“กิ้งก่าพินอคคิโอ” โผล่มาอีกครั้งหลังคิดว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว 50 ปี
(http://upic.me/i/fs/schermata-2013-06-08-a-12.15.27-1024x663.png)
(http://upic.me/i/s2/schermata-2013-06-08-a-12.03.27-1024x661.png)
กิ้งก่าพินอคคิโอที่คิดว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว กลับมาให้เห็นอีกครั้ง (ไลฟ์ไซน์/ทรอปิคัลเฮร์ปิง)
ไม่ใช่เรื่องโกหก...“กิ้งก่าพินอคคิโอ” ที่นึกว่าสูญพันธุ์ไปแล้วเมื่อ 50 ปีก่อน กลับมาให้เห็นอีกครั้งหลังทีมวิจัยตามหาเป็นเวลา
ถึง 3 ปี โดยพบในป่าเมฆอันบริสุทธิ์ในเอกวาดอร์
(http://upic.me/i/40/than-lan-pinocchio-anole.jpg)
อเลฮันโดร อาร์เทียกา (Alejandro Arteaga) ผู้ร่วมก่อตั้งทรอปิคัลเฮร์ปิง (Tropical Herping) บริษัทด้านการศึกษาและ
การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ กล่าวว่าหลังจากใช้เวลาค้นหาสัตว์เลื้อยคลานที่มีจมูกยาวเป็นเวลาถึง 3 ปี ทีมช่างภาพและนักวิจัยก็ได้พบกิ้งก่า
พินอคคิโอ (Pinocchio anole) ในป่าเมฆ (cloud forest) อันบริสุทธิ์และยังคงความเป็นธรรมชาติ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเอกวาดอร์
(http://upic.me/i/6b/strange-rare-lizard.jpg)
ทั้งนี้ ไลฟ์ไซน์รายงานว่าทรอปิคัลเฮร์ปิงได้นำการค้นหาสัตว์เลื้อยคลานที่ตั้งชื่อตามหุ่นไม้จมูกยาวขี้โกหก ซึ่งอาร์เทียกากล่าวว่า
กิ้งก่าดังกล่าวถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อปี 1953 แต่ระหว่างปีทศวรรษ 1960 ถึงปี 2005 ก็ไม่มีใครเห็นกิ้งก่านี้อีกเลย จนกระทั่งนักปักษี
วิทยาเห็นกิ้งก่าชนิดนี้วิ่งตัดถนนในพื้นที่ห่างไกลเดียวกันนี้ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเอกวาดอร์ และการค้นพบกิ้งก่าพินอคคิโอครั้งนี้
นับเป็นครั้งที่ 3 ที่นักวิทยาศาสตร์ได้พบต่อจากปี 2005 อาร์เทียร์กาให้ข้อมูลแก่อาวเออร์อะเมซิงพลาเนตในเครือไลฟ์ไซน์ว่า โดย
ปกตินักวิทยาศาสตร์จะค้นหากิ้งก่าในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สัตว์ส่วนใหญ่นอนหลับ และกิ้งก่าเปลี่ยนเป็นสีซีดและไม่ค่อยวิ่งหนี
เตลิด โดยหนึ่งในทีมสำรวจได้พบกิ้งก่าพินอคคิโอตัวผู้กำลังปีนกิ่งไม้เหนือลำธารเมื่อเดือน ม.ค. และเก็บกิ้งก่านั้นไว้ทั้งคืน ก่อนจะบันทึกภาพ
ไว้ตอนเช้าในแหล่งอาศัยตามธรรมชาติของสัตว์เลื้อยคลานชนิดนี้ แล้วปล่อยไป ซึ่งเขากล่าวว่าเป็นเรื่องระทึกมากที่ค้นพบกิ้งก่าประหลาดนี้
(http://upic.me/i/41/proboscis-anole-on-perch-450x374.jpg)
เหตุผลทีอาร์เทียกาและคณะตามหากิ้งก่าดังกล่าว ก็เพราะกิ้งก่าพินอคคิโอเป็นกิ้งก่าชนิดสุดท้ายในการทำหนังสือ “The Amphibians
and Reptiles of Mindo” ที่เกี่ยวกับสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกและสัตว์เลื้อยคลานของเมืองมินโด (Mindo) ทางตอนเหนือของเมืองหลวง
เอกวาดอร์ที่ใช้เวลาขับรถไปถึง 2 ชั่วโมง
(http://upic.me/i/8x/pinocchio-anole2.jpg)
จากข้อมูลของสหพันธ์สากลเพื่อารอนุรักษ์ธรรมชาติ (International Union for Conservation of Nature) ไลฟ์ไซน์ระบุว่า
กิ้งก่าพินอคคิโอหรือ อาโนลิส โพรบอสซิส (Anolis proboscis) นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งพบเพียง 4 แหล่ง โดยพื้นที่อาศัยส่วน
ใหญ่เป็นพื้นที่ผืนเดียวที่ขนาบไปตามถนน และมีถิ่นอาศัยที่กินพื้นน้อยที่สุดในบรรดากิ้งก่าอื่นๆ ในโลก
(http://upic.me/i/wt/pinocchio-lizard1-450x187.jpg)
ส่วนที่ยื่นออกมาคล้ายจมูกของกิ้งก่านั้นไม่มีประโยชน์ใดเป็นพิเศษ แต่เหมือนมีไว้เพื่อการเลือกคู่ โดยคล้ายจะบ่งบอกว่า ตัวผู้ตัวนั้นมียีน
ที่ดี ซึ่งกิ้งก่าตัวเมียจะไม่มีลักษณะยื่นยาวคล้ายจมูกนี้ ค้ลายกับขนสีสดใสของนกยูงตัวผู้ที่มีไว้ดึงดูดนกยุงตัวเมีย โดยเป็นการสื่อสารกับเพศ
ตรงข้ามว่า สัตว์นั้นมีร่างกายที่แข็งแรงและจะให้ลูกให้หลานที่มีคุณภาพสูง
(http://upic.me/i/ch/556000013261802.jpeg)
เฉพาะตัวผู้ที่มีจมูกยาว (ไลฟ์ไซน์/ทรอปิคัลเฮร์ปิง)
>>>>>>>>>>>>>>
นำมาจาก http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9560000126556 (http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9560000126556)