สัพเพเหระ > รูปภาพสวยๆ แปลกๆ เอามาโชว์ครับ

44 สาวงามในประวัติศาสตร์จีน (กระทู้ต่อเนื่อง)

(1/4) > >>

ทนาย:

http://www.swfcabin.com/swf-files/1345699072.swf
เหยาจี เจ้าแม่อูซัน 巫山娘娘
        มีตำนานเล่าว่า “เหยาจี” เป็นน้องสาวของเง็กเซียนฮ่องเต้  ต่อมาลงมาโลกมนุษย์  พบรักกับมนุษย์นามว่า “หยางเทียนโยว่”   杨天佑ทั้ง ๒ อยู่กินกันจนมีลูก ๓ คนๆ  แรกชื่อ “หยางเจียว”  杨蛟คนรองชื่อ “หยางเจี่ยน” 杨戬 (“หยางเจี่ยน” คนนี้ก็คือ “เทพเอ้อหลางเสิน” 二郎神 ในเวลาต่อมา) คนสุดท้องเป็นหญิงชื่อ “หยางฉัน”  杨婵หลายปีต่อมาเง็กเซียนฮ่องเต้ทราบเรื่องพิโรธมาก (เวลาบนสวรรค์แค่ชั่วขณะเดียว  โลกมนุษย์ก็ผ่านไปหลายปีแล้ว)  รับสั่งให้แม่ทัพเทียนเผิง  และวิหคทองคำ มาฆ่าล้างตระกูลหยาง  และจับเหยาจีคืนสู่สวรรค์  ตระกูลหยางและเหยาจีขัดขืน  หยางเทียนโยว่ (สามีของเหยาจี) และหยางเจียว (บุตรชายคนโต) จึงถูกฆ่าตาย  แม่ทัพเทียนเผิงเกิดกรุณาจิตจึงปรึกษากับวิหคทองคำว่า  ขอให้ไว้ชีวิตลูกอีก ๒ คนของเหยาจี  จึงตัดสินใจซัดฝ่ามือใส่ลูกของเหยาจีทั้ง ๒ จนสลบ  แล้วจับเหยาจีกลับสวรรค์  เมื่อพบเง็กเซียนเหยาจีโกรธมาก  ต่อว่าเง็กเซียนอย่างรุนแรง  เง็กเซียนก็ทรงพิโรธ  รับสั่งให้นำเหยาจีไปจองจำไว้ที่ใต้ภูเขา “เถาซัน” 桃山


         เมื่อลูกทั้ง ๒ ของเหยาจีฟื้นจากสลบ  พบว่าบิดาและพี่ชายของตนเสียชีวิต  มารดาก็ไม่รู้ว่าหายไปไหน  จึงกลายเป็นเด็กเร่ร่อน  ด้วยมหากรุณาธิคุณแห่ง “เจ้าแม่หนี่อฺวอ” 女娲娘娘(หรือก็คือ “เทวี ๙ ชั้นฟ้า” 九天玄女) “เทพอฺวี้ติ้งเจินหฺริน”  玉鼎真人จึงได้รับหยางเจี่ยนเป็นศิษย์  ส่วนเจ้าแม่หนี่อฺวอก็รับหยางฉันลูกสาวคนเล็กของเหยาจีไปเลี้ยง  ต่อมาหยางเจี่ยนสำเร็จวิชาขวานเทวะ  ใช้ขวานวิเศษทำลายเขาเถาซานช่วยแม่ออกมาได้   เง็กเซียนฮ่องเต้พิโรธมากรับสั่งให้วิหคทองคำทั้ง ๑๐ ลงสู่โลกมนุษย์เพื่อสำเร็จโทษของเหยาจี  แม้ว่าจะมีจิตกรุณาแต่ไม่อาจขัดคำสั่ง  วิหคทองคำจึงสังหารเหยาจีลงในที่สุด (เค้าโครงของตำนานเรื่องนี้ถูกนำไปแต่งเป็นนิยายเรื่อง “เฉินเซียงช่วยแม่” 沉香救母 หรือที่ทำเป็นภาพยนตร์ทางโทรทัศน์เรื่อง “อภินิหารโคมเป่าเหลียน”  宝莲灯ในเวลาต่อมา)






ทนาย:

2. พระสนมเม่ยสี่
       ว่ากันจริงๆ แล้ว ก็ยังหาประวัติของนางสนมเม่ยสี่ไม่ค่อยได้ เพราะเธอเป็นสนมในกษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์เซี่ย นามว่า เซี่ยเจี้ย  ซึ่งในประวัติศาสตร์ก็ยังไม่กล้ายืนยันอย่างหนักแน่นว่าราชวงศ์นี้ จะเป็นราชวงศ์แรกในประวัติศาสตร์ชาติจีนหรือไม่  ช่วงปลายของสมัยราชวงศ์เซี่ย การเมืองมีความวุ่นวาย ความขัดแย้งระหว่างชนชั้นนับวันรุนแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาพระเจ้าเซี่ยเจี๊ยะ กษัตริย์สุดท้ายของเซี่ยเมื่อขึ้นครองราชย์ได้ไม่นาน ก็ไม่สนใจบริหารประเทศ เย่อหยิ่งฟุ่มเฟือยใช้ชีวิตเละเทะ ใช้เงินเป็นเบี้ย พระเจ้าเซี่ยเจี๊ยะเอาแต่เสวยน้ำจัณฑ์สนุกสนานกับพระสนมคนโปรดชื่อเม่ยสี  ไม่คำนึงถึงความทุกข์ยากลำบากของประชาชน ถ้าขุนนางผู้ใหญ่ทูลทัดทาน  พระองค์ก็ประหารขุนนางผู้ใหญ่เหล่านั้นเสีย ด้วยเหตุนี้ นครรัฐต่างๆในราชวงศ์เซี่ยก็พากันเป็นกบฏ นครรัฐซังที่ขึ้นกับราชวงศ์เซี่ยก็ถือโอกาสโจมตีเซี่ยจนทำให้เซี่ยแตกพ่าย  พระเจ้าเซี่ยเจี๊ยะหนีออกจากเมืองหลวงในที่สุดก็สิ้นพระชนม์ที่เมืองหนานเฉา  ราชวงศ์เซี่ยจึงสิ้นสุดลง.[/color]

ทนาย:


3. เปาซื่อ..... ยิ้มนี้มีค่าควรเมือง
ราชวงศ์โจวในยุคกษัตริย์องค์ที่ 12 ทรงพระนามว่าโจวอิวหวาง   ป็นกษัตริย์ที่ไม่สนใจราชการบ้านเมือง เอาแต่ดื่มเหล้าเคล้านารี อำมาตย์คนไหนทูลเตือน ก็ถูกจับขังและลงโทษ
 โจวอิงหวาง 周幽王 หลงรักสาวงามคนหนึ่งซึ่งมีผู้นำมาถวาย นางมีนามว่า “เปาซื่อ” 褒姒 เปาซื่อเป็นคนสวยแบบลุ่มลึก ใบหน้านิ่งเฉยดูลึกลับ วันๆ ไม่พูดไม่จาดูเศร้าหมอง แต่ก็ดูสวย สวยมาก สวยจริงๆ
โจวอิวหวางเฝ้าเอาใจนางเปาซื่อเช้าเย็น หวังจะได้เห็นรอยยิ้มสักครั้ง แต่ก็ผิดหวังร่ำไป จึงประกาศให้รางวัลว่า “ถ้าใครทำให้นางเปาซื่อยิ้มได้ จะให้รางวัลเป็นทองพันตำลึง
  อำมาตย์สอพลอผู้หนึ่ง จึงกราบทูลกับโจวอิวหวาง ให้พานางเปาซื่อไปหาความสุขบนตำหนักเขาหลีซาน  พอตกดึกก็ให้จุดไฟแจ้งเหตุบนเชิงเทิน พวกเจ้าเมืองก็จะโกลาหลยกทัพมาช่วย คงวุ่นวายพิลึก พวกเจ้าเมืองหน้าแตกคงตลกน่าดู  สมัยนั้นมีการตกลงกันว่า หากมีสัญญานไฟจุดขึ้นที่เชิงเทิน พวกเจ้าเมืองต่างๆ   ต้องยกกองทัพมาช่วยเมืองหลวง  แล้วนางเปาซื่อ   ก็ยิ้มออกมาจริงๆ
    เหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้โจวอิวหวางไม่ต่างอะไรกับเด็กเลี้ยงแกะ ครั้นต่อมาเมื่อเจ้าเมือง “เซิน” 伸 ซึ่งมีศักดิ์เป็นถึงพ่อตาของโจวอิวหวาง ยกทัพมาตีเมืองโจว ราชสำนักสั่งให้จุดไฟระดมพล ปรากฏว่าครั้งนี้ พวกเจ้าเมืองไม่ยอมมาตามนัด โจวอิวหวางและพวกอำมาตย์สอพลอเลยถูกโค่นราชบังลังค์ เมื่อเหตุการณ์สงบลง พวกเจ้าเมืองทั้งหลายจึงเชิญองค์รัชทายาทอี๋จิ้ว  ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ที่ 13 ทรงพระนามว่าโจวผิงหวาง

ทนาย:

4. ไซซี หรือ ซือซือ ความงามที่ทำให้แม้แต่ฝูงปลายังต้องจมลงสู่ใต้น้ำ         ไซซี หรือซีซือ (西施) นามอี๋กวง เกิดในสมัยชุนชิว (ช่วงปี 722-481 ก่อนคริสต์ศักราช) ที่มณฑลเจ้อเจียง เป็นผู้ที่มีความงดงามมาแต่กำเนิด
ในสมัยชุนชิวนี้ รัฐอู่และรัฐเยว่ทำสงครามกัน เนื่องจากรัฐอู่มีกำลังทหารที่กล้าแข็ง ในเวลาที่ไม่นานนักก็สามารถเอาชนะรัฐเยว่ได้ และนำเอาเยว่อ๋องโกวเจี้ยน (勾践) และอัครเสนาบดีนามฟ่านหลี่ (范蠡)ไปเป็นตัวประกัน เพื่อแก้แค้นที่ชาติถูกรุกราน เยว่อ๋องยอมตกอยู่ภายใต้อำนาจของอู่อ๋อง และแสร้งว่ามีความซื่อสัตย์ และจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่ง ครั้งหนึ่งอู่อ๋องมีอาการปวดท้อง บรรดาหมอหลวงทั้งหลายที่เชิญมาต่างก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นโรคอะไร เมื่อเยว่อ๋องโกวเจี้ยนได้ทราบเรื่องนี้ จึงได้ชิมอุจจาระของอู่อ๋องต่อหน้าบรรดาขุนนางทั้งหลาย และกล่าวว่า “ท่านอ๋องไม่ได้ป่วยเป็นโรคอันใด แค่โดนความเย็นมากไปเท่านั้น เพียงดื่มเหล้าให้ร่างกายอบอุ่นก็เพียงพอแล้ว” อู่อ๋องทำตามที่โกวเจี้ยนแนะนำดื่มเหล้าเข้าไปเล็กน้อย ก็มีอาการดีขึ้นทันที อู่อ๋องเห็นว่าโกวเจี้ยนมีความจงรักภักดี จึงปล่อยตัวให้กลับรัฐเยว่


          เมื่อโกวเจี้ยนกลับไปยังรัฐเยว่แล้ว ฟ่านหลี่ก็ได้เสนอแผนกู้้ชาติ 3 แผนให้แก่เยว่อ๋อง หนึ่งคือ สั่งสมกำลังทหาร ฝึกฝนการรบ สองคือพัฒนาด้านการกสิกรรม และสามคือ คัดเลือกหญิงงามเพื่อส่งให้แก่อู่อ๋อง เพื่อเป็นสายคอยส่งข่าวภายในให้ ในเวลานั้น มีหญิงสาวนามว่าไซซี เป็นหญิงซักผ้า มีรูปร่างหน้าตางดงามเหนือกว่าผู้อื่น เมื่อนางไปซักผ้าอยู่ริมแม่น้ำนั้น น้ำอันใสสะอาดจะสะท้อนเงาอันงดงามของนาง ทำให้ยิ่งดูงดงามมากยิ่งขึ้น เมื่อมองเห็นเงาของนางแล้ว บรรดาปลาทั้งหลายที่ว่ายน้ำอยู่ ต่างก็ลืมที่จะว่ายน้ำ และค่อยๆจมลงสู่ก้นแม่น้ำไป นับแต่นั้นมาฉายา “ความงามที่ทำให้แม้แต่ฝูงปลายังต้องจมลงสู่ใต้น้ำ”ของไซซี ก็เล่าลือกันไปทั่วบริเวณนั้น


        หลังจากที่ไซซีถูกเลือกไปถวายแล้วนั้น เมื่ออู่อ๋องเห็นไซซีมีรูปโฉมที่งดงาม ก็เกิดความลุ่มหลงเป็นอย่างมากจนกระทั่งละเลยราชการ ไม่สนใจบ้านเมือง ทำให้บ้านเมืองอ่อนแอลงเรื่อยๆ เยว่อ๋องโกวเจี้ยน จึงถือโอกาสยกทัพเข้าโจมตีรัฐอู่ และสามารถกู้้ชาติได้สำเร็จ ไซซีเสียสละเพื่อบ้านเมือง แสดงให้เห็นถึงหญิงสาวคนหนึ่งที่มีความรักชาติเป็นอย่างยิ่ง


      ตำนานเล่าว่า หลังจากที่รัฐอู่พ่ายแพ้แล้ว ไซซีได้ออกท่องเที่ยวไปกับฟ่านหลี่ ไม่ทราบว่าสุดท้ายมีชะตากรรมอย่างไร เป็นที่ระลึกถึงของชนรุ่นหลังตลอดมา



ไซซี หยางกุ้ยเฟย หวังเจาจวิน และเตียวเสี้ยนได้รับการขนานนามให้เป็นสี่ยอดหญิงงามแห่งแผ่นดินจีน ในจำนวนทั้งหมดนี้จัดให้ไซซีอยู่ในอันดับแรก และกลายเป็นสัญลักษณ์ของหญิงงามนับแต่นั้นมา

ทนาย:

5. หลิ่วโฮ่วไทเฮา 吕后 นางงามอำมหิต
        ในสมัยฮั่นยุคแรกหรือฮั่นตะวันตก เมื่อฮั่นเกาจู่หลิวปัง สวรรคตแล้ว ราชโอรสชื่อหลิวอิ๋ง  ได้ขึ้นครองราชย์แทน ทรงพระนามว่าฮุ่ยตี้

ฮุ่ยตี้เป็นกษัตริย์ที่มีนิสัยอ่อนโยน ซ้ำสุขภาพก็ไม่สู้ดี อำนาจการปกครองจึงตกอยู่ในอุ้งมือขององค์ไทเฮา หรือมเหสีหลี่ว์โฮ่ว ของฮั่นเกาจู่ พวกญาติโยมคนแซ่หลี่ว์ทั้งหลาย ก็เลยได้เป็นใหญ่

          ในประวัติศาสตร์จีนอันยาวนาน หลายคนาจเคยรู้เรื่องความเก่งกาจเจ้าความคิดของพระนางบูเช็กเทียน และความเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจของพระนางซูสีไทเฮา แต่ถ้าเป็นเรื่องสุดยอดแห่งความชั่วร้ายและโหดเหี้ยมแล้ว ต้องยกให้ไทเฮาหลี่ว์โฮ่ว 吕太后

     ถึงขนาดให้กษัตริย์ฮุ่ยตี้ ต้องสิ้นพระชนม์ชีพเพราะไทเฮาหลี่ว์โฮ่ว ก็น่าจะพูดได้ เนื่องจากไทเฮาใช้อำนาจมืด วางยาพิษองค์ชายหยูอี้ ซึ่งเป็นพระอนุชาต่างมารดาของฮุ่ยตี้ แต่ฮุ่ยตี้ทรงรักมาก เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีใบสั่งฆ่าพระมารดาของหยูอี้ ซึ่งก็คือเจ้าจอมแซ่ชี ที่สมัยฮั่นเกาจู่ยังมีพระชนม์ชีพ ทรงโปรดเป็นพิเศษ กระทำทารุณโดยการทำให้ตาบอด หูหนวก เป็นใบ้ พร้อมตัดแขนขาออก เหลือแต่ตัวกลมๆ แล้วโยนทิ้งไว้ในห้องน้ำ จากนั้น ก็หลอกให้ฮุ่ยตี้ไปดู “มนุษย์หมู” พอฮุ่ยตี้ได้ดู ก็เกิดอาการช็อก ล้มป่วยทันที ปากก็พร่ำเพ้อว่า “...ทำกับมนุษย์ด้วยกันเช่นนี้ ยังจะนับเป็นคนได้อีกหรือ?” ต่อมาอีกปีเศษๆ ก็สวรรคตตามพระบิดา ปีนั้นเป็นปีที่ 188 ก่อนคริสต์กาล (188 B.C.)



          เมื่อฮุ่ยตี้สวรรคตแล้ว หลี่ว์โฮ่วอยากให้คนแซ่หลี่ว์ของพระนางเป็นใหญ่ แทนหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์แซ่หลิว แต่เวลานั้นยังมีอำมาตย์อาวุโสเช่นโจวโป๋และเฉินผิง   อีกทั้งเชื้อพระวงศ์แซ่หลิวเช่นเจ้าฉีหลิวหนาง  คุมเชิงอยู่ จึงจำใจต้องเอาเชื้อพระวงศ์แซ่หลิวเด็กๆ มาเป็นกษัตริย์ไปพลางๆ ก่อน  เพราะไทเฮาเป็นผู้มีอำนาจจริง ส่วนกษัตริย์องค์ใหม่ ทรงพระนามซ่าวตี้   มีความหมายว่ายุวกษัตริย์ เป็นเพียงหุ่นเชิด

    หลี่ว์โฮ่วเรืองอำนาจต่อได้อีกราว 8 ปี ถึงปีก่อน ค.ศ. 180 (180 B.C.) ก็หมดวาสนา ก่อนตายเป็นโรคประหลาด ร้องโวยวายตลอดเวลา ว่ามีคนจะมาทำร้าย ชะรอยวิญญาณของผู้บริสุทธิ์ ที่ถูกเข่นฆ่าอย่างทารุณ คงจะตามมาเช็คบิล ณ ป้ายสุดท้ายของชีวิต

เมื่อหลี่ว์โฮ่วตายลง เหล่าอำมาตย์อาวุโสที่ภักดีต่อเชื้อพระวงศ์แซ่หลิว ก็ทำการล้างบางคนแซ่หลี่ว์ จากนั้น ก็อัญเชิญโอรสองค์ที่ 3 ของฮั่นเกาจู่ชื่อหลิวเหิง  ขึ้นเป็นกษัตริย์ ทรงพระนามว่าเหวินตี้  วันที่ล้างบางพวกคนแซ่หลี่ว์ลงเรียบร้อย พอดีตรงกับวันเพ็ญ (วันที่ 15) ของเดือนแรกของปฏิทินอย่างจีน

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

Go to full version