สัพเพเหระ > รูปภาพสวยๆ แปลกๆ เอามาโชว์ครับ

44 สาวงามในประวัติศาสตร์จีน (กระทู้ต่อเนื่อง)

<< < (3/4) > >>

ทนาย:


10. หวางเจาจวิน ความงามที่ทำให้แม้แต่ฝูงนกยังต้องร่วงหล่นจากท้องฟ้า
   ย้อนยุคไปก่อนคริสตกาล 92-49 ปี  ซึ่งตรงกับยุคของซีฮั่น 西汉 (ฮั่นตะวันตก) สมัยอั่นเสวียนตี้ 漢宣帝 ขึ้นครองราชย์อันเป็นยุคที่บ้านเมืองวุ่นวาย ประชาชนอดอยากยากแค้น ฮั่นเสวียนตี้เองเนื่องจากรุ่งเรืองมาจากสามัญชนเดิม จึงเข้าใจถึงความทุกข์ยากของประชาชนพระองค์  จึงให้ความเอาใจใสในการแก้ปัญหาดังกล่าว โดยส่งขุนนางที่ไว้วางใจได้ลงไป ดูแล และขจัดขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง

      นอกจากปัญหาภายในแล้ว ปัญหาภายนอกที่ต้องรบพุ่งกับพวกชนเผ่าเร่ร่อน“ซงนู๋” 匈奴:ซึ่งรบพุ่งกันอยู่นานจนกำลังของพวกซงนู๋เริ่มอ่อนกำลังและพ่ายแพ้ในบางจุด ทางซงนู๋จึงขอเจรจาสงบศึกและขอผูกมิตรกับฮั่นซึ่งฮั่นสุนตี้ก็ตอบรับด้วยดี  พระองค์ได้เสด็จออกถึงชานเมืองฉางอันไปต้อนรับผู้นำซงนู๋ และจัดพิธีต้อนรับอย่างสมเกียรติ หลังจากผู้นำซงนู๋พักอยู่ที่ฉางอันหนึ่งเดือนถึงกลับ พระองค์ก็ได้ให้ทหารเอกสองนายส่งกลับพร้อมกับได้มอบเสบียงจำนวนมากไปด้วย  เนื่องจากทราบว่าซงนู๋กำลังขาดเสบียง ข่าวการผูกมิตรของซงนู๋กับซีฮั่นได้แพร่กระจายไปทั่วดินแดนทางตะวันตก  ทำให้แว่นแคว้นต่างๆ ต่างขอเจริญสัมพันธไมตรีกับซีอั่น เมื่อสิ้นยุคของฮั่นสุนตี้ โอรสนามหลิวซื่อขี้นครองราชย์สถาปนาเป็นฮั่น-หยวนตี้ 汉元帝 ซงนู๋เริ่มแข็งข้อ และไปรุกรานชนเผ่าทางดินแดนตะวันตก และฆ่าฑูตของซีฮั่นทิ้ง ฮั่นหยวนตี้จึงต้องส่งกองกำลังทหารไปกำราบซงนู๋จนอยู่หมัด  

       จนล่วงมาถึงปีก่อนคริสตกาล 33 ปี ผู้นำซงนู๋ขอเจราจาเจริญสัมพันธไมตรีกับซีฮั่นอีกครั้ง โดยคราวนี้ขอแต่งงานกับสาวชาวฮั่นด้วย พระเจ้าฮั่นหยวนตี้จึงประกาศให้หาสาวงามในวังเพื่อคัดไปซงนู๋ ถ้าใครได้คัดเลือกและถูกส่งไปสมรสกับผู้นำซงนู๋ จะได้รับสถาปนาบรรดาศักดิ์เทียบเท่ากับองค์หญิง แต่ในบรรดาสาวงามในวังซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกสาวชาวบ้าน เมื่อเข้าวังแล้วก็เหมือนนกน้อยในกรงทองและต่างก็เฝ้ามองหาโอกาสสู่ชีวิตอิสระแต่เมื่อรู้ว่าต้องไปต่างแดนและแต่งงานกับชาวซ่งนู๋ ต่างก็ไม่ยินยอม คงมีแต่สาวงามที่ชื่อ “หวางเฉียง” 王嫱 หรือรู้จักกันในชื่อ“จาวจวิน” เป็นคนหน้าตาดี สวยสง่า มีความรู้ สมัครใจที่จะไปสมรสกับผู้นำซงนู๋ งานสมรสได้จัดขึ้นที่เมืองซีอัน 西安 ในวันนั้นพระเจ้าอั่นหยวนตี้ได้เห็นหวางจาวจวินตัวจริงเป็นครั้งแรก พระเจ้าฮั่นหยวนตี้ถึงกับตะลึงกับความงามความน่ารักของจาวจวิน เมื่อกลับถึงวัง พระองค์รู้สึกเสียดายและหงุดหงิด จึงได้ขอภาพเขียนของสาวงามในวังทั้งหมดมาดู ส่วนภาพของจาวจวินนั้น ดูคล้ายๆ แต่ยังไงก็ไม่สวยเหมือนตัวจริง พอสืบสาวราวเรื่องแล้วถึงทราบว่า เมื่อการคัดเลือกสาวเข้าวังนั้น พระองค์ไม่เคยมีโอกาสได้เห็นหน้าตัวจริงของแต่ละคน แต่จะให้ช่างเขียนภาพ เหมาหยานโซ่ว毛延寿 วาดภาพของแต่ละคนนำไปให้พิจารณา สาวบางคนที่อยากได้รับการคัดเลือกก็ให้สินบนช่างเขียนภาพและเขียนให้สวยกว่าตัวจริง ส่วนหวางจาวจวินนั้นไม่ยอมให้สินบน ช่างเขียนภาพจึงวาดภาพให้สวยน้อยกว่าตัวจริง เมื่อพระองค์รู้ความจริงจึงสั่งประหารชีวิตเหมาหยานโซ่วเสีย

      เมื่อหวางจาวจวินจากบ้านเกิดสู่แดนไกลที่หนาวเหน็บในทุ่งกว้าง เมื่ออยู่ในดินแดนซงนู๋ หวางจาวจวินได้พยายามเกลี้ยกล่อมผู้นำซงนู๋ให้เลิกล้มการรบพุ่งเพื่อสันติสุขของประชาชน และนางยังได้นำเอาความรู้ศิลปวัฒนธรรมจากตงง้วนถ่ายทอดให้กับซงนู๋ ตั้งแต่นั้นมาผ่านไป 60 กว่าปี ซ่งนู๋ กับซีฮั่นไม่เคยมีการสู้รบอีกเลย
 

ทนาย:

      “ความงามที่ทำให้แม้แต่ฝูงนกยังต้อง ร่วงหล่นจากท้องฟ้า”เป็นเรื่องราว ตอนที่หวังเจาจวินเดินทางออกนอกด่าน ในรัชสมัยฮั่นหยวนตี้ ทางเหนือและใต้ทำสงครามไม่หยุดหย่อน ชายแดนไม่มีความสงบสุข เพื่อที่จะทำให้เผ่าซงหนูทางชายแดนด้านเหนือสงบลง ฮั่นหยวนตี้จึงได้พระราชทางหวังเจาจวินให้สมรสกับข่านฮูหานเสีย เพื่อที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองเมือง ในวันที่ท้องฟ้าสดใส หวังเจาจวินได้จากบ้านเกิดเดินทางไปทางเหนือ ระหว่างทาง เสียงม้าและเสียงนกร้องทำให้นางโศกเศร้า ยากที่จะทำใจได้ จึงได้ดีดผีผาขึ้นเป็นทำนองที่แสดงความโศกเศร้าจากการพลัดพราก บรรดานกที่กำลังจะบินไปทางใต้ได้ยินเสียงผีผาอันไพเราะนี้ จึงมองลงไปเห็นหญิงงามที่กำลังขี่อยู่บนหลังม้า ต่างก็ลืมที่จะขยับปีก และร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน นับต่นั้นมา หวังเจาจวินจึงได้รับขนานนามว่า “ความงามที่ทำให้แม้แต่ฝูงนกยังต้องร่วงหล่นจากท้องฟ้า”นั่นเอง


    ในแทรคที่ 3 นี้ บทเพลงเริ่มต้นด้วยเสียงเอ้อหูอันเศร้าสร้อย บรรยายถึงคืนสุดท้ายของจาวจวินในวังของซี่ฮั่น  จากนั้นหมู่ไวโอลินสอดรับเป็น
ช่วงๆ แสดงถึงการอาลัยอาวรณ์คิดถึงบ้าน การจากไปดินแดนของซงนู๋คราวนี้คงไม่ได้กลับไปเห็นบ้านเกิดอีกแล้ว  ในท่อนกลางของบทเพลงดนตรีได้บรรยายถึงจิตใจที่ว้าวุ่นของจาวจวินในพิธีการอำลา  ความงามของจาวจวินได้ปรากฏแก่สายตาของทุกคนซึ่งต่างก็ชื่นชม  ยกเว้นแต่ฮั่วหยวนตี้ที่รู้สึกเสียพระทัยกับการจากไปของจาวจวิน เสียงดนตรีที่หนักหน่วงเร่งเร้าความรู้สึก จากนั้นเสียงดนตรีก็ลดระดับลง จังหวะดนตรีของเหล่าผู้เลี้ยงปศุสัตว์ในทุ่งกว้างเปี่ยมไปด้วยความสุข รอยยิ้มได้โปรยบน
ใบหน้าของจาวจวินบ่งบอกถึงการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในแผ่นดินทุ่งหญ้ากว้างใหญ่แห่งนี้ การบรรเลงของวงซิมโฟนีได้ปิดท่อนท้ายของเพลงด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นสนุกสนาน

*** จากบทความที่เขียนบรรยายบทเพลงที่แต่งบรรยาย 4 สาวงามผู้พลิกประวัติศาสตร์จีนครับ

ทนาย:


11. เจ้า เฟย เยี่ยน ฮองเฮาผู้สั่นคลอนใจฮ่องเต้

  เดิมทีก็เป็นเพียงนางรำผู้มีรูปลักษณ์ที่งดงาม  แต่ที่สั่นคลอนจิตใจฮ่องเต้ฮั่นเฉิงตี้ ก็เพราะพระองค์ว่ากันจริงๆ แล้วเป็นผู้ที่มั่นคงในความรักต่อฮองเฮาคนแรก
ว่ากันว่าเป็นรักแรกพบ และทั้งสองพระองค์ก็ถนอมความรักด้วยดีมาโดยตลอด  แต่ก็มีปัญหาที่ว่า ฮองเฮาพระองค์นี้ ไม่มีพระราชโอรสให้ฮ่องเต้
พระองค์ก็เลยต้องหาฮองเฮาทางเลือกใหม่  เจ้าเฟยเยี่ยน มีลักษณะรูปลักษณ์ที่งดงาม มีท่วงท่าเคลื่อนไหวที่อ่อนช้อยตามแบบนางรำ
จึงเป็นที่ต้องพระทัยของฮ่องเต้ ไม่นานก็ได้รับสถาปนาเป็นฮองเฮา  แต่นางก็ไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้อีกเหมือนกัน
นางเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องยุ่งๆ ในราชสำนัก ว่ากันว่า ชีวิตนางดำเนินไปเหมือนกับหยางกุ้ยเฟย ท้ายชีวิต ก็จบลงด้วยการฆ่าตัวตาย
เพราะอับอายในการกระทำของตน

ทนาย:

12. เจ้าเหอเต๋อ นางแอ่นคนน้อง แค่รอยยิ้ม ก็ทำให้ฮ่องเต้ลืมพระองค์ได้
  เจ้าเฟยเยี่ยน ยังมีน้องสาวฝาแฝดอีกนางหนึ่ง นามว่า เจ้าเหอเต๋อ  ถ้าจะว่าไปเเล้ว 2 อนงค์นี้ ว่ากันตามสายเลือดแล้ว มารดาของนางมีเชื่อสายเจ้าผู้ปกครองเหมือนกัน
แต่เหตุที่ว่าทั้งสองนาง เกิดขึ้นมาได้เพราะการคบชู้สู่ชายของฝ่ายมารดา เนื่องจากนางก็มีสามีอยู่แล้ว และสามีของนางก็ "บ่มีไก๊" 2 นางนี้จึงถูกนำไปทิ้งไว้ แต่ภายหลัง
เจ้าหญิงในราชวงศ์ ได้นำฝาแฝดทั้งคู่ไปเลี้ยง ในฐานะนางรำ ภายหลังเมื่อ เจ้าเฟยเยี่ยน คนพี่เป็นผู้โปรดปรานของฮ่องเต้ จึงได้ทูลขอให้นำนางเข้ามาในวังหลวงด้วย
ฮ่องเต้เมื่อได้พบเจ้าเหอเต๋อ เห็นกิริยาเอียงอาย และใบหน้าที่แดงดุจผลตำลึง ก็ถึงกับลืมพระองค์สวมกอดนางต่อหน้าธารกำนัล
แต่ 2 ศรีพี่น้องก็ร้ายไม่เบา วิธีก้าวขึ้นมาเป็นสตรีหมายเลขหนึ่งนั้น เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมอุบายที่แพรวพรายและร้ายกาจ
ในท้ายของชีวิต เมื่อหมดอำนาจ นางก็จบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายอีกเช่นกัน แต่คนน้องตายก่อนคนพี่

ทนาย:


 เตียวเสี้ยน หรือเตียวฉาน (貂婵) เป็นนางระบำของขุนนางที่ชื่อว่าอ๋องอุ้น

(王允) ในสมัยปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออก มีรูปโฉมที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง และมี

ความสามารถในการฟ้อนรำเป็นเลิศ ครั้นเมื่อนางเห็นว่าราชวงศ์ฮั่นตะวันออกตก

อยู่ใต้อำนาจของขุนนางทรราชตั๋งโต๊ะ (董卓) ซึ่งแอบอ้างราชโองการปกครอง

เหล่าขุนนาง ทำให้ขุนทางทั้งหลายไม่กล้าขัดขืน อีกทั้งอ๋องอุ้นกลัดกลุ้มใจ กิน

ไม่ได้นอนไม่หลับ ในคืนพระจันทร์สว่างสดใส นางได้จุดธูปอธิษฐานต่อสวรรค์

ยินดีที่จะรับภาระช่วยเหลือผู้เป็นนาย อ๋องอุ้นผ่านมาได้ยินเข้าก็รู้สึกซาบซึ้งยิ่ง

นัก จึงตรงเข้าไปพยุงนางลุกขึ้น และคำนับนาง นับจากนั้นจึงได้รับเตียวเสี้ยน

เป็นธิดาบุญธรรม




อ๋องอุ้นเห็นว่าตั๋งโต๊ะกำลังยึดครองราชวงศ์ฮั่นตะวันออก จึงได้วางแผนการอันต่อ

เนื่อง ยกเตียวเสี้ยนให้แก้ลิโป้ (吕布) ก่อนอย่างลับๆ แล้วจึงค่อยยกนางให้แก่

ตั๋งโต๊ะ ลิโป้นั้นมีความกล้าหาญอายุยังน้อย ส่วนตั๋งโต๊ะเจ้าเล่ห์เพทุบาย เพื่อที่

จะดึงลิโป้มาเป็นพวก ตั๋งโต๊ะจึงได้รับลิโป้เป็นลูกบุญธรรม ทั้งสองต่างก็ฝักใฝ่ใน

อิสตรี ดังนั้นนับจากนั้นมาเตียวเสี้ยนต้องรับมือกับบุคคลทั้งสอง ทำให้ทั้งคู่

หลงใหล หลังจากที่ตั๋งโต๊ะรับเตียวเสี้ยนไว้เป็นภรรยาน้อย ลิโป้เกิดความไม่พอ

ใจเป็นอย่างมาก



วันหนึ่ง ในขณะที่ตั๋งโต๊ะไปร่วมประชุมเหล่าขุนนาง ลิโป้ก็แอบเข้าไปพบกับ

เตียวเสี้ยน และนัดพบกันที่ศาลาฟ่งอี๋ เมื่อเตียวเสี้ยนไปพบลิโป้ ก็ได้แสร้ง

ร้องไห้บอกเล่าความทุกข์ที่ถูกตั๋งโต๊ะขืนใจ ลิโป้โกรธมาก ในเวลาเดียวกันนั้น

เองตั๋งโต๊ะกลับมาพบเข้า และด้วยความโกรธจึงได้แย่งเอาง้าวในมือของลิโป้

และตรงเข้าแทง แต่ลิโป้หนีไปได้ นับจากนั้นทั้งสองต่างก็เกิดความระแวงซึ่งกัน

และกัน จนท้ายที่สุดอ๋องอุ้นก็สามารถเกลี้ยกล่อมลิโป้ให้กำจัดตั๋งโต๊ะได้ในที่สุด



ฉายา "ความงามที่ทำให้แม้แต่ดวงจันทร์ยังต้องหลบเลี่ยงให้"ของเตียวเสี้ยนนั้น

มาจากเรื่องราวตอนที่นางกำลังอธิษฐานต่อดวงจันทร์อยู่ภายในสวน ทันใดนั้นมี

ลมพัดขึ้นเบา ๆ เมฆจึงลอยมาบดบังอันสว่างสดใส ขณะนั้นบังเอิญอ๋องอุ้นมาพบ

เข้า เพื่อที่จะเป็นการกล่าวชมว่าธิดาของตนนั้นมีความงามเพียงใด เมื่อพบปะผู้

คนก็มักจะกล่าวว่า บุตรีของข้าหากเทียบความงามกับดวงจันทร์แล้ว ดวงจันทร์ยัง

มิอาจเทียบได้ รีบหลบเข้าไปหลังหมู่เมฆ ดังนั้นผู้คนจึงขนานนามเตียวเสี้ยนว่า

"闭月"หรือ "ความงามที่ทำให้แม้แต่ดวงจันทร์ยังต้องหลบเลี่ยงให้"

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version