เพลงพักใจดอทเน็ต

สัพเพเหระ => รูปภาพสวยๆ แปลกๆ เอามาโชว์ครับ => ข้อความที่เริ่มโดย: วิทยา ที่ 08/มิ.ย./13 18:16น.

หัวข้อ: ชม “เคดาห์ - มาเลเซีย” ด้วยตานก
เริ่มหัวข้อโดย: วิทยา ที่ 08/มิ.ย./13 18:16น.
เคาะประตูมาเลเซีย... ชม “เคดาห์” ด้วยตานก
    
(http://pics.manager.co.th/Images/556000007032501.JPEG)   
จากจุดชมวิว “อะลอร์สตาร์ ทาวเวอร์”
        
       “เที่ยวท่องล่องใต้” ครั้งนี้เคาะประตูประเทศมาเลเซีย เกาะกระแส “ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” หรือ AEC ด้วยการเที่ยวชม
“รัฐเคดาห์” รัฐที่อยู่เหนือสุดของประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีพรมแดนติดกับ จ.สงขลา เพื่อเรียนรู้ความเหมือนและต่างในฐานะเมืองที่อยู่
ในเส้นละติจูดเดียวกัน
        
(http://pics.manager.co.th/Images/556000007032502.JPEG)
“อะลอร์สตาร์ ทาวเวอร์ (Alor Setar Tower)” หอคอยที่สูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศมาเลเซีย
        
       “อะลอร์สตาร์ ทาวเวอร์” มองโลกด้วยตานก
      
       นั่งรถข้ามด่านพรมแดนไทย-มาเลเซียที่บ้านด่านนอก อ.สะเดา จ.สงขลา แล้วผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ทะลุไปยังบูกิตกายูฮีตำ
ชายแดนฝั่งประเทศมาเลเซีย จุดแรกแวะชมภาพรวมของรัฐเคดาห์ที่ “อะลอร์สตาร์ ทาวเวอร์ (Alor Setar Tower)” หอคอยที่สูงเป็น
อันดับ 2 ของประเทศมาเลเซีย และสูงเป็นอันดับที่ 19 ของโลก ด้วยความสูง 165.5 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล จึงเป็นทั้งสถานที่สำคัญ
และจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด  จากอะลอร์สตาร์ ทาวเวอร์ จะมองเห็นทิวทัศน์รอบเมืองได้ชัดเจน ที่นี่มีกล้องส่องทางไกลไว้
บริการนักท่องเที่ยวด้วย ความน่าตื่นตาตื่นใจของหอคอยแห่งนี้คือการเฝ้าสังเกตความเป็นไปของเมืองแบบ Bird’s eye view หรือมอง
สิ่งแวดล้อมรอบตัวด้วยมุมเดียวกันกับสายตาของนก
        
(http://pics.manager.co.th/Images/556000007032503.JPEG)
      
(http://pics.manager.co.th/Images/556000007032504.JPEG)
ทอดสายตามองภูเขา Kariang อีกหนึ่งสถานที่สำคัญของเมืองอะลอร์สตาร์
        
       ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่ารอบๆ เมืองอะลอร์สตาร์นั้นล้อมรอบไปด้วยทุ่งนาเขียวขจี เพราะรัฐเคดาห์ได้ชื่อว่าเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศ
มาเลเซีย คนที่นี่ภาคภูมิใจในความเป็นชาวนา ถึงขั้นมี “พิพิธภัณฑ์ข้าว” ไว้เล่าเรื่องราวเหล่านี้ด้วย นอกจากนี้ ที่ความสูง 88 เมตรเหนือ
ระดับน้ำทะเลซึ่งจัดไว้ให้เป็นจุดชมวิวโดยเฉพาะ ความช่างสังเกตซึ่งเป็นคุณสมบัติเฉพาะตัวของแต่ละบุคคลจะทำให้ค้นพบอาคารสวยๆ
วัดไทย วัดฮินดู มัสยิด หอนาฬิกา ภูเขา Keriang แม่น้ำ และการสัญจรไปมาบนถนน ซึ่งให้ความรู้สึกอิสระจนเข้าใจคำว่า “เสรีภาพใน
การมองเห็น” สำหรับ “อะลอร์สตาร์ ทาวเวอร์” เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม ค่าเข้าชมสำหรับชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่
12 ริงกิต (ประมาณ 120 บาท) เด็กอายุ 6 - 12 ปี 6 ริงกิต (ประมาณ 60 บาท)
        
(http://pics.manager.co.th/Images/556000007032505.JPEG)
หอนาฬิกาตระหง่านอยู่ทางขวา และบาลายโนบัตโดดเด่นอยู่ทางซ้าย
        
       “บาลายโนบัต” หอดุริยางค์ใจกลางเมือง
      
       ไม่ไกลจาก “อะลอร์สตาร์ ทาวเวอร์” ก็จะพบหอคอยอีกแห่งหนึ่ง โดดเด่นด้วยสีเหลืองสะดุดตา กับรูปลักษณ์ที่ผสมผสานเข้ากันระหว่าง
สถาปัตยกรรมพื้นเมืองและสถาปัตยกรรมยุโรป เรียกที่นี่ว่า “บาลายโนบัต (Balai Nobat)” หรือหอเก็บเครื่องดนตรีที่ใช้สำหรับพระราชพิธีของ
รัฐเคดาห์ แม้ว่าหอคอยนี้จะไม่สูงมากเมื่อเทียบกับ “อะลอร์สตาร์ ทาวเวอร์” แต่ความสวยงามของอาคาร และบันไดวนที่ทำเอาคนกลัวความสูง
เกือบหัวใจวายนั้นก็เรียกได้ว่าน่าตื่นเต้นไม่แพ้ที่ใดเช่นกัน
        
(http://pics.manager.co.th/Images/556000007032506.JPEG)
สีสันของบาลายโนบัตดึงดูดใจให้เหล่านักท่องเที่ยวแวะถ่ายภาพ
        
       บนบาลายโนบัตสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ใจกลางเมืองอะลอร์สตาร์ได้กว้างในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะมัสยิดซาฮีด (Masjid Zahir) ซึ่งตั้ง
อยู่เยื้องๆ กันเพียงแค่ถนนคั่น
        
(http://pics.manager.co.th/Images/556000007032507.JPEG)
มัสยิดซาฮีด ซึ่งมีอายุเก่าแก่ที่สุดในประเทศมาเลเซีย
        
       “มัสยิดซาฮีด” สถาปัตยกรรมแห่งความศรัทธา
      
       ข้ามถนนจากบาลายโนบัตมายัง “มัสยิดซาฮีด (Masjid Zahir)” สถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในเมืองอะลอร์สตาร์ ด้วยโดมสีดำโดดเด่น รายรอบ
ด้วยโดมเล็กสีเดียวกันอีก 5 ลูก ตัดกับตัวอาคารสีขาว ดึงดูดตาให้ยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมากดชัตเตอร์รัวๆ
        
(http://pics.manager.co.th/Images/556000007032509.JPEG)
“บาจูกูรง” การแต่งกายแบบดั้งเดิมของชาวมาเลเซีย
        
       มัสยิดแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1912 โดยสุลต่านรัฐเคดาห์ในสัมยนั้น ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากมัสยิดแห่งหนึ่งในตอนเหนือของเกาะสุมาตรา
ประเทศอินโดนีเซีย มัสยิซาฮีดตั้งอยู่ใจกลางเมืองอะลอร์สตาร์ และถือได้ว่าเป็นมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดในมาเลเซีย นอกจากนี้ ยังสวยงามติดอันดับโลกอีกด้วย
        
(http://pics.manager.co.th/Images/556000007032510.JPEG)
ตลาดเปอกันราบู ประหนึ่งฝาแฝดของตลาดกิมหยง
        
       “เปอกันราบู” ตลาดกิมหยงแห่งเมืองอะลอร์สตาร์
      
       ชมเมืองอะลอร์สตาร์กันพอหอมปากหอมคอแล้วก็ต้องแวะหาของกินสักหน่อย ถ้าคุณเคยชอปปิ้งที่ตลาดกิมหยง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ทันทีที่คุณเห็น
ตลาด “เปอกันราบู อะลอร์สตาร์” คุณจะสัมผัสได้ถึงความเป็นฝาแฝดของกันและกัน เพียงแต่ที่นี่สื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ และภาษามาเลย์เป็นหลัก ไม่มีภาษา
จีนให้ได้ยินบ่อยเท่าตลาดกิมหยงเท่านั้นเอง และแม่ค้าบางคนก็พูดภาษาไทยได้ ต่อราคาสินค้ากันเป็นภาษาไทยสนุกสนานเลยทีเดียว

(http://pics.manager.co.th/Images/556000007032511.JPEG)
      
(http://pics.manager.co.th/Images/556000007032512.JPEG)
      
(http://pics.manager.co.th/Images/556000007032519.JPEG)
        
       ส่วนสินค้าในตลาดก็ไม่ได้แตกต่างจากตลาดกิมหยงสักเท่าไหร่นัก มีขนมหลอกเด็ก ของขบเคี้ยว ลูกเกด บ๊วย ถั่วต่างๆ เรื่อยไปจนถึง “โก๋แก่” และ
“มะขามจี๊ดจ๊าด” นอกจากนี้ ก็มีเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เครื่องเทศ เนื้อฝอย ปลาส้ม ให้เลือกจับจ่ายตามต้องการ ชั้นล่างสุดเป็นร้านอาหาร ถ้าหิวและอยาก
ลิ้มรสอาหารสัญชาติมาเลเซีย ก็สามารถฝากท้องกันที่นี่ได้

(http://pics.manager.co.th/Images/556000007032513.JPEG)

(http://pics.manager.co.th/Images/556000007032514.JPEG)
      
(http://pics.manager.co.th/Images/556000007032515.JPEG)
      
(http://pics.manager.co.th/Images/556000007032517.JPEG)
      
(http://pics.manager.co.th/Images/556000007032518.JPEG)
      
(http://pics.manager.co.th/Images/556000007032516.JPEG)
        
       โดยภาพรวม อะลอร์สตาร์เป็นเมืองที่อากาศดี รถราไม่เยอะเท่าหาดใหญ่ ถนนหนทางไปมาสะดวก ด้วยความที่เป็นเมืองศูนย์กลางของรัฐเคดาห์จึง
คลาคล่ำไปด้วยร้านค้า ทั้งร้านอาหาร และร้านอื่นๆ และที่สำคัญคือผู้คนที่นี่มักจะพูดภาษาไทยได้บ้าง ซึ่งเป็นธรรมดาของผู้คนที่อาศัยอยู่ระหว่างรอยต่อ
ประเทศ  ตลอด 2 ข้างทางประมาณ 40 กม. จากด่านพรมแดนไทย - มาเลเซีย ที่ อ.สะเดา จ.สงขลา มาจนถึงเมืองอะลอร์สตาร์ รัฐเคดาห์ นอกจากทุ่งนา
เขียวขจีบ่งบอกความอุดมสมบูรณ์ของเมืองแล้ว ยังพบเห็นป้ายและข้อความ “Daulat Tuanku” หรือ “ทรงพระเจริญ” อยู่เกือบทุกๆ ที่ นี่คือความเหมือน
อย่างหนึ่งที่ค้นพบได้ ความพิเศษคือ ปัจจุบันสุลต่าน “อับดุลฮาลิม” ของรัฐเคดาห์ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์องค์ที่ 14 ของมาเลเซีย และการครองราชย์
ครั้งนี้ถือเป็นรอบที่ 2 ของพระองค์แล้ว ทั้งนี้ มาเลเซียมีทั้งหมด 13 รัฐ มีสุลต่าน 9 รัฐ อีก 4 รัฐ ไม่มีสุลต่าน และสุลต่านทั้ง 9 รัฐ ต้องหมุนเวียนกันเป็น
กษัตริย์ หรือที่เรียกว่า “อากง” ในภาษามาเลย์ โดยอยู่ในตำแหน่งนาน 5 ปี ส่วนความแตกต่างที่สังเกตและสัมผัสได้ชัดเจน นอกจากภาษามาเลย์ และปลั๊กไฟ
ที่ต่างกันสุดขั้วแล้ว คือเรื่องรสชาติของอาหาร แม้ว่าอาหารหลายๆ อย่างจะหน้าตาคล้ายคลึงกันก็ตาม แต่ก็ไม่จัดจ้านเท่าอาหารไทย
       ขนมและอาหารหลายชนิดคล้ายกันมาก จนอดคิดไม่ได้ว่านี่คือวัฒนธรรมการกินของภูมิประเทศแถบนี้หรือเปล่า และใครได้รับอิทธิพลจากใครกันแน่...
แต่ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าใครเป็นต้นตำรับ อาหารหรือขนมเหล่านั้นก็จะถูกปรับเปลี่ยนจนเข้ากับรสนิยมและต่อมรับรสของผู้คนในแต่ละพื้นที่อยู่ดี
       เมื่อความสนุกของการเดินทาง คือการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จึงต้องลองชิม ลองดู ลองทำ เข้าทำนองที่ว่า “เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม”
       แล้วคุณจะรู้ว่า... มาเลเซียมีเสน่ห์มากกว่าที่คิดจริงๆ
        
(http://pics.manager.co.th/Images/556000007032520.JPEG)
        
       สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อสอบถามได้ที่
      
       การท่องเที่ยวมาเลเซีย (สำนักงานกรุงเทพฯ) โทร. 02 636 3380-3
      
       การท่องเที่ยวมาเลเซีย (สำนักงานภูเก็ต) โทร. 076 22 0192-3

      
       หรือเว็บไซต์ www.tourismmalaysia.gov.my (http://www.tourismmalaysia.gov.my)
      
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
นำมาจาก http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9560000067196 (http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9560000067196)