เพลงพักใจดอทเน็ต

มาดูแลสุขภาพกัน => โรคภัยใกล้ตัว => ข้อความที่เริ่มโดย: วิทยา ที่ 09/พ.ค./13 08:01น.

หัวข้อ: "ตับป่วยจากไวรัสเอ" ระบาดหนักหน้าร้อน !!!
เริ่มหัวข้อโดย: วิทยา ที่ 09/พ.ค./13 08:01น.

ตับป่วยจากไวรัสเอ ระบาดหนักหน้าร้อน
แพทย์เตือนติดเชื้อง่าย ผู้ใหญ่ป่วยรุนแรงกว่าเด็ก


(http://www.huaydethuaydunk.com/uppic/files/7a8227d473f19faa.jpg)

อากาศร้อนๆ แบบนี้ เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดี หน่วยงานด้านการแพทย์
จึงมักออกคำเตือนให้ระวังการระบาดของโรคบางชนิดในหน้าร้อน
ซึ่งหนึ่งในนั้นก็จะมีโรค "ไวรัสตับอักเสบเอ" รวมอยู่ด้วย

(http://www.huaydethuaydunk.com/uppic/files/a88c2bfbf8c01414.jpg)

เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง "นพ.สุขประเสริฐ จุฑากอเกียรติ" อายุรแพทย์โรคระบบ
ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลเวชธานี เผยว่า เมื่อเราพูดถึงโรคไวรัสตับอักเสบ
อันที่จริงมีหลายชนิด ส่วนที่พบบ่อยในบ้านเรา คือ ชนิดเอ บี และซี โดยไวรัสตับ
อักเสบชนิดเอ เราทุกคนมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย ทั้งจากการทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อ
และการทานอาหารร่วมกับผู้ที่กำลังป่วยโรคนี้อยู่ ในขณะที่ไวรัสตับอักเสบบีและซี
การติดต่อเหมือนเอชไอวี คือ ติดทางเลือด และเซ็กซ์

(http://www.huaydethuaydunk.com/uppic/files/f3f061c9784ab644.jpg)  (http://www.huaydethuaydunk.com/uppic/files/a97dc207ec0b71af.jpg)

อาหารชนิดใด มักมีการปนเปื้อนไวรัสตับอักเสบเอ? นพ.สุขประเสริฐ เล่าว่า เป็นอาหารสุกๆ ดิบๆ
โดยเฉพาะหอยดิบ หอยมีกาบ เมื่อเชื้อโรคชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายจะมีระยะฟักตัวราว 2-4 สัปดาห์
อาการป่วยส่วนใหญ่จะเริ่มจากมีไข้ ปวดเมื่อยตัว คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ต่อมาพอไข้ลด
จะเริ่มปรากฏอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ซึ่งมักจะทำให้คนไข้เริ่มกังวลและมาพบแพทย์

(http://www.huaydethuaydunk.com/uppic/files/3d77eae3aa0453d5.jpg)  (http://www.huaydethuaydunk.com/uppic/files/29f8dfd6d367eaac.jpg)

ตัวอย่างเช่น เมื่อไม่นานมานี้มีคนไข้รายหนึ่ง มาด้วยอาการไข้ อ่อนเพลีย จุกท้อง ตาเหลือง
ปัสสาวะเข้ม ผลตรวจพบ ค่าการทำงานของตับผิดปกติ ส่วนผลเลือดพบ มีการติดเชื้อไวรัส
ตับอักเสบเอเฉียบพลัน เมื่อสอบถามประวัติ คนไข้เล่าว่า สัปดาห์ก่อนที่จะมีอาการ
ได้ไปทานหอยแครงลวกมา

(http://www.huaydethuaydunk.com/uppic/files/dc4c36cc2a0541e9.jpg)  (http://www.huaydethuaydunk.com/uppic/files/b20cb5a19f45a419.jpg)

สำหรับการตรวจรักษา แพทย์จะตรวจเลือดเพื่อดูค่าการทำงานของตับ ในผู้ป่วยที่
ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ ค่าการทำงานหรือค่าเอ็นไซม์ตับจะพุ่งสูงเป็นพันๆ
ทั้งที่ค่าตามปกติจะอยู่ระหว่าง 20-30 เท่านั้น นอกจากนี้จะต้องตรวจแอนติบอดี้
หรือภูมิคุ้มกันชนิดเฉียบพลันในเลือดต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ เพื่อยืนยันว่ามีการติดเชื้อ
หรือไม่ หากอาการของผู้ป่วยกับผลตรวจเพิ่มเติมสรุปได้ว่า ป่วยเป็นไวรัสตับอักเสบเอ
แพทย์จะให้รักษาตามอาการ เนื่องจากโรคนี้ไม่มียารักษาเฉพาะเจาะจง เน้นการพักผ่อน
อย่างเพียงพอ แต่ห้ามกินยาสมุนไพรและอาหารเสริม เพราะอาจทำให้ตับอักเสบมากขึ้นได้

(http://www.huaydethuaydunk.com/uppic/files/98649c6d5a39b473.jpg)

เกี่ยวกับโรคไวรัสตับอักเสบเอที่ควรรู้ นพ.สุขประเสริฐ เล่าว่า ผู้ใหญ่มักจะมีอาการแสดง
ที่รุนแรงกว่าเด็ก เนื่องจากภูมิคุ้มกันของเด็กยังไม่แข็งแรง ร่างกายจึงมีปฏิกิริยาไม่รุนแรง
ในการต่อสู้กับเชื้อโรค ต่างจากผู้ใหญ่ที่ภูมิคุ้มกันแข็งแรงกว่า ปฏิกิริยาจึงรุนแรงกว่า


(http://www.huaydethuaydunk.com/uppic/files/ae3979f5279b1be2.jpg)  (http://www.huaydethuaydunk.com/uppic/files/a4d47e0d40f3e7dd.jpg)

อย่างไรก็ตาม การป่วยด้วยโรคไวรัสตับอักเสบเอ มีโอกาสเสียชีวิตได้น้อยมาก
เว้นแต่ผู้ป่วยรายนั้นมีปัญหาโรคตับอยู่เดิมเช่น ตับแข็ง หรือผู้สูงอายุ ส่วนใครที่เคยป่วยแล้ว
ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันโรคไว้ จึงไม่ป่วยซ้ำอีก และไม่ทำให้เป็นโรคตับแข็ง
หรือตับอักเสบเรื้อรัง กรณีที่ไม่ต้องการข้องแวะกับโรคนี้ สามารถฉีดวัคซีนเพื่อ
สร้างภูมิคุ้มกันไว้ได้ โดยวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบเอ มีด้วยกัน 2 เข็ม
ต้องฉีดห่างกัน 6 เดือน

(http://www.huaydethuaydunk.com/uppic/files/9f5c4b2add3c27f4.jpg)  (http://www.huaydethuaydunk.com/uppic/files/c51c41285930e216.jpg)   

ได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับโรคไวรัสตับอักเสบเอแล้ว หากใครไม่รู้ว่า ร่างกายของตนเอง
มีภูมิคุ้มกันอยู่แล้วหรือไม่ สามารถไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาภูมิคุ้มกันได้
ถ้าไม่มีภูมิคุ้มกัน การฉีดวัคซีนป้องกัน เป็นการป้องกันการติดเชื้อที่มีประสิทธิภาพดี 
คำแนะนำทั่วไปในการลดความเสี่ยงของการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ
คือ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ”.


>>>>>>>>>>>>>>>>>
นำมาจาก ทีมเดลินิวส์ออนไลน์  http://www.dailynews.co.th/article/822/199603 (http://www.dailynews.co.th/article/822/199603)