เพลงพักใจดอทเน็ต

สัพเพเหระ => เป็นนักเลงกลอนอย่านอนเปล่า => ลำนำเพลงบรรเลงกลอน => ข้อความที่เริ่มโดย: ภูฤดี ที่ 20/ต.ค./11 16:26น.

หัวข้อ: ชื่อหนังสือ คำกลอน วรรคทอง จากวรรณกรรม และเพลงไทย ที่ประทับใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ภูฤดี ที่ 20/ต.ค./11 16:26น.

จูบนั้นฉันรักเธอ ~ สุชาติ ชวางกูร

รักคือหยาดน้ำค้างพร่างหัวใจ
รักอยู่แห่งใด..เสรี
รักก่อนจากกันบอกฝันดี
รักคือวันนี้..และนิรันดร์

รักคือบทกวีที่ซึ้งใจ
รักอยู่ห่างไกล..คิดถึงกัน
รักคอยห่วงหาสัญญามั่น
รักคือความฝัน..อันแสนไกล

*รักเปรียบแสงตะวัน
สู่ฝัน..ผ่านลมพริ้วไป
คลื่นซัดหยอกเย้าผืนทราย
เหมือนปลาว่ายเคียงคู่กัน

รักเปรียบดังแสงจันทร์
อ่อนหวาน..ซาบซึ้งละไม
สาดแสงส่องทั่วผืนไพร
หลอมใจ..สองเรานิรันดร์*

รักคือเมฆลอยไปไม่ร้างลา
รักเมื่อมองตา..พาสัมพันธ์
รักที่สุดท้ายได้พบกัน
รักคือจูบนั้น..ฉัน รัก เธอ..

มาย้อนนึกถึงบทเพลงงดงามไพเราะของคุณสุชา่ติกันอีกครั้งครับ
บทเพลง ที่เรียกว่าบทกวีได้อย่างเต็มภาคภูมิ
หัวข้อ: Re: ชื่อหนังสือ คำกลอน วรรคทอง จากวรรณกรรม และเพลงไทย ที่ประทับใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ภูฤดู ปักซัว ที่ 20/ต.ค./11 17:02น.
(http://talk.mthai.com/uploads/2008/09/15/3865-attachment.jpg)

เปิบข้าว
ร้อง ดนตรี  โดย วงคาราวาน
บทกวี  โดย จิตร ภูมิศักดิ์


http://www.huaydethuaydunk.com/uppic/files/02556ae614437fc9.swf

 เปิบข้าวทุกคราวคำ   จงสูจำเป็นอาจิณ
เหงื่อกูที่สูกิน            จึงก่อเกิดมาเป็นคน
  ข้าวนี้น่ะมีรส         ให้ชนชิมทุกชั้นชน
เบื้องหลังซิทุกข์ทน   และขมขื่นจนเขียวคาว
  จากแรงมาเป็นรวง  ระยะทางนั้นเหยียดยาว
จากรวงเป็นเม็ดพราว   ล้วนทุกข์ยากลำบากเข็ญ
  เหงื่อหยดสักกี่หยาด ทุกหยดหยาดล้วนยากเย็น
ปูดโปนกี่เส้นเอ็น      จึงแปรรวงมาเป็นกิน
  น้ำเหงื่อที่เรื่อแดง    และน้ำแรงอันหลั่งริน
สายเลือดกูทั้งสิ้น     ที่สูซดกำซาบฟัน


กาพย์ยานี 11

จิตร ภูมิศักดิ์ (สหายปรีชา) นักคิด นักเขียน นักต่อสู้เพื่อประชาชนผู้ยิ่งใหญ่
ประพันธ์บทกวีนี้ราวทศวรรษที่ 2490 เป็นส่วนหนึ่งของบทกวี "วิญญาณหนังสือพิมพ์ (คำเตือน...จากเพื่อนเก่าอีกครั้ง)"
ในนามปากกา "กวี ศรีสยาม" ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ประชาธิปไตย พ.ศ. 2507
ได้รับความนิยมหลังเหตุการณ์ 14 ตุลา
จากนั้นวงคาราวานได้นำบทกวีนี้มาใส่ทำนองจึงเกิดเป็นเพลง "เปิบข้าว"
หัวข้อ: Re: ชื่อหนังสือ คำกลอน วรรคทอง จากวรรณกรรม และเพลงไทย ที่ประทับใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ภูฤดี ที่ 23/ต.ค./11 10:06น.
 นางนวล
 
     คำร้อง     อ.เนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์
    ทำนอง     อ.ธนิสร์  ศรีกลิ่นดี



นางนวล

โบกโบยคล้อยบิน บินละลิ่ว ปลิวห่างไปห่าง
กว่าตะวัน จะสายจะสาง อีกนานแสนนาน

จากวันนั้นมา มาถึงนี่ ปีผ่านวันผ่าน
ดั่งวันวาน ยังหวานยังหวัง อยู่ในหัวใจ

เจ็บปวดร้าว ร้าวใจรอ รอวันใหม่
ฟ้ากว้างไกล ไกลแสนไกลท้า ศรัทธาสองเรา

ประคองคล้อยลอย ลอยเหนือคลื่น ลมเห่ลมเป่า
เจ้านางนวล ร่อนเหเร่หาว อยู่เคียงฟ้าดิน

เพลงนี้ ฉบับที่เคยได้ฟัง แล้วให้อารมณ์ความรู้สึกที่สุึดยอด  จะเป็นครั้งเมื่ออาจารย์เนาวรัตน์
ขับร้องด้วยตนเอง บนเวทีการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปลายปี๒๕๕๑  ซึ่งถ่ายทอดจินตนาการ และจิตวิญญาณของเพลงนี้อย่างถึงที่สุด
แล้วก็  ในฐานะที่พวกเราเป็นผู้รักในเพลงและดนตรี อยากบอกว่า ถ้าลอกเปลือกเรื่องทัศนคติทางการเมือง ความเห็นที่แตกต่างออก
สิ่งที่เหลือ เนื้อแท้ตัวตนของเพลง คือศิลปะครับ  มันเป็นสมบัติของโลกครับ

ที่จริง มันมีในยูทูิิบให้ดู แต่ ก่อนจะถึงเพลง มีบรรยากาศของการชุมนุมรวมอยู่ด้วย
ถ้าโพสท์ลิงค์ อาจมีคนที่ไม่เห็นด้วยกับอาจารย์ไม่ชอบก็ได้ เกรงว่าจะสร้างความขัดแย้ง
ให้เกิดขึ้นในบอร์ด เอาเป็นว่า บอกให้ทราบเพียง หาดูในยูทูบได้ แค่นี้ดีกว่านะครับ
 
                                                                
หัวข้อ: Re: ชื่อหนังสือ คำกลอน วรรคทอง จากวรรณกรรม และเพลงไทย ที่ประทับใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ภูฤดี ที่ 03/ธ.ค./11 20:16น.
ข้อมูล คัดลอกจากงานเขียนเรื่องผี ของครูเหม เวชกร เล่มห้า"ใครอยู่ในอากาศ"

เพลงสังขารา
"....ความจริงผู้ที่ไม่เคยฟังเพลงแบบนี้ จะฉงนใจว่าทำไมชื่อเพลง จึงเป็นดังนั้น
ผมได้เคยถามท่านผู้รู้ ท่านได้บอกว่า ความจริงเพลงแบบนี้ มีเล่นกันเฉพาะ
หุ่นกระบอกและพวกเพลงฉ่อย มักจะเป็นตอนร้องลาและฝากรัก  มักจะรำพัน
ให้เศร้าๆใจเป็นการขอโทษ ขอสมากันไปในตัวเสร็จ เพราะว่าประชันกันมาอย่าง
เจ็บๆแสบๆพอแล้ว  ถ้าจะเล่นให้เพราะและสนุก ต้องมีซออู้มือดีๆ คลอเคล้า
ประกอบโอดโหยบ้าง โทนๆบ้าง กระซิบกระซาบขัดๆไป ออดอ้อนบ้าง มีรสมีชาติ
ไปอีกแบบหนึ่ง แต่มาเลิกเสียโดยไม่นิยม เพลงไทยอีกแบบหนึ่งเลยขาดหายไป
เสียเฉยๆ และเป็นความเข้าใจผิดอย่างร้ายที่ว่าเพลงแบบนี้เป็นเพลงขอทาน
เข้าใจผิด พูดผิดทั้งนั้น เอาละ เอากันว่าถ้าเป็นเพลงขอทาน จะว่าไม่ดีกระนั้นหรือ
ขอทานมีวิชาแลกเงินที่ขอทานได้ ไม่ดีกระนั้นหรือ.."

ตัวอย่างเพลงสังขารา จากเรื่อง"อัมพวาแห่งความหลัง" ในหนังสือ"ใครอยู่ในอากาศ"

      "ท่านเจ้าขาท่านใจบุญได้จุนจาน       โปรดให้ทานคนยากบากมาขอ
จะมากน้อยพอค่อยเป็นลาภคอ                ฉันจะก่อลำเพลงบรรเลงกลาย
ครูข้าว่าไว้แต่ไรมา                            จากถิ่นอัมพวามานานหลาย
ด้วยชีวิตลิขิตในบั้นปลาย                      หมดที่หมายไร้ที่อยู่จนอู่นอน
ตามลิขิตชีวิตจะผิดหรือถูก                     ฉันเป็นลูกศิษย์ครูเหลือเอื้อเฟื้อสอน
เฝ้านิยมแต่เพลงบรรเลงกลอน               ว่าวอนโหยไห้ด้วยใจสมัคร
มีรักไม่สมรักเป็นหนักหน่วง                  เครื่องวัดตวงประท้วงว่าถ่วงศักดิ์
ไม่สมกับคู่ไม่ชูพักตร์                          จึงหนีรักร่อนมาชะตากรรม
พลัดรักพลัดถิ่นแทบสิ้นแรง                   แต่ใจแข็งมั่นรักหลักประจำ
แม้ยากจนพ้นนักรักไม่คว่ำ                    ขอปลุกปล้ำใจสู้อยู่ผู้เดียว
เขาลืมรักได้ให้ลืมไป                           แต่ฉันไม่ลืมลงคงแน่นเหนียว
ไม่รักก็ช่างขอรักอยู่ข้างเดียว                 ไม่ลดเลี้ยวจนกว่าเวลาตาย
ท่านเจ้าขอเมตตาหน่อย                        ฉันบุญน้อยกำสรดหมดที่หมาย
ให้ทานฉันด้วยช่วยกันตาย                    ท่านจะหมายสิ่งใดได้สมอารมณ์เอย

ขอลาแล้วลาร่อนเหมือนก่อนเคย             จำชวดเชยก้มหน้าชะตาหลัง
มีกรรมอย่างไรก็ไปตามพลัง                   หมดความหวังท่องโลกโศกนาฎกรรม
เกิดชาติหน้าหากฤดีพอมีหวัง                  จะมุ่งตั้งตามติดไม่คิดหาย
ชาตินี้เกิดผิดก็ผิดจนตัวตาย                   ต่อคลี่คลายชาติหน้าจะมาเชย.."

หัวข้อ: Re: ชื่อหนังสือ คำกลอน วรรคทอง จากวรรณกรรม และเพลงไทย ที่ประทับใจ
เริ่มหัวข้อโดย: จรีพร ที่ 10/ธ.ค./11 00:31น.

https://www.youtube.com/v/nC2U9Hqj4uA?version=3&hl


   เพลง "คนทำทาง"   


คำร้อง : เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
ทำนอง : เพลงขอมทรงเครื่อง 2 ชั้น
ขับร้องและบรรเลง :  คีตาญชลี



ประวัติศาสตร์ อาจมี ในหลายด้าน
 แต่คนที่ทำงาน ไม่เคย จะเอ่ยออกนาม
 คนที่แบกหามลุยน้ำลุยโคลน คนที่สรรสร้าง
 จากป่าเป็นเมืองรุ่งเรืองงามเพียงเวียงวัง
 ด้วยเลือด ด้วยเนื้อ ของคนทำทาง
 ถางทาง ตั้งต้น ให้คนต่อไป
 
จากป่าเปลี่ยว เที่ยวไป ในทุกถิ่น
 ดังโบกโบยบิน พื้นดิน เป็นถิ่นอาศัย
 หนาวเหน็บเจ็บใจ ภัยร้ายนานา ชีวาว้าเหว่
 เช้าค่ำจำเจ เร่ไป ให้คนเดินตาม
 ทุกย่างเท้าเขา เหมือนเงา เรืองราม
 ฝังนาม ฝังร่าง อยู่กลาง แผ่นดิน ฯ




:'e:111 :'e:111 :'e:111

หัวข้อ: Re: ชื่อหนังสือ คำกลอน วรรคทอง จากวรรณกรรม และเพลงไทย ที่ประทับใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ภูฤดี ที่ 15/ธ.ค./11 18:19น.

"ที่ไหนก็ตามในโลก มีคนอยู่ด้วยกันสามคนขึ้นไป เป็นต้องมีขโมย?"

นิกร  การุณวงศ์(จากงานเขียนหัสนิยายสามเกลอ โดย ป. อินทรปาลิต)