เพลงพักใจดอทเน็ต

สัพเพเหระ => รูปภาพสวยๆ แปลกๆ เอามาโชว์ครับ => ข้อความที่เริ่มโดย: วิทยา ที่ 26/มิ.ย./13 12:21น.

หัวข้อ: “คาเมรอน ไฮแลนด์”แดนสวยรวยเสน่ห์...ถิ่นปริศนาปิดตำนานจิม ทอมป์สัน
เริ่มหัวข้อโดย: วิทยา ที่ 26/มิ.ย./13 12:21น.

“คาเมรอน ไฮแลนด์”แดนสวยรวยเสน่ห์...ถิ่นปริศนาปิดตำนานจิม ทอมป์สัน    

(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2709854)   
คาเมรอน ไฮแลนด์ ดินแดนที่ราบสูงอันอุดมสมบูรณ์ของมาเลเซีย

       แม้การจากไปของ“จิม ทอมป์สัน”ผู้ได้ชื่อว่าเป็น“ราชาผ้าไหมไทย” หนึ่งในบุคคลระดับตำนานจะยัง
คงเป็นปริศนา แต่จากข้อมูลหลักฐานส่วนใหญ่ระบุตรงกันว่า เขาหายตัวไปอย่างลึกลับ ที่“คาเมรอน ไฮแลนด์”
(Cameron Highlands) ซึ่งปัจจุบันถือเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวขึ้นชื่อของมาเลเซีย ที่คนไทยนิยมเดินทาง
ไปเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก
       
       รู้จักคาเมรอน ไฮแลนด์
       
       คาเมรอน ไฮแลนด์ เป็นดินแดนที่ราบสูงทางภาคเหนือของมาเลเซีย ตั้งอยู่ในรัฐปาหัง ดินแดนแห่งนี้
เดิมเป็นป่าเขากับถิ่นที่อยู่ของชนพื้นถิ่น จนกระทั่งในปี ค.ศ.1885 “วิลเลียม คาเมรอน”(William Cameron)
นักสำรวจชาวอังกฤษเดินทางมาค้นพบ ซึ่งเขาได้บรรยายว่าดินแดนแห่งนี้เป็น “ที่ราบสูงที่ลาดเอียงได้อย่างสวยงาม
และโอบล้อมไปด้วยหุบเขาสูงตระหง่าน” หลังจากนั้น

(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2709855)
แปลงพืชผักแห่งคาเมรอนไฮแลนด์

       หลังจากนั้นดินแดนแห่งนี้ก็ได้รับการพัฒนา มีการสร้างชุมชน สร้างเมืองขึ้น โดยคนกลุ่มแรกๆที่เข้ามา
จับจองพื้นที่ คือพวกเจ้าของไร่ชา เจ้าของฟาร์ม ผู้มีอันจะกินที่มองหาดินแดนที่มีอากาศดี สงบ เป็นส่วนตัว
ขณะที่ทางผู้ปกครองในยุคนั้นคืออังกฤษก็ได้สร้างที่นี่เป็นเมืองพักตากอากาศ ให้เป็นที่รองรับสำหรับผู้ป่วย
ผู้สูงวัย และผู้เกษียณอายุ โดยมีชาวจีนเดินทางเข้ามาทำไร่ ทำสวนผัก หลังจากที่เมืองค่อยๆพัฒนาขึ้น
       
       สำหรับชื่อคาเมรอน ไฮแลนด์นั้น ได้ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติในภายหลังแก่ผู้ค้นพบดินแดนแถบนี้
(อย่างเป็นทางการ) คือ“วิลเลียม คาเมรอน”

(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2709856)
ย่านดาวน์ทาวน์เมืองทานา ราตา

       ปัจจุบันคาเมรอน ไฮแลนด์มีเมือง(อำเภอ)หลัก 3 เมือง ไล่ไปตามระดับความสูง คือ “ริงเลท”(Ringlet)
เมืองที่สร้างขึ้นเป็นแห่งแรกในคาเมรอน ชาวเมืองส่วนใหญ่เป็นคนจีน ที่นี่ถือเป็นพื้นที่หลักในการทำสวนผลไม้ สวนผัก
       
       เมืองสำคัญสูงขึ้นถัดไปคือเมือง “ทานา ราตา”(Tanah Rata) เป็นศูนย์กลางการปกครอง เมืองราชการ
ในอดีต มีบ้านพัก บังกะโล ตลาด ร้านค้า ร้านอาหารมากมาย โดยเฉพาะกลุ่มตึกเก่า และกลุ่มอาคารกลางเมือง
ที่สร้างอย่างสวยงามนั้นซึ่งถือเป็นจุดเดินเที่ยวชั้นดีของเมืองนี้

(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2709857)
บรินชาง เมืองในหุบเขา

       ส่วนเมืองสำคัญลำดับสุดท้ายคือ“บรินชาง”(Brinchang) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่สูงสุดในหุบเขา มีการทำ ไร่ชา
สวนผลไม้ ฟาร์มสตรอเบอร์รี่ และพืชผักเมืองหนาวอื่นๆ ซึ่ง“ตะลอนเที่ยว” กับคณะเลือกพักในเมืองบรินชางที่
โรงแรม “Equatorial” ที่มีวิวรอบข้างสวยงาม จากระเบียงพักชั้นต่างๆสามารถมองลงมาเห็นทิวทัศน์เมืองบรินชาง
ในหุบเขาได้เป็นอย่างดี
       
       นอกจากนี้ Equatorial ยังถือเป็นโรงแรมที่มีคนไทยนิยมไปพักกันไม่น้อย ถึงขนาดทางโรงแรมมีคาราโอเกะ
เพลงไทยไว้บริการกันเลยทีเดียว

(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2709858)
เฟิร์นมหาสดำพบเห็นได้ทั่วไปในคาเมรอน ไฮแลนด์

       ไร่ชา -ลาเวนเดอร์-สตรอเบอร์รี่
       
       คาเมรอน ไฮแลนด์ มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสูง มีความสูงเฉลี่ย 1,524 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
เป็นดินแดนที่มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี มีจุดสูงสุดคือยอดเขาบรินชางที่สูงด้วยเลขสวยคือ 6,666 ฟุต
หรือราว 2,000 เมตร(1,999.80 เมตร) ซึ่งนักทองเที่ยวสามารถเดินทางขึ้นไปสัมผัสกันได้
       
       ปัจจุบันแม้พื้นที่ส่วนใหญ่ของคาเมรอน ไฮแลนด์จะได้รับการพัฒนาสร้างอาคารสถานที่และสิ่งต่างๆ
รองรับการเติบโตของเมืองและธุรกิจท่องเที่ยวที่กำลังโตวันโตคืน แต่เมืองนี้ก็ยังคงหลงเหลือสภาพป่าฝน
เขตร้อนชื้นให้สัมผัสกันพอสมควร โดยเฉพาะกับเฟิร์นมหาสดำที่ถือเป็นพืชโบราณ พืชดึกดำบรรพ์เหลือน้อย
ในบ้านเรา แต่ที่นี่มีให้เห็นกันเพียบ ทั้งตามป่าเขา ตาม 2 ข้างทาง ริมไร่ หรือแม้กระทั่งแต่ในเมือง

(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2709859)
ทิวทัศน์ไร่ชาที่คาเมรอน ไฮแลนด์

       ด้วยความที่มีอากาศดี ดินดี คาเมรอน ไฮแลนด์จึงเป็นแหล่งปลูกพืชผักเมืองหนาวชั้นนำของมาเลเซีย
ส่งผลให้ที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ที่เปิดไร่ เปิดฟาร์ม เปิดสวนให้คนเข้าไปเที่ยวชมกันเป็นจำนวนมาก
       
       สำหรับทริปนี้ “ตะลอนเที่ยว” พุ่งเป้าไปที่ 3 แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรยอดฮิตของเมือง เริ่มกันที่
“ไร่ชาสุไหง ปาลัส”(Sungei Palas) ในสังกัด BOH ชาแบรนด์ดังของมาเลเซีย ตั้งอยู่ในเมืองบรินชาง
เป็นไร่ชาขนาดใหญ่ที่สูงที่สุดในคาเมรอน ไฮแลนด์

(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2709860)
ไร่ชาสุไหง ปาลัสกับร้านอาหารจุดชมวิวชั้นดี

       ภายในไร่มีจุดชมวิว จุดถ่ายรูปไร่ชาอันกว้างไร่สวยงาม มีการจัดตกแต่งภูมิทัศน์อย่างสวยงาม
นอกจากนี้ยังมีโรงงานผลิตชาเปิดให้เที่ยวชม มีพิพิธภัณฑ์ชาให้เดินดูกรรมวิธีแบบโบราณ รวมถึงมีร้าน
ขายของที่ระลึกเน้นชาสารพัด และร้านอาหาร เครื่องดื่ม ที่มีมุมระเบียงเป็นไฮไลท์ให้นักท่องเที่ยวมา
ถ่ายรูปไร่ชาในมุมสวยเริ่ดกัน

(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2709861)
ลูกสตรอเบอร์รี่ยักษ์จำลองแม่เหล็กดึงดูดเหล่าเด็กๆ

       จุดต่อไปเป็นไร่หรือฟาร์มสตรอเบอรี่ที่มีให้เลือกเที่ยวกันหลายแห่ง บางสวนเปิดให้นักท่องเที่ยว
สามารถเดินเข้าไปเก็บสตรอเบอร์รี่สดๆจากต้นได้ ในราคาตามที่สวนกำหนด แต่งานนี้เราพุ่งเป้าไปที่
“Big Red Straw Berry Farm” ฟาร์มชื่อดังที่มีการปลูกสตรอเบอร์รี่ในกระถางและปลูกพืชผักแบบ
ไฮโดรโพนิก ในฟาร์มมีมุมสวยๆเก๋ๆให้ถ่ายรูป มีสตรอเบอรี่สดๆสีแดงสวยให้เลือกซื้อ และของกินที่มี
ส่วนของสตรอเบอรี่มากหลายให้เลือกกิน

(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2709901)
แปลงดอกไม้หลากสีที่สวนลาเวนเดอร์

       มาถึงแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรลำดับสุดท้าย เป็น “สวนลาเวนเดอร์”(Lavender Garden)
ที่ย่าน “Kea Farm” ที่นี่เป็นสวนสวย ด้านในตกแต่งอย่างกิ๊บเก๋ มีมุมสวยงามให้เลือกถ่ายรูปกันมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นมุมที่นำรองเท้ามาปลูกต้นไม้ มุมตู้ไปรษณีย์ มุมคิตตี้ที่เด็กๆชอบกันมาก มุมคิวปิด มุมป้ายเก๋ๆ
และมุมไฮไลท์คือมุมแปลงดอกไม้ด้านหน้าที่ปลูกลาเวนเดอร์ ซัลเวีย บีโกเนีย เป็นแปลงสีม่วง เหลือง
แดง ตัดสลับกันอย่างสวยงาม
       
       ขณะที่ด้านบนนั้นเป็นสวนสตรอเบอร์รี่ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าไปเก็บสตรอเบอรี่ในสวนได้
ส่วนบริเวณทางออกเป็นโซนร้านขายของที่ระลึก มากไปด้วยสีสัน มีดีไซน์ ซึ่งสามารถเรียกเงินจากผู้มาเยือน
ได้ไม่น้อยเลย

(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2709902)
แปลงดอกไม้จุดถ่ายรูปยอดฮิตในสวนลาเวนเดอร์

       ตลาด-ดอกไม้-ผึ้ง - ผีเสื้อ
       
       เลยจากย่าน Kea Farm ไปไม่ไกลเป็นเมือง“ทริงแคป”(Tringkap) ที่นี่มีตลาดพืช ผัก ผลไม้
และของที่ระลึก ให้เลือกช้อปกัน นอกจากนี้ในตลาดยังมี “สวนกุหลาบ”(Rose Centre) ที่ภายในมีกุหลาบ
แคคตัส และดอกไม้อีกสารพัดทั้งดอกไม้จริง ดอกไม้ปลอม รวมไปถึงสิ่งประดับสวนอื่นๆให้เลือกชม อีกทั้งยัง
มีจุดชมวิวให้เดินขึ้นไปชมเมืองทริงแคป ที่มองลงไปเห็นบ้านเรือนปลูกสร้างไล่ระดับตามสภาพพื้นที่ไปอย่างมีสีสัน
       
       
       ขณะที่ใกล้ๆกัน(มีทางเดินเชื่อมถึง) เป็นพื้นที่จัดแสดงเกี่ยวกับการทำฟาร์มผึ้งหนึ่งในอาชีพที่คนที่นี่นิยมทำกัน
มีการนำเสนอให้เห็นถึงผึ้งกับรังชนิดต่างๆ ที่เมื่อได้เห็นใกล้ๆ“ตะลอนเที่ยว” จึงรู้ว่าลวดลายเส้นสายบนรังผึ้งนั้น
คืองานศิลปะดีนี่เอง

(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2709903)
พบผีเสื้อหลากสีสันได้ในสวนผีเสื้อ

       คาเมรอน ไฮแลนด์ยังมีจุดท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่คนนิยมไปกันนั่นก็คือ “สวนผีเสื้อ”ที่เมื่อเข้าไปภายในมีผีเสื้อ
มากมายหลากสีสันให้ชม ผีเสื้อบางตัวนึกว่ามันตายแล้วเขาเอามาสตาฟฟ์ไว้ ที่ไหนได้มันยังเป็นอยู่ หนวดกระดิกไหวๆ
แต่ตัวกลับเกาะนิ่งบนดอกไม้ ใบไม้ ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปกันอย่างง่ายดาย เหมือนว่ามันรู้งาน ช่วยเจ้าของทำมาหากิน
ยังไงยังงั้น
       
       แม้จะได้ชื่อว่าเป็นสวนผีเสื้อแต่ที่นี่ก็ยังมีสัตว์อื่นๆให้เที่ยวชม อาทิ แมลงแปลกๆ กิ้งก่า กว่าง ด้วง กบ นก หนู
กระต่าย เต่า รวมไปถึงงู สัตว์มีพิษที่ดูน่าเกลียดน่ากลัว แต่ว่ากลับมีคนไปเฝ้าดูมันเป็นจำนวนมาก

(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2709904)
Smokehouse Hotel

       บ้านหลังสุดท้ายของจิม ทอมป์สัน
       
       ในยุคที่อังกฤษมาบุกเบิกสร้างเมือง พวกเขาได้นำบ้านสไตล์ยุโรปและบ้านสไตล์ทิวดอร์(Tudor)
ที่เป็นงานสถาปัตยกรรมคลาสสิกจากเมืองผู้ดีมาด้วย
       
       บ้านสไตล์ทิวเดอร์เดิมทำจากโครงไม้สน หรือไม้โอ๊ค ภายนอกเน้นทาสีขาว มีลวดลายทาสีเข้ม
ตัดตามโครงสร้างทั้งเส้นนอน เส้นตั้ง และเสียงเฉียง ดูสวยงาม ซึ่งปัจจุบันสถาปัตยกรรมสไตล์นี้ได้กลาย
มาเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของคาเมรอน ไฮแลนด์ ที่มีโรงแรม รีสอร์ท จำนวนมาก สร้างในรูปแบบนี้
       
       สำหรับอาคารเก่าจากยุคอดีตที่วันนี้มีคนนิยมไปเที่ยวชมกันมากก็คือ “โรงแรมสโมกเฮ้าส์”
(Smokehouse Hotel) ที่เป็นโรงแรมแห่งแรกในคาเมรอน ไฮแลนด์สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1937
ในสไตล์ทิวดอร์ อาคารสร้างอย่างสมส่วน บริเวณรอบๆมีสวนหย่อม มีไม้ดอกไม้ประดับตกแต่งอย่าง
สวยงาม นักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวชมภายนอกได้อย่างสำรวม ส่วนถ้าจะเข้าไปถ่ายภายใน
หรือถ่ายสวนสวยต้องขออนุญาตทางเจ้าของเขาก่อน

(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2709966)
Moonlight House หรือ บ้าน(พัก)จิม ทอมป์สัน ก่อนหายตัวลึกลับ

       ในคาเมรอน ไฮแลนด์ ยังมีบ้านหลังสำคัญมากอีกหนึ่งหลัง นั่นก็คือ “Moonlight House”
หรือ “บ้าน(พัก)จิม ทอมป์สัน”
       
       บ้านมูนไลท์เป็นบ้านเก่าที่จิม ทอมป์สัน เคยมาพักเมื่อครั้งที่มาพักผ่อนเมื่อกว่า 45 ปี ที่แล้ว
ก่อนที่เขาจะหายตัวลึกลับไปในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1967(พ.ศ.2510) แถวบริเวณที่วันนี้คือ โรงแรม
Strawberry Park ซึ่งจากนั้นมาเลเซียได้ตีให้จิมเป็นคนสาบสูญหลังจากนั้นอีก 10 ปี ผ่านมา
       
       มาวันนี้แม้การหายตัวของจิม ทอมป์สันยังเป็นปริศนา แต่บ้านมูนไลท์ที่เป็นบ้านหลังสุดท้ายก่อน
ที่จิมจะหายไปได้ถูกชูเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเด่นอีกแห่งหนึ่งของคาเมรอน ไฮแลนด์ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวตาม
ร่องรอยของจิม ทอมป์สันมาดูบ้านหลังนี้ไม่ได้ขาด
       
       บ้านมูนไลท์สร้างคู่กับบ้านซันไรส์(Sunrise House)ที่อยู่ใกล้ๆกัน ซึ่งปัจจุบันบ้านทั้ง 2 หลัง
ได้มีผู้มาซื้อกิจการไปทำเป็นโรงแรมที่พัก
       
       สำหรับผู้ที่ไปเที่ยวคาเมรอน ไฮแลนด์ สิ่งต่างๆที่ “ตะลอนเที่ยว” เล่ามา ถือเป็นเสน่ห์บางส่วนของ
เมืองบนขุนเขาสูงแห่งนี้ที่รอคอยให้ผู้สนใจเดินทางไปสัมผัส

(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2709967)
สตรอเบอร์รี่ผลไม้ขึ้นชื่อของคาเมรอน ไฮแลนด์
       ****************************************
 >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
(http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000077139)     
       คาเมรอน ไฮแลนด์ ตั้งอยู่ในรัฐปาหัง ทางภาคเหนือของมาเลเซีย ห่างจากเมืองหลวงกัวลาลัมเปอร์
ประมาณ 200 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-4 ชั่วโมงเนื่องจากเส้นทางสู่คาเมรอน ไฮแลนด์
เป็นทางขึ้นเขา มีสภาพคดเคี้ยว จากเมืองไทยมีเส้นทางรถยนต์ที่คนไทยนิยม คือเส้นทางไปจากด่านสะเดา
อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แล้วเดินทางสู่คาเมรอน ไฮแลนด์
       
       ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลการเดินทาง ที่พัก ร้านอาหาร สายการบิน และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
ในมาเลเซียได้ที่ การท่องเที่ยวมาเลเซีย สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 0-2636-3380


>>>>>>>>>>>>>>
นำมาจาก http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000077139 (http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000077139)