สัพเพเหระ > เป็นนักเลงกลอนอย่านอนเปล่า
เป็นนักกลอนอย่านอนเปล่า
ภูฤดี:
ไม่ได้เห็น ต้องถึือเป็น วาสนา
หากผัสสะนั้นพา..ใจหม่น
ทางอ้างว้างหนาวเย็นเบื้องหน้าโพ้น
อย่างน้อยคง ทรมาน..น้อยกว่าเดิม
ไม่น่าเชื่อครับ เกิดมา ไม่เคยแต่งกลอน นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตหนุ่ม(เหลือน้อย)เลยนะนี่
ประมาณว่ากรีดใจกลายเป็นกลอนหรือไงเนี่ย(อ้วก...)
หมายเหตุ วรรคแรกมาจากคำในนิยายกำลังภายใน ศึกสายเลือด ผลงานของเซียงกัวเตี้ย แปลโดย ว. ณ เมืองลุง
วรรคที่สาม ได้เค้าโครงจากนิยาย สร้อยสุคันธา ของ มาลา คำจันทร์ครับ
ประสิทธิ์:
--- อ้างถึง ---ไม่น่าเชื่อครับ เกิดมา ไม่เคยแต่งกลอน นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตหนุ่ม(เหลือน้อย)เลยนะนี่
ประมาณว่ากรีดใจกลายเป็นกลอนหรือไงเนี่ย(อ้วก...)
--- End quote ---
เขียนเองอ้วกเองหรือน้องเจ :'e:56
เขียนไปเรื่อยๆจะเก่งเองล่ะ ผมก็ไม่ได้เขียนนานแล้ว ไม่ค่อยมีเวลาเขียนอยากให้เพื่อนๆมาเขียนกันมากขึ้นนะ
น้ำตาลขม:
--- อ้างจาก: โชค นรา ที่ 28/ธ.ค./11 14:24น. ---ให้สัญญา ว่าจะอยู่ คู่เวปนี้จะกี่เดือน กี่ปี มิหวั่นไหวจะร่วมสร้าง ร่วมก่อ มิท้อใจขอเพียงกาย กล้าแกร่ง แรงมีแรง
กลัวแต่เพียง โรคภัย ที่ใกล้ตัวมาทำชั่ว ทำลายจิต ที่เข้มแข็งให้อ่อนเพลีย อ่อนล้า มาเปลี่ยนแปลงหากสิ้นแรง คงสิ้นไกล ไร้ฝันเอย ....
--- End quote ---
จะแต่งต่อซะหน่อยลงเอย... ซะแล้ว^_^
น้องเบส เชียงราย:
มาเถอะมา พี่น้อง ร่วมแต่งแต้ม
เชิิญร่วมแย้ม แก่นความคิด มิตรสหาย
ความผิดพลาด อาจะมี โปรดผ่อนคลาย
เราทั้งหลาย มาร่วมสร้าง ทางจีรัง
จะทิฐิ กันไป ทำไมเล่า
ก็คนเรา เกิดและตาย ได้เพียงครั้ง
มัวมึนเมา ริษยา พาชิงชัง
จะพลาดพลั้ง เพราะเพียงคิด มิตร-ศัตรู
จะเดินดิน กินอะไร ไม่สนหรอก
มีรถนอก ขับขี่ มีบ้านหรู
สิ้นสุดท้าย เหลืออะไร ไว้ให้ดู
สิ่งคงอยู่ กองขี้เท่า เขาเผาไฟ
ลุงกบ:
ตุ๊เจ้าเบส สาธุ :'e:92 แก่นธรรมโดยแท้
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version