เพลงพักใจดอทเน็ต

สัพเพเหระ => รูปภาพสวยๆ แปลกๆ เอามาโชว์ครับ => ข้อความที่เริ่มโดย: วิทยา ที่ 05/ส.ค./13 10:33น.

หัวข้อ: “กล้วยน้ำว้า” คุณค่าล้นเหลือ
เริ่มหัวข้อโดย: วิทยา ที่ 05/ส.ค./13 10:33น.

“กล้วยน้ำว้า” คุณค่าล้นเหลือ

(http://upic.me/i/p3/1wnx2.jpg)

      คงเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วว่า ผลไม้อย่าง “กล้วย” นั้นมีประโยชน์มากมายหลายอย่าง นอกจากผลของกล้วยจะเป็น
ผลไม้รสชาติหวานอร่อยแล้ว ส่วนอื่นๆ ของต้นกล้วยก็ยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อีกหลายอย่าง ตั้งแต่ใบกล้วยหรือ
ใบตอง ลำต้น หรือแม้กระทั่งหัวปลี

(http://image.ohozaa.com/i/891/Z2e88.JPG)
       
       แต่สำหรับกล้วยที่ “108 เคล็ดกิน” จะมาบอกถึงคุณสมบัติอันน่ามหัศจรรย์ ก็คือ “กล้วยน้ำว้า” ที่ต้องบอกว่าประโยชน์
ที่เราได้จากกล้วยน้ำว้านั้นมีมากเกินกว่าที่เราจะคาดถึงเลยทีเดียว

(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2024822)

       ในผลกล้วยน้ำว้าสุก 1 ผลนั้น ให้พลังงานแก่ร่างกายของเราได้ประมาณ 60 กิโลแคลอรี่ ซึ่งในพลังงานที่ได้รับนี้
เป็นพลังงานจากน้ำตาลธรรมชาติที่มีอยู่ในกล้วยน้ำว้า โดยมีน้ำตาลธรรมชาติอยู่ 3 ชนิดด้วยกัน คือ ซูโครส ฟรุกโตส และกลูโคส
       
       ส่วนแร่ธาตุและวิตามินที่มีอยู่ในกล้วยน้ำว้าก็มีทั้ง แมกนีเซียมและโพแทสเซียม ที่ช่วยป้องกันโรคความดัน มีวิตามินบี 6
ที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิต้านทาน มีวิตามินบี 1 บี 2 วิตามินซี และยังมีวิตามินเอมากที่สุดในบรรดากล้วยทั้งหลายอีกด้วย
       
       ที่พิเศษสุดก็คือ ในกล้วยน้ำว้าจะมีโปรตีนอยู่ด้วย โดยมีทั้งกรดอมิโน อาร์จินิน และฮีสติดิน ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญ
และจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารก และเพราะว่ามีสารอาหารที่เป็นประโยชน์แบบนี้เอง คุณพ่อคุณแม่จึงให้เด็กๆ
กินกล้วยน้ำว้าบดเป็นอาหารอย่างแรกๆ ก่อนที่จะลองให้กินอาหารชนิดอื่นเมื่อโตขึ้น

(http://www.thaicrudedrug.com/userfiles/image/tcd013_Kluaydib/tcd013_03.JPG)
     
       สำหรับสรรพคุณทางยาของกล้วยน้ำว้า ในผลดิบนั้นใช้รักษาอาการท้องเดิน-ท้องเสีย โดยใช้ประโยชน์จากสารแทนนิน
ที่มีอยู่ในผลดิบของกล้วยน้ำว้า วิธีบริโภคก็คือให้กินทั้งเปลือก หรือจะหั่นเป็นแว่นๆ แล้วตากแห้ง นำมาบดชงผสมกับน้ำร้อน
หรือบดแล้วปั้นเป็นเม็ดกินก็ได้

(http://i.lnwfile.com/_resize_images/300/300/zc/lv/79.jpg)
       
       และผลดิบของกล้วยน้ำว้าก็ยังสามารถรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้ด้วย โดยใช้กล้วยน้ำว้าดิบนำมาปอกเปลือก
ฝานเอาแต่เนื้อเป็นแผ่นบางๆ ตากแดดจนแห้งกรอบแล้วบดเป็นผงละเอียด ละลายกินกับน้ำข้าวหรือน้ำผึ้งก็ได้ ซึ่งในกล้วยดิบ
จะกระตุ้นเซลล์เยื่อบุในกระเพาะอาหารให้หลั่งสารมิวซินออกมาเคลือบกระเพาะ ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้

(http://upic.me/i/ru/ah7ys.jpg) 
     
       ส่วนในกล้วยน้ำว้าสุก สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ หรือเจ็บหน้าอกจากการไอแห้งๆ ลดการระคายเคืองในลำคอ
จากอาการไอ กล้วยน้ำว้าสุกช่วยระงับกลิ่นปากได้ โดยหลังจากตื่นนอนแล้วให้กินกล้วยน้ำว้าทันที แล้วค่อยแปรงฟัน
       
       และถ้ากินกล้วยแล้วเหลือเปลือกไว้ ที่เปลือกของกล้วยน้ำว้าก็ยังมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียที่จะทำให้
เกิดหนอง อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการคันเนื่องจากแมลงกัดต่อยได้ด้วย

(http://burirom.ketakawee.com/wp-content/uploads/2010/01/banana1.jpg)
     
       สรรพคุณของกล้วยน้ำว้ามีเยอะขนาดนี้ จะกินกล้วยน้ำว้าวันละ 1-2 ผล ก็คงจะได้ประโยชน์กับสุขภาพของเราไม่น้อย
       
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

นำมาจาก http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000093550 (http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000093550)


หัวข้อ: Re: “กล้วยน้ำว้า” คุณค่าล้นเหลือ
เริ่มหัวข้อโดย: จงรักษ์ ที่ 05/ส.ค./13 21:09น.
ใช่เลยครับ...กลัวยน้ำหว้าของเรามีคุณค่ามากมายจริงๆครับ..อย่าทานกล้วทุกวันน่ะครับ...