อังกฤษ ) หลังจากนั้น เขาเริ่มรับจ้างเขียนภาพจิตรกรรมตามเมืองต่าง ๆ เช่นเดียวกับศิลปินคนอื่น ๆในสมัยนั้น
บอตติเชลลิพัฒนาความสามารถของตนให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งด้านเนื้อหาของภาพแนวความคิดเกี่ยวกับสุนทรีศาสตร์และการสร้างองค์ประกอบ เขาได้รับมอบหมายให้ทำงานที่มีความสำคัญยิ่ง มีทั้งงานจิตรกรรมฝาผนังแบบปูนเปียก (Fresco) ตามโบสถ์ วิหารต่าง ๆ ภาพเหมือนและผลงานที่เขียนขึ้นตามความคิดของตัวเอง
ผลงานจิตรกรรมสีฝุ่นชื่อ Adoration of the Magi เขียนขึ้นระหว่างค.ศ. 1465-67 ซึ่งเป็นผลงานยุคแรก ๆ ของบอตติเชลลินั้น ยังคงมีเนื้อหาเกี่ยวเนื่องกับคริสตร์ศาสนา มีรูปแบบและวิธีการเช่นเดียวกับผลงานจิตรกรรมที่จิตรกรรุ่นก่อน เช่น เวร์รอคคิโอ ( Andrea dei Verrocchio ศิลปินชาวอิตาลี มีชีวิตอยู่ระหว่าง ค.ศ. 1435-88 ศิษย์ของโดนาเตลโล ( Donatello ) ศิลปินชาวอิตาลีมีชีวิตอยู่ระหว่าง ค.ศ. 1486-1496 ) ได้ทำมาแล้ว ผลงานจิตรกรรมช่วงต้น ๆ ของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยานิยมเขียนภาพที่มีแสงเงาชัดเจน มีเส้นรอบนอกคมชัด การจัดวางองค์ประกอบและท่าทางของภาพบุคคลมักวางท่าอย่างละครไม่เป็นธรรมชาติ จึงทำให้เกิดความรู้สึกแข้งกระด้างไม่นุ่มนวล พื้นหลัง ( background ) มักทึบต้น แบบแผนเหล่านี้เป็นสิ่งที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยกลาง
บอตติเชลลิก็เช่นเดียวกันกับศิลปินอื่น ๆ ที่พยายามแสวงหาแนวทางและรูปแบบของตนเอง ดังนั้น ทศวรรษ 1480 เขาจึงเริ่มเขียนภาพที่มีพื้นหลังโล่งเป็นทิวทัศน์
การเขียนพื้นหลังเป็นทิวทัศน์แทนการใช้สีทึบตันนี้นิยมเขียนกันมากในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา และที่โดดเด่นที่สุดจะพบในงานจิตรกรรมของเลโอนาร์โด ดา วินซี ( Leonado da Vinci อัจฉริยะสิลปินชาวอิตาลี มีชีวิตอยู่ระหว่าง ค.ศ. 1452-1519 ) ซึ่งเป็นผู้คิดวิธีการเขียนแบบสฟูมาโต ( Sfumato ) คือ ไม่เน้นเส้นรอบนอกให้คมชัดหรือชัดเจน แต่เขียนให้สัมพันธ์กลมกลืนกับพื้นหลังที่เป็นทิวทัศน์ ทำให้ภาพมีระยะใกล้ไกลมากขึ้น มีบรรยากาศนุ่มนวลไม่แข็งกระด้างและดูมีชีวิตจิตใจ
-
(http://upic.me/i/t5/bottice4.jpg)
The Primavera เขียนเมื่อ ค.ศ. 1482 ( ปัจจุบันอยู่ที่ The Galleria degli Uffizi เมืองฟลอเรนซ์ อิตาลี )
ในช่วงทศวรรษ 1480 ถือเป็นยุคทองบอตติเชลลิ เพราะได้เข้าไปทำงานให้กับตระกุลที่ร่ำรวยและมีอำนาจสูงสุดในขณะนั้น ผลงานจิตรกรรมชุด The High Ideal of Love
ถือได้ว่าเป็นผลงานคลาสสิคของเขาที่วสร้างขึ้นอย่างอิสระตามแนวคิดของตนเองแม้เนื้อหาของภาพจะอิงอยู่กับเรื่องลึกลับเกี่ยวกับเทพเจ้า ( mythologial ) ต่าง ๆก็ตาม แต่การจัดองค์ประกอบการกำหนดโครงสร้างของสี และแนวคิดเกี่ยวกับสุนทรียภาพ แสดงให้เห็นความเป็นตัวเองโดดเด่นชัดเจน เช่น ผลงานจิตรกรรมสีฝุ่นบนแผ่นไม้ขนาดใหญ่ป๊อปลาร์ขนาด 203 X 314 เซนติเมตร ชื่อ The Primavera เขียนเมื่อ ค.ศ. 1482 ( ปัจจุบันอยู่ที่ The Galleria degli Uffizi เมืองฟลอเรนซ์ อิตาลี )
ผลงานชิ้นนี้เป็นตำนานของวีนัส ซึ่งเป็นผลงานจิตรกรรมที่มีฝีมือสูงและมีความงดงามละเอียดละอ่อนลึกซึ้งอย่างยิ่งแสดงให้เห็นแนวทางตนเองอย่างชัดเจน
(http://upic.me/i/ir/bottice8.jpg)
ผลงานที่ สำคัญในชุดนี้อีกชิ้นหนึ่งคือ Venus and Mar เป็นภาพจิตรกรรมสีฝุ่นบนแผ่นไม้ ขนาด 69X173.5 เซนติเมตร เขียนเมื่อ ค.ศ. 1483 ปัจจุบันอยู่ที่หอศิลป์แห่งชาติ กรุงลอนดอน อังกฤษ
ผลงานที่สำคัญอย่างยิ่งอีกชิ้นหนึ่งแสดงให้เห็นศักยภาพที่สูงยิ่งของบอตติเชลลิคือ ผลงานจิตรกรรมสีฝุ่นบนผ้าใบขนาด 172.5X278.5 เซนติเมตร ชื่อ The Birth of Venus (กำเนิดวีนัส)
เขียนเมื่อ ค.ศ. 1485 ผลงานจิตรกรรรมชิ้นนี้เขาเขียนถวายลอเรนโซ ดิ เฟียร์ฟรานเซสโก เด เมดิชิ เพื่อแขวนคู่กับรูป The Primavera ที่คฤหาสน์ Villa of the Medici ที่ Castello ( ปัจจุบันอยู่ในพิพิธภัณฑ์อุฟฟีซี นครฟลอเรนซ์ )เขียนภาพอย่างงดงามหมดจดอย่างยิ่ง
(http://upic.me/i/ex/bottice7.jpg)
The Birth of Venus
-
บอตติเชลลิได้รับแรงบันดาลใจในการเขียนภาพ “ กำเนิดวีนัส “ มาจากบทประพันธ์ของจินตกวี 2 ท่าน คือ โพลิซิอาโน และ อะพูลิอุส และตำนานในศาสนากรีกที่กล่าวกำเนิดของเทวนารีผู้งดงามและเทพีแห่งความรัก ผู้กำเนิดจากฟองคลื่นของมหาสมุทร เขาสร้างภาพของหญิงสาวบริสุทธิ์ผู้มีเรือนร่างงดงามเปลือยเปล่าปราศจากอาภรณ์ใด ๆ พระหัตถ์ขวาปิดอก พระหัตถ์ซ้ายแตะปอยผมยาวที่พริ้วลงมาปิดต้นขา นับเป็นความชาญฉลาดของศิลปินที่จัดท่วงท่าให้งดงามและไม่อุจาดตาอย่างแยบยล วีนัสของบอตติเชลลิยืนอยู่บนเปลือกหอยที่ลอยอยู่กลางมหาสมุทร ขวามือมีเซฟเฟอร์เทพเจ้าแห่งลมกำลังช่วยเป่าลมให้เธอเคลื่อนเข้าสู่ฝั่ง ด้านซ้ายมือเป็นรูปโพโมนาเทพธิดาแห่งป่าและดอกไม้ ยืนรอที่จะนำอาภรณ์ที่พริ้วเบามาห่อหุ้มร่างของเธอ รูป ”กำเนิดวีนัส” เป็นภาพจิตรกรรมที่สร้างรูปวีนัสให้มีสัดส่วนงดงามที่สุดในยุคนั้น การจัดวางสีและองค์ประกอบต่าง ๆของภาพลงตัวอย่างยิ่ง ภาพนี้ให้ความรู้สึกเบาและเฟื่องฝันดุจบทดุริยางค์ที่แผ่นพลิ้ว ลอยเลื่อนไปสู่แดนทิพยวิมาน ทุกสิ่งในภาพประสานกลมกลืนกัน ทั้งเรื่องราวและสัญลักษณ์ ผลงานชุดนี้จึงเป็นเพชรน้ำเอกของยุคนั้น ที่แหวกออกมาจากงานจิตรกรรมที่มักมีลักษณะทีบตันและนิ่ง ต่างกับผลงาน ของบอตติเชลลิที่เบาและมักเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยอารมณ์และจินตนาการ ผลงานจิตรกรรมทั้งสองชิ้นของศิลปินผู่นี้จึงเป็นมรดกล้ำค่าของพิพิธภัณฑ์อุฟฟีซี นครฟลอเรนซ์ อิตาลี ที่ควรค่าการไปชมอย่างยิ่งสำหรับผู้รักศิลปะ
(http://upic.me/i/69/rebellion-against-the-laws-of-moses-784.jpg)
Rebellion Against the Laws of Moses
Sandro Botticelli
about 1481-1482
Fresco, 348.5 x 570 cm
Vatican, Sistine chapel
(http://upic.me/i/hz/temptation-of-christ-785.jpg)
Temptation of Christ
Sandro Botticelli
about 1481-1482
Fresco, 345 x 555 cm
Vatican, Sistine chapel
ผลงานจิตรกรรมสำคัญที่สร้างชื่อเสียงให้กับบอตติเชลลิไม่น้อยคือ ภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบปูนเปียกที่วิหารซิสติน ( Sistine Chapel ) นครวาติกัน กรุงโรม อิตาลี ซึ่งเขียนระหว่าง ค.ศ. 1481-2 ได้แก่ภาพ The Rebellion Against the law of Moses ขนาด 348.5 X 555 เซนติเมตร ภาพ Jewish Sacrifice and the Temptation of Christ ขนาด 348.5 X 558 เซนติเมตร แม้ภาพจิตรกรรมฝาผนังเหล่านี้จะมีคุณภาพสูงก็ตาม แต่ดูไม่มีชีวิตเท่าที่ควร เพราะบอตติเชลลิถนัดที่จะวาดสีฝุ่นบนผ้าใบที่ใช้ความละเอียดอ่อนมากกว่าที่จะเขียนอย่างรวดเร็วบนผนังปูนเปียก จึงทำให้ผลงานจิตรกรรมฝาผนังของเขาขาดชีวิตชีวาไปมาก เพราะเขาเขียนรายละเอียดต่างๆ มากเกินไป
แม้บอตติเชลลิจะสร้างจิตรกรรมมาตลอดชีวิต แต่ในช่วงทศวรรษ 1490 เกิดความยุ่งยากทางการเมือง ตระกูลเมดิชิที่เคยให้การสนับสนุนเขาหมดอำนาจลงและถูกให้ร้ายป้ายสีว่าเป็นพวกนอกศาสนาและคดโกงบ้านเมือง ทำให้สภาพจิตใจของเขาไม่ปรกติ ซึ่งส่งผลถึงการสร้างงานจิตรกรรมของเขาด้วย บอตติเชลลิสร้างงานอย่างเลื่อนลอยไร้จุดหมายและใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว จนถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 1510 ร่างอันไร้วิญญาณของเขาได้รับการทำพิธีที่ Ognissanti นครฟลอเรนซ์ อิตาลี
-
มาดูผลงานอื่นๆ ของบอตติเชลลีกันบ้าง
(http://upic.me/i/3w/botticelli_sandro_the_virgin_and_child_with_two_angels.jpg) (http://upic.me/show/28129834)
Virgin and Child with Angels and Saint
-
(http://upic.me/i/aw/the-venus-de-milo.jpg)
มีงาน workshop ของบอตติเชลลี ซึ่งเป็นงานที่เขาทำไว้ก่อนที่จะวาดรูปกำเนิดวีนัส ครับ
(http://upic.me/i/9m/venus-pudica-853.jpg) | (http://upic.me/i/va/venus-pudica-859.jpg) |
Venus Pudica Workshop of Botticelli late 1480s Tempera on canvas, enlarged on both sides, 157 x 68 cm Berlin, Staatliche Museen, Gemaldegalerie | Venus Pudica Workshop of Botticelli about 1490 Tempera on panel, 148 x 62 cm Geneva, private collection |
วีนัส (Venus) เทวีแห่งความรัก หรือเรียกตามภาษากรีกว่า อโฟรไดต์ (Aphrodite) ตามตำนานกล่าวว่าเธอผุดขึ้นมาจากฟองน้ำในท้องทะเล ก่อนจะถูกคลื่นพัดเข้าสู่ฝั่งบริเวณเกาะไซปรัส ดินแดนแถบนี้จึงเป็นเสมือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับนาง แต่ในมหากาพย์อีเลียด ของโฮเมอร์ เล่าว่านางเป็นธิดาของมหาเทพเซอุส ที่เกิดกับนางไดโอเน่ (Dione) ทำให้เรื่องของการกำเนิดของนางยังไม่แน่ชัดนัก แต่โดยทั่วไปจะถือว่านางเกิดจากฟองน้ำจากทะเลมากกว่า
จะ อย่างไรก็ตาม เทพีวีนัสก็ได้รับการยกย่องให้เลื่อนชั้นขึ้นเป็นเทพชั้นสูงบนเขาโอลิมปัส เล่ากันว่าเพียงแค่ก้าวแรกที่นางเหยียบเขาโอลิมปัส ทวยเทพต่างตะลึงงันในความงดงาม ทวยเทพทั้งหลายต่างหมายปองจะครอบครองนางไม่เว้นแม้แต่มหาเทพเซอุส แต่คนสวยเลือกได้ เทพีวีนัสไม่เล่นด้วย มหาเทพไม่พอใจอย่างมากก็เลยแก้เผ็ดด้วยการยกนางให้เป็นมเหสีของเทพวัลแคน (Valcan) เทพนักประดิษฐ์ เพื่อเป็นรางวัลที่เทพวัลแคนสร้างมหาอาวุธให้กับพระองค์ แต่ว่าเทพวัลแคนไม่ได้เหมาะสมกับความงามของนางเลยซักนิด เพราะว่าวัลแคนมีรูปร่างอัปลักษณ์แถมยังขาเป๋อีกต่างหาก นี่กระมังจึงเป็นที่มาของคำที่เขาว่า คนสวยมักคู่กับคนไม่หล่อ
เนื่องด้วยได้สามีไม่หล่อ เทพีวีนัสจึงแอบไปเป็นกิ๊กกับเทพมาร์ส (Mars) เทพเจ้าแห่งสงคราม ซึ่งทั้งสองก็มีบทบาทอยู่หลายครั้งในมหาสงครามกรุงทรอย ทั้งสองมีบุตรแลธิดา 3 องค์ องค์ที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักกันมากที่สุดก็คือ คิวปิด (Cupid) หรือกามเทพนั่นเอง และด้วยที่คิวปิดเป็นเด็กติดแม่มาก เราก็เลยมักจะเห็นภาพคิวปิดในร่างของเด็กน้อยอยู่เสมอ และเมื่อมีบุตรเป็นเทพสื่อรักนี่เอง นางจึงมักจะใช้คิวปิดไปทำโน่นทำนี่เกี่ยวกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ จนสร้างเรื่องวุ่นๆ อยู่หลายหน
-
(http://upic.me/i/sw/madonna-and-child-with-two-angels.jpg)
พระแม่มารีและพระบุตรและเทวดาสององค์ (อังกฤษ: Madonna and Child and Two Angels) เป็นจิตรกรรมแผงที่เขียนโดยซานโดร บอตติเชลลีจิตรกรสมัยเรอเนซองส์คนสำคัญชาวอิตาลีที่ปัจจุบันตั้งแสดงอยู่ที่วอชิงตันในประเทศสหรัฐอเมริกา
-
(http://1.bp.blogspot.com/-NNoVmA7d3Cc/Tni7l2YTQjI/AAAAAAAAAd0/VMYRYyUUho8/s1600/virgin-and-child-with-an-angel.jpg)
Sandro Botticelli - Virgin and Child with an Angel [1465-1467]
ภาพสีผุ่นบนแผ่นไม้ขนาด 87 x 60 ซม. ผลงานของซานโดน บ็อตติเชลลี ราวๆ ปี 1465-1467
ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่ สเปนดาเล เดกลิ อินโนเชนติ, ฟลอเร็นซ์
-
(http://3.bp.blogspot.com/-m6rIZQrB3Tk/TnoNFMBmzlI/AAAAAAAAAd8/ESGapDLnQMY/s1600/bottmonstad_0910_01.jpg)
ภาพ Madonna del Guidi di Faenza บ็อตติเชลลีวาดไว้ในช่วงปี 1465-1470 เป็นภาพสีฝุ่นบนแผ่นไม้ ขนาด 73 x 49 ซม.
ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์สูฟว์ ฝรั่งเศส
-
(http://4.bp.blogspot.com/-IbbWX33te60/TntrdxNfKJI/AAAAAAAAAeE/KdBbgvo-RqI/s1600/virgin-and-child-with-an-angel%2B%25282%2529.jpg)
ภาพ Virgin and Child with an Angel
เชื่อกันว่าบ็อตติเชลลี ร่วมวาดภาพนี้ไว้ด้วย
ราวๆ 1465-1470
เป็นภาพสีฝุ่นบนแผ่นไม้ ขนาด110 x 70 ซม.
เก็บรักษาไว้ที่ Ajaccio, Musee Fresh
-
(http://1.bp.blogspot.com/-ecwXjdzexfo/TntvGTgupiI/AAAAAAAAAeM/gqpMnZEY18U/s1600/madonna-della-loggia-.jpg)
ภาพ Madonna della Loggia มีควมหมายว่าพระแม่และพระบุตร
บอตติเชลลี เขียนขึ้นในปี 1468
เป็นภาพสีฝุ่นบนแผ่นไม้ ขนาด 72 x 50 ชม.
ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์อุฟฟิซิ ฟลอเรนซ์ อิตาลี
-
(http://1.bp.blogspot.com/-0OBGC86nHTE/Tn9cCE77JRI/AAAAAAAAAeU/EJqTDuC6ijg/s1600/madonna-of-the-rose-garden.jpg)
Sandro Botticelli - Madonna of the Rose Garden [1468]
ภาพ "พระแม่แห่งสวนกุหลาบ"
โดย ซานโดร บ็อตติเชลลี
เป็นภาพสีผุ่นบนแผ่นไม้ขนาด 93 x 69 ซม.
ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟว์ ปารีส ฝรั่งเศส
ในภาพนี้นอกจากจะมีพระแม่มารีและพระบุตรแล้ว นักบุญหนุ่มน้อยที่เห็นในภาพคือ
นักบุญเซนจอห์น แบ็บติสท์
-
(http://4.bp.blogspot.com/-RSrZbP98BZ4/ToCghOVVCDI/AAAAAAAAAec/OhQsZLXeFuw/s1600/43.8.jpg)
Sandro Botticelli - Virgin and Child with Adoring Angel
ยังเป็นภาพของบอตติเชลลีครับ
วาดไว้ราวๆ ปี 1468
ระบายด้วยสีฝุ่นบนแผ่นไม้
ขนาด 88.9 x 68 ซม.
เก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์นอร์ตันไซมอน อเมริกา
-
(http://1.bp.blogspot.com/-3u5liOuu7mk/ToIAYsSCUXI/AAAAAAAAAek/AnG-nbeuCR4/s1600/virin-and-child-with-angels-and-saint.jpg)
Virgin and Child with Angels and Saint
ภาพ พระแม่ พระบุตร เทวดา 2 องค์ และนักบุญ
สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นฝีมือของ ซานโดร บ็อตติเชลลี วาดไว้ในปี 1468
เป็นภาพสีฝุ่นบนแผ่นไม้ ขนาด 85 x 60 ซม.
ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่ แกลเลอเลีย อาคาเดมี เมืองฟลอเรนซ์ อิตาลี
จริงๆ แล้วภาพนี้มีชื่อเต็มว่า พระแม่ พระบุตร เทวดา 2 ตนและนักบุญหนุ่มน้อยเซนจอห์น แบ็บติสท์ แล้วยังมีสัตว์ประหลาดตัวน้อยๆ ที่ดูเหมือนจะหลับอยู่ตรงมุมขวาล่างของภาพเขียน ดูคล้ายกับเทวดาตัวเล็กของจิตรกรชื่อ Mantegna
-
2 ภาพต่อไปนี้จากข้อมูลที่ได้ เป็นภาพฝีมือของบ็อตติเชลลีครับ
| (http://upic.me/i/10/return-of-judith-to-bethulia.jpg) | (http://upic.me/i/wl/return-of-judith-to-bethulia-.jpg) |
ชื่อภาพ | Return of Judith to Bethulia | Return of Judith to Bethulia |
ปีที่เขียน | 1468-1469 | 1469-1470 |
สถานที่เก็บรักษา | พิพิธภัณฑ์ศิลปะ ซินซินเนติ อเมริกา | อุฟฟิซี่ ฟลอเรนซ์ อิตาลี |
-
(http://upic.me/i/0f/discovery-of-the-dead-holofernes.jpg)
ฆาตกรรมโฮโลเฟิร์นเนส (The Discovery of the Murder of Holofernes)
ภาพ ฆาตกรรมโฮโลเฟิร์นเนส (The Discovery of the Murder of Holofernes)
วาดโดย ซานโดร บ็อตติเชลลี
เป็นภาพสีฝุ่นบนแผ่นไม้ ขนาด 31 x 25 ซม.
ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ อุฟฟิซี่ ฟลอเรนซ์ อิตาลี