เพลงพักใจดอทเน็ต
มาดูแลสุขภาพกัน => มาฟังธรรมให้เข้าใจกันเถิด => ข้อความที่เริ่มโดย: มหาร้อยวัด ที่ 09/มี.ค./13 14:32น.
-
ทำบุญแล้วดีอย่างไร ?
--------------------------------------------------------------------------------
ถาม : ก่อนออกจากบ้านมา น้องชายถามว่าทำบุญแล้วดีอย่างไร นอกจากความสบายใจ ?
ตอบ : นั่นสิ..ทำบุญแล้วดีอย่างไรนอกจากเสียเงิน ในเรื่องของบุญ ส่วนใหญ่ทำแล้วผลเห็นในโอกาสข้างหน้า ไม่ได้เห็นทันตา ยกเว้นบุญบางประเภทที่หาโอกาสทำได้น้อยในปัจจุบัน คราวนี้การที่เราทำแล้วไม่เห็นผลทันตา เราก็ต้องมีความเชื่อก่อนว่า เรื่องของการทำความดีนั้นมีสวรรค์ มีพรหม มีพระนิพพานรองรับอยู่ การทำความชั่วนั้นมีสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานรองรับ แต่คราวนี้เราไม่เห็น
ถามว่าจะให้เชื่ออย่างเดียวได้อย่างไร ? เราก็มาเปรียบเทียบอย่างง่ายๆ ว่า ถ้ากิจการเราทำแล้วมีกำไรกับเสมอตัว กับกิจการอีกอย่างหนึ่งทำแล้วมีแต่ขาดทุนกับเสมอตัว เราควรเลือกทำอย่างไหน ? ที่ว่าหากนรกสวรรค์มีจริง เราทำความดีก็กำไร เพราะว่าเราก็ไปดี แต่ถ้านรกสวรรค์ไม่มี เราทำดีก็แค่เสมอตัว เพราะไม่ได้อะไร ถ้าไม่มีนรกสวรรค์ เราทำชั่วเราก็แค่เสมอตัว แต่ถ้านรกสวรรค์มีจริง เราทำชั่วเราก็ขาดทุน..เพราะลงข้างล่างเลย
เพราะฉะนั้น..สิ่งหนึ่งทำแล้วเสมอตัวกับกำไร กับทำแล้วเสมอตัวกับขาดทุน เราควรจะเลือกทำอะไร ? อันนี้คือบอกเขาให้คิดแบบชาวบ้านทั่วๆ ไป
แต่ในส่วนของบุญนั้น คนที่เกิดมาประกอบไปด้วยกิเลสใหญ่ คือ รัก โลภ โกรธ หลง การทำบุญต่างๆ เป็นการตัดตัวโลภ คือ สิ่งที่เราอยากได้หรือควรจะได้ เราพยายามสละให้คนอื่นเขา ทำให้เราเบากายเบาใจ รู้จักสละออก แบ่งปันคนอื่น เกิดความสบายใจขึ้นมา เพราะว่าเราให้ใครเขาก็รักเรา ในเมื่อเราเป็นที่รักของคนอื่น เราจะไปที่ไหนก็ได้ เมื่อเกิดความสบายใจขึ้นมาเราเรียกว่าบุญ
แต่คราวนี้บุญที่ต้องการจริงๆ นั้น ก็คือ บุญที่เราให้เพื่อเป็นการตัด ละ รัก โลภ โกรธ หลง ในเมื่อเป็นอย่างนั้น เป้าหมายใหญ่มหึมามาก เราก็ดูให้ใกล้ๆ ของเราว่า ถ้าเราทำแล้วเราเกิดความสบายใจเราก็ทำ ขณะเดียวกันเรื่องของบุญไม่ใช่ว่าทำมากแล้วจะดี สำคัญตรงกำลังใจในการสละออก ถ้าตั้งใจสละออก ถึงทำน้อยก็ได้บุญมาก ถ้าสักแต่ว่าทำไป ถึงทำมากก็ได้บุญน้อย เพราะเจตนาไม่ครบ ความมุ่งมั่นไม่มี ทีนี้พอรู้หรือยังว่าเขาทำกันอย่างไร ?
ถาม : เมื่อก่อนทำบุญแล้วรู้สึกมีปีติ แต่ช่วงหลังๆ มารู้สึกเฉยๆ ไม่แน่ใจว่าสักแต่ว่าทำหรือเปล่า ?
ตอบ : การที่เราทำไปนานๆ จะเกิดความเคยชิน ความเคยชินภาษาบาลีเขาเรียกว่า ฌาน จิตที่ทรงฌานจะก้าวข้ามปีติไปแล้ว รู้แต่ว่าสิ่งนี้สมควรทำเราจะทำ ไม่เหลือปีติไว้แล้ว แต่เป็นฌาน
กำลังใจสูงขึ้นไม่ได้ต่ำลง ถ้ากำลังใจต่ำลง คือไม่คิดจะทำอีก แต่ทีนี้เรายังทำเป็นปกติ เพียงแต่ก้าวข้ามปีติไปกลายเป็นฌาน ก็เลยกลายเป็นว่าทำก็ไม่รู้สึกหรือสาอะไร เพราะเคยชินไปแล้ว
-
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นดี... อย่างผมก็บวชพระไม่นานยังซึ้งในรสพระธรรม แต่ก็พอที่จะรักษาศีล5 ได้สัก60เปอร์เซนได้ก็ถือว่าได้บุญตามคิดผม ลองผิดศีลอาจจะทำให้จิตใจเราขุ่นมัว นั่นแระเราบาป ผมคิด :'e:92 :'e:92
-
ไม่เคยบวชค่ะแต่เคยเข้าร่วมชมรมพุทธศาสน์ สมัยเรียนหนังสือและไปออกค่ายพุทธบำเพ็ญสายวัดป่าโอ้โห.. กิจวัตรของพระนี่ตื่นตีสามตีสี่มาทำวัดเช้าง่ะ
ขอบคุณ ท่านมหาร้อยวัดนะคะที่อธิบายถึงคำว่า ฌาน :'e:92 ขออนุโมทนาสาธุค่ะ :'e:92 จะทำบุญและทำดีค่ะ
-
สาธุ
-
สาธุครับ เป็นเนื้อหาที่ดีมากๆเลยครับ :'e:92
-
อ่าจนตาลายกันเลยทีเดียว,,,แต่ก็ได้ความรู้นะแจ๊ะ ^^
-
สาธุครับ :'e:92
-
สาธุครับ แต่ที่เห็นคนส่วนมากทำบุญเพื่อเอาหน้า และสิ่งตอบแทนมากกว่าจะทำบุญกันจริงๆ
-
ทำบุญก็คือทำความดี เมื่อทำความดีก็ต้องได้รับผลดีตอบแทน ดูเข้าใจไม่ยากนะครับ แต่ไม่ค่อยได้ทำกัน
-
ทำบุญแล้วดีอย่างไร นอกจากความสบายใจ ?
ทำบุญไม่หวังสิ่งใด ทำแล้วสบายใจ คือ ความสุข
-
:'e:92 สาธุนำครับ อิอิ
-
เพี้ยนปูน เข้าห้องนี้ มาได้ไงนิ :'e:7 :'e:37
พูดถึงเรื่อง การทำบุญ นิบอกอย่างเดียวเข้าใจยากนิดครับ ผมว่าต้องลองทำด้วยตัวเองครับ แล้ว จะรู้ว่า ทำบุญแล้วดีอย่างไร
ง่ายๆและใกล้ตัวที่สุด คือ การทำบุญกับ บิดา มารดา ของเราเองครับ
ขอบคุณท่าน มหาร้อยวัด มากๆๆนะครับกับเรื่องดีๆๆ ของการทำบุญ
-
เชี่อใหมครับ ถ้าท่านรักษาศีล5ให้เคร่ง ท่านจะไม่กลัวอะไร ทั้งที่มืด หรือที่สว่าง สาธุ
-
ความคิดผมคิดว่าการที่เราได้แบ่งปันแล้วมันสบายใจรับ
-
คนเราถ้ามีความสบายใจ นั่นย่อมแสดงว่ามีวามสุข และนั่นคือผลที่ได้จากการทำบุญละ
ลองเปรียบเทียบความรู้สึกระหว่างความสบายใจและความไม่สบายใจดูซิฮะ จะช่่วยให้เห็นคุณค่าของการทำบุญเพิ่มขึ้น sp4632