ตะลึง!!! คนเป็นเห็นคนตาย ที่ศิริราช
(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2264493)
พิพิธภัณฑ์กายวิภาคศาสตร์ คองดอน
บางครั้งคนตายก็มีประโยชน์กว่าคนเป็นบางคน เพราะพวกเขาได้บริจาคร่างกายให้นักศึกษาแพทย์ได้ศึกษาเรียนรู้
ดังนั้นในทริปนี้ฉันจึงมุ่งหน้าไปดูคนตายที่กลายเป็นครูให้นักศึกษาแพทย์ รวมถึงเราๆท่านๆได้ศึกษาเรียนรู้ และตื่นตะลึง
ไปกับความมหัศจรรย์ของร่างกายมนุษย์ ที่ “พิพิธภัณฑ์กายวิภาคศาสตร์ คองดอน” โรงพยาบาลศิริราช โดยมี
คุณนันท์นภัส ปฐพีธนวิทย์ เจ้าหน้าที่ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ เป็นผู้นำชมและบรรยายให้ฟัง
(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2264495)
ตู้แสดงอวัยวะรับสัมผัสพิเศษ
คุณนันท์นภัสเล่าว่า ในสมัยช่วงแรกๆ ประมาณ พ.ศ.2466 ศิริราชได้รับความร่วมมือจากมูลนิธิรอคกี้เฟลเลอร์
ส่งผู้เชี่ยวชาญมาช่วยจัดการเรียนการสอนที่ศิริราชในหลากหลายสาขาวิชา หนึ่งในนั้นคือกายวิภาคศาสตร์ ซึ่งทางมูลนิธิฯ
ได้ส่งคนมาวางแผนสร้างตึก และต่อมาได้ส่ง ศาสตราจารย์ คองดอน (E.D. Congdon) มาเขียนตำรา เตรียมอุปกรณ์การสอน
มาชำแหละอาจารย์ใหญ่ ส่วนต่างๆของร่างกายและระบายสีหลอดเลือดเส้นประสาทด้วยวิธี Albuminous paint ซึ่งสามารถ
เก็บในแอลกอฮอล์ และจัดห้องไว้สำหรับทำเป็นพิพิธภัณฑ์ และเปิดทำการอย่างจริงจังในปี พ.ศ.2491
(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2264494)
ตู้แสดงระบบหลอดเลือดแดง กล้ามเนื้อและหลอดเลือดดำ และระบบประสาท
นอกจากนี้คุณนันท์นภัสได้พูดถึงการเรียนกายวิภาคศาสตร์ว่า “เป็นการเรียนเรื่องการเป็นปกติของอวัยวะมนุษย์ เรียนเพื่อ
ให้รู้ว่าอวัยวะนี้กำเนิดขึ้นมาจากไหน มีรูปพรรณสัณฐานที่ตั้งอย่างไร มีอวัยวะอะไรอยู่ใกล้ๆกัน เราจะเรียนให้รู้ว่าอวัยวะนี้เจริญมา
จากเนื้อเยื้ออย่างไร พอเราเรียนแล้วรู้ว่าอวัยวะนี้เกิดขึ้นมาแบบนี้ พอโตขึ้นมามันจะอยู่ตรงไหน แล้วดูให้เห็นก่อนด้วยการชำแหละ
ออกมาดู ต่อจากนั้นถ้าเราอยากรู้ว่าเนื้อเยื่อที่มาประกอบเป็นอวัยวะนี้มันเป็นลักษณะเซลล์อย่างไร เราก็เอาอวัยวะนั้นมาหั่น
มาตัดให้บางด้วยมีด แล้วมาส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ ให้เห็นความแตกต่างของเซลล์ด้วยการย้อมสี อีกอย่างคือดูว่าอวัยวะ
นั้นมีความสัมพันธ์กันกับอวัยวะข้างเคียงอย่างไร"
(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2264496)
ตู้จัดแสดงการเจริญเติบโตของทารก
“นอกเหนือจากมันมีหลอดเลือด มีเส้นประสาทอะไรมาสนับสนุน ถ้าอวัยวะนี้มีความผิดปกติของการเจริญ เราต้องอธิบาย
ให้ได้ว่าความผิดปกติเกิดที่ขั้นตอนใดของการเจริญเติบโต จะส่งผลอย่างไร เกิดความพิการแบบไหน ถ้าเกิดในระบบประสาท
สมองส่วนนี้มีความผิดปกติมันจะสะท้อนท่าทางหรือลักษณะของร่างกายออกมาอย่างไร”
เอาล่ะ เมื่อรู้พอสังเขปแล้วว่ากายวิภาคศาสตร์เขาเกี่ยวกับอะไรบ้าง ก็ได้เวลาเข้าไปเห็นของจริงภายในพิพิธภัณฑ์ฯ
โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้แบ่งออกเป็น 2 ห้อง ด้วยกัน ห้องแรกได้แก่ “ห้องกายวิภาคศาสตร์ทั่วไป” จัดแสดงระบบอวัยวะร่างกาย
ของคนทุกระบบ จัดแสดงอวัยวะที่เป็นปกติ และความพิเศษหรือความหลากหลายทางกายวิภาคศาสตร์ ของที่จัดแสดงส่วนใหญ่
เป็นของจริงที่ได้จากการบริจาค เป็นเต็มตัวก็มี ชิ้นส่วนอวัยวะก็มี
(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2264497)
การเจริญเติบโตตั้งแต่ในครรภ์จนคลอด
แต่บางอย่างถ้าเล็กเกินไป เป็นชิ้นส่วนเล็กๆ อวัยวะเล็กๆ เราจะศึกษาด้วยหุ่นจำลองก่อน อย่างหูชั้นในเป็นส่วนที่สำคัญ
ส่วนก้นหอยเป็นส่วนของการรับเสียงการได้ยิน ส่วนที่เป็นท่อครึ่งวงกลม3ท่อเป็นส่วนของการทรงตัว ซึ่งมันเล็กมาก ดูด้วย
ตาเปล่าไม่เห็น เราต้องศึกษาเป็น 3 มิติคู่กัน โดยตู้ที่จัดแสดงเริ่มตั้งแต่ ตู้แสดงเรื่องของ “อวัยวะรับสัมผัสพิเศษ” ได้แก่ พวกตา
หู จมูก ลิ้น และตู้สุดท้ายของแถวแรกเป็นเรื่องของการแสดง “การเจริญเติบโตของใบหน้าและฟัน” เรื่องความผิดปกติของการเจริญ
บนใบหน้าพบบ่อยมาก ผิดปกติมาตั้งแต่กำเนิด เช่น พวกปากแหว่งเพดานโหว่
(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2264498)
แสดงหน้าที่ชำแหละและระบายสีให้เห็นกล้ามเนื้อ หลอดเลือดแดงดำ ประสาทกับต่อมน้ำลายและน้ำเหลือง
ตู้แถวที่สองเป็นเรื่องของ “ระบบประสาท หัวใจ และหลอดเลือด” ตั้งแต่พัฒนาการของระบบสัตว์ ว่าพัฒนามาจากเนื้อเยื่ออะไร
สัปดาห์ที่เท่านี้มีอะไรเกิดขึ้น แล้วท้ายที่สุดเจริญไปเป็นสมองทั้งก้อนอย่างไร แล้วสมองทั้งก้อนแบ่งพื้นที่อย่างไร เรียกว่าอะไรบ้าง
เราใช้สัตว์มาใช้ในการเปรียบเทียบกับคน สัตว์ที่ใกล้เคียงกับคนเราคือสัตว์มีกระดูกสันหลัง และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ตรงส่วนนี้มี
สมองของสัตว์มาให้ดูเปรียบเทียบกันด้วยได้แก่ กระต่าย แมว สุนัข ชะนี และที่พลาดไม่ได้คือ 3 ตู้ไฮไลท์ของพิพิธภัณฑ์ ได้แก่
ระบบหลอดเลือดแดงทั้งร่างกาย, กล้ามเนื้อและหลอดเลือดดำ และระบบประสาททั้งร่างกาย ซึ่งผลงานชิ้นเด่นๆนี้ถูกชำแหละโดย
รองศาสตราจารย์แพทย์หญิงเพทาย ศิริการุณ ซึ่งเป็นสิ่งแสดงทางกายวิภาคที่มีอยู่ชิ้นเดียวในโลกก็ว่าได้
(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2264499)
แฝดแบบต่างๆ
ต่อไปเป็นตู้จัดแสดง “การเจริญเติบโตของทารก” แสดงการเจริญเติบโตตามอายุตั้งแต่เอ็มบริโอ (Embryo) ขนาดเล็ก
ทารกในครรภ์ จนถึงคลอด รวมถึงมดลูกและรก ถัดไปเป็น “โครงกระดูกของศาสตราจารย์นายแพทย์สุด แสงวิเชียร” อ.หมอสุด
เป็นนักเรียนแพทย์ของศิริราช ท่านเรียนเก่งมากจนได้เป็นครูผู้ช่วยของ อ.คองดอน พอเรียนจบแล้วได้ไปเรียนต่อที่เมืองนอก
โดยเรียนวิชาแพทย์และเรียนวิชาการทำสื่อการเรียนการสอน เรียนว่าโมเดลทำอย่างไร สไลด์ลูกไก่ทำอย่างไร
(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2264500)
ตู้แสดงร่างกายตัดขวางตั้งแต่ศีรษะจนถึงปลายเท้า
ต่อด้วย “ตู้เด็กที่ผิดปกติตั้งแต่กำเนิด” ชนิดต่างๆ และเรื่องของ “ฝาแฝด” โดยฝาแฝดที่รู้จักกันมี 2 แบบ คือ แฝดที่มาจาก
ไข่ใบเดียวกัน หรือแฝดแท้ มีโครโมโซมเหมือนกัน หน้าตาเหมือนกัน เพศเดียวกัน กับแฝดที่มาจากไข่คนละใบ โครโมโซมไม่เหมือนกัน
หน้าตาไม่เหมือนกัน คนละเพศก็ได้ ถ้าตัวอ่อนเจริญช้า แยกออกจากกันช้า มีบางส่วนซ้อนทับกันอยู่ แม่จะได้ลูกอ่อนที่ตัวติดกัน ซึ่งติดกัน
ได้ตั้งแต่ศีรษะไปจนถึงก้น และมีแฝดสยามหรืออิน-จัน ด้วย
(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2264502)
ร่างกายตัดขวางหนาประมาณ 1 นิ้ว
นอกจากนี้ยังมีตู้แสดงอวัยวะภายในร่างกายเรา ระบบหายใจ ระบบขับถ่าย ระบบย่อยอาหาร ระบบสืบพันธุ์ ระบบน้ำเหลือง ต่อมต่างๆ
ตู้แสดงร่างกายตัดขวางตั้งแต่ศีรษะจนถึงปลายเท้า เพื่อดูอวัยวะที่อยู่ในระนาบเดียวกัน ตัดหนาประมาณ 1 นิ้ว ดูว่าในแต่ละระดับที่ตัดผ่าน
อวัยวะอะไรบ้าง ซึ่งใช้ประโยชน์มากใน C.T. Scan ด้วย ส่วนอีกหนึ่งห้องที่อยู่ติดกันคือ “ห้องกระดูกและข้อ” แสดงเรื่องราวเกี่ยวกับกระดูก
ทุกชิ้นของร่างกาย รวมทั้งกะโหลกซึ่งแยกเป็นชิ้นๆ แสดงส่วนประกอบของกระดูก การคาดคะเนอายุจากกระดูก แสดงกระดูกที่ผิดปกติ
เนื่องจากความผิดปกติของสารที่หลั่งจากต่อมไร้ท่อ แสดงข้อต่อชนิดต่างๆของร่างกาย
(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2264503)
แสดงกระดูกและข้อต่อ
นอกจากนี้ยังมีโครงกระดูกของบุคคลสำคัญในวงการแพทย์แสดงอยู่ด้วย เช่น อาจารย์หมอโกศล กันตะบุตร, พระยาศราภัยพิพัฒ,
พระยาอุปกิตศิลปสาร ซึ่งท่านเป็นผู้บริจาคร่างกายคนแรก เป็นอาจารย์ใหญ่คนแรกของศิริราช ท่านเหล่านี้เมื่อก่อนใช้เรียนจริงๆ กระดูก
อาจารย์ถูกจับถูกเรียนมาเยอะ เมื่อมีคนบริจาคเยอะขึ้น และอาจารย์เป็นบุคคลสำคัญ เราจึงเชิญอาจารย์มาไว้ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้
(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2264504)
โครงกระดูกของบุคคลต่างๆที่มีความสำคัญในวงการแพทย์
เมื่อชมพิพิธภัณฑ์กายวิภาคศาสตร์ คองดอนเสร็จแล้ว ทำให้เรารู้จักร่างกายของเราเองมากขึ้นสมกับชื่อของพิพิธภัณฑ์โดยแท้
ใครที่สนใจก็สามารถมาชมมาเห็นของจริงๆด้วยตาตนเองได้ ซึ่งนอกจากนี้ศิริราชยังมีพิพิธภัณฑ์อีกหลายแห่งด้วยกัน ได้แก่ พิพิธภัณฑ์
นิติเวชศาสตร์ สงกรานต์ นิยมเสน, พิพิธภัณฑ์พยาธิวิทยาเอลลิส, พิพิธภัณฑ์ปรสิตวิทยา, พิพิธภัณฑ์ประวัติการแพทย์ไทย อวย เกตุสิงห์,
พิพิธภัณฑ์และห้องปฏิบัติการเรื่องราวก่อนประวัติศาสตร์ สุด แสงวิเชียร ซึ่งฉันขอเก็บไว้นำเสนอในครั้งต่อๆไป
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
“พิพิธภัณฑ์กายวิภาคศาสตร์ คองดอน” ตั้งอยู่ที่ชั้น 3 อาคารกายวิภาคศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช ถ.พรานนก แขวงศิริราช
เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ เปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 9.00-16.00 น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ อัตราค่าเข้าชม(ทั้ง 6 พิพิธภัณฑ์ของศิริราช)
คนไทย 20 บ. ชาวต่างชาติ 40 บ. เด็ก, นักเรียน และภิกษุ ชมฟรี สอบถามโทร. 0-2419-6363
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
นำมาจาก http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9550000059840 (http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9550000059840)