ผู้เขียน หัวข้อ: “กาแฟ” ดีหรือร้ายกันแน่  (อ่าน 18169 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ยายมดน้อย

  • สมาชิกใหม่
  • *
  • ออฟไลน์
  • 0
    357
“กาแฟ” ดีหรือร้ายกันแน่
« เมื่อ: 01/ก.ค./12 05:06น. »



ที่ ผ่านมาเราเชื่อกันว่ากาแฟมีผลต่อโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง กระดูกพรุน ทำให้เป็นหมัน ทำให้หญิงตั้งครรภ์แท้งหรือทารกน้ำหนักน้อย เป็นต้น แต่การวิจัยในระยะหลังระบุว่าการดื่มกาแฟเพียงวันละ 1-2 ถ้วย ไม่น่าจะมีปัญหา และอาจให้ผลดีหากดื่มให้เป็น แต่ถ้ามากเกินไปก็ไม่ดี



กาแฟกับโรคหัวใจ
ผลการศึกษากับคนมากกว่า 400,000 คน ไม่พบว่าการดื่มกาแฟทั้งชนิดที่มีกาเฟอีน และชนิดสกัดกาเฟอีนออก เพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาอีกชิ้นหนึ่งที่ติดตามดูผู้หญิง 27,000 คน เป็นระยะเวลา 15 ปี พบว่าการดื่มกาแฟปริมาณน้อยๆ ประมาณวันละ 1-3 ถ้วย ลดความเสี่ยงโรคหัวใจให้น้อยลง 26% อย่างไรก็ตาม หากดื่มกาแฟปริมาณมากกว่านี้จะไม่ได้ผลดีในการลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ

กาแฟกับความดันโลหิต
เว็บไซต์มูลนิธิโรคหัวใจและสโตรคแคนาดา ระบุว่าคนที่ไม่ได้ดื่มกาแฟเป็นประจำ มีแนวโน้มว่ากาเฟอีนจะทำให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นชั่วคราว
ส่วนคนที่ดื่มในปริมาณมากเป็นประจำ เช่น กาแฟวันละ 5 ถ้วย มีส่วนทำให้ความดันโลหิตตัวบนเพิ่มขึ้น 2.4 มิลลิเมตรปรอท และความดันโลหิตตัวล่างเพิ่มขึ้น 1.2 มิลลิเมตรปรอท
แต่ถ้าดื่มเป็นประจำในปริมาณน้อยๆ ผลกระทบยังไม่แน่นอน มีการศึกษาที่ติดตามพยาบาล 155,000 คนที่ดื่มกาแฟมานาน 10 ปี พบว่าทั้งกาแฟชนิดที่มีกาเฟอีนและชนิดที่สกัดกาเฟอีนออก ไม่ทำให้ความดันเลือดเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ คณะวิจัยจาก John Hopkins ศึกษาจากกลุ่มตัวอย่าง 1,000 คน ติดตามไป 33 ปี ก็พบเช่นกันว่ากาเฟอีนมีผลต่อความดันเลือดน้อยมาก

ในทางกลับกัน การศึกษาจาก VA Medical Center ใน Oklahoma City สหรัฐอเมริกา พบว่าคนที่มีความดันโลหิตสูงอยู่แล้ว ยิ่งดื่มกาแฟ ก็จะยิ่งทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
การศึกษาทำกับผู้ชายที่มีระดับความดันโลหิตต่างๆ กัน ตั้งแต่ความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือสูงเล็กน้อย ไปจนถึงผู้ที่มีความดันโลหิตสูง จำนวนผู้เข้าศึกษาไม่มากนัก ประมาณกลุ่มละ 18-73 คน
ผลการศึกษาพบว่า กาเฟอีน 250 มิลลิกรัม ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นทั้งตัวบนและตัวล่างในทุกกลุ่ม แต่จะสูงขึ้นอย่างมากในผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูงอยู่ก่อนแล้ว มากกว่า 1.5 เท่าของกลุ่มที่ความดันปกติ
มีคำแนะนำให้ผู้ที่ความดันโลหิตสูงหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มี กาเฟอีนในปริมาณสูง สำหรับผู้ที่ความดันเป็นปกติ ยังไม่พบผลเสียร้ายแรงจากการดื่มกาแฟ

กาแฟกับมะเร็ง

เมื่อปี 2524 คณะนักวิจัยจาก John Hopkins ระบุว่า กาแฟเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งตับอ่อน อย่างไรก็ตาม การศึกษาต่อมาพบว่า กาแฟไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งตับอ่อน คือ บุหรี่
การศึกษากับผู้หญิงสวีเดน 59,000 คน ยังพบว่ากาเฟอีนไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเต้านม
และยังมีรายงานด้วยว่าการดื่มกาแฟอาจจะมีผลป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
นอกจากนี้ยังมีรายงานจาก World Cancer Research Fund ว่าการดื่มกาแฟปริมาณปานกลางไม่มีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็ง

กาแฟกับกระดูกพรุน

จากการศึกษาพบว่ากาแฟทำให้การดูดซึมแคลเซียมลดลงเล็กน้อยประมาณ 27 มิลลิกรัม เทียบเท่ากับนม 1-2 ช้อนโต๊ะ และไม่ทำให้ร่างกายสูญเสียแคลเซียมทางปัสสาวะเพิ่มขึ้น
ปริมาณแคลเซียมเท่านี้ไม่น่าจะทำให้คนที่กินแคลเซียมมากพอเป็นโรค กระดูกพรุน หากกังวลก็สามารถเติมนมไขมันต่ำหรือไม่มีไขมันลงไปในกาแฟเพื่อชดเชย หรือดื่มนมเพิ่มสำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟวันละ 2 ถ้วยขึ้นไป

กาแฟกับเบาหวาน

จากการศึกษาพบว่าการดื่มกาแฟจะทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลินเพิ่ม ขึ้น 15% กรดไขมันในเลือดเพิ่มขึ้น ฮอร์โมนอะดรีนาลีนเพิ่มขึ้น ทำให้หัวใจเต้นเร็วและความดันโลหิตสูงขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลเสียต่อผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานอยู่แล้ว
แต่ก็มีการวิจัยจากฟินแลนด์และมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่พบว่า คนที่ดื่มกาแฟมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานประเภทที่ 2 น้อยกว่าคนที่ไม่ดื่มกาแฟ

กาแฟกับการตั้งครรภ์และการเป็นหมัน
ก่อนหน้านี้มีความเชื่อว่าการดื่มกาแฟจะเป็นผลเสียต่อการตั้งครรภ์ แต่จากหลักฐานยังไม่พบผลเสียดังกล่าว นักวิจัยแนะนำว่าการดื่มกาแฟปริมาณน้อยๆ ขณะตั้งครรภ์ไม่เกิดผลเสีย แต่หากงดได้ก็น่าจะงด
ส่วนการเป็นหมันนั้น พบว่าหากดื่มกาแฟมากกว่าวันละ 1 แก้วจะมีโอกาสเกิดการเป็นหมันมากขึ้น

กาแฟกับการขาดน้ำ
จากการศึกษาพบว่า การดื่มกาแฟไม่เกิน 550 มิลลิกรัม หรือประมาณ 5 ถ้วยครึ่ง ไม่ออกฤทธิ์ขับปัสสาวะ การดื่มกาแฟทำให้ปัสสาวะมากขึ้นเทียบเท่ากับการดื่มน้ำในปริมาณเท่าๆ กัน
อย่างไรก็ตาม กาเฟอีนจะมีฤทธิ์เป็นยาขับปัสสาวะหากดื่มเกินครั้งละ 575 มิลลิกรัม หรือประมาณ 6 ถ้วย ดังนั้นขณะออกกำลังกายหรือหลังออกกำลังกายไม่ควรดื่มกาแฟในปริมาณมาก เพราะจะทำให้ร่างกายขาดน้ำได้

กาแฟกับน้ำหนักตัว
กาเฟอีน 100 มิลลิกรัมเพิ่มการเผาผลาญพลังงานได้ประมาณวันละ 75-100 กิโลแคลอรี แต่ไม่มีการศึกษาใดที่พบว่า กาแฟช่วยให้ลดน้ำหนักได้ในระยะยาว
ยิ่งไปกว่านั้น การศึกษาจากชาวอเมริกัน 58,000 คน ติดตามไป 12 ปี พบว่า กลุ่มตัวอย่างทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่ดื่มกาแฟมากขึ้น กลับมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น สาเหตุอาจมาจากน้ำตาล นม และครีมเทียม ที่ใส่ลงไปในกาแฟ

กาแฟกับสมรรถภาพของร่างกาย
กาเฟอีนเพิ่มความสามารถในการออกแรง-ออกกำลัง หรือเล่นกีฬา โดยเพิ่มความอดทนหรือความสามารถในการออกแรงได้นานขึ้น กลไกที่กาเฟอีนทำให้สมรรถภาพของร่างกายดีขึ้น น่าจะมาจากการออกฤทธิ์ทำให้อาการปวดลดลง เช่น ปวดกล้ามเนื้อ ปวดเอ็น
กลไกอีกอย่างหนึ่งของกาเฟอีน คือ การทำให้ร่างกายเปลี่ยนระบบเผาผลาญ โดยลดการเผาผลาญแป้งและน้ำตาล และเพิ่มการเผาผลาญไขมัน ทำให้เราออกแรง-ออกกำลังได้มากขึ้น

กาแฟกับอารมณ์

การศึกษาพบว่ากาแฟปริมาณน้อยๆ ไม่เกิน 200 มิลลิกรัม เทียบเท่ากาแฟสด 480 มิลลิลิตรหรือเกือบครึ่งลิตร ทำให้สดชื่น มีพลัง และรู้สึกอยากเข้าสังคมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากดื่มกาแฟมากกว่านี้อาจทำให้เครียดง่าย และทำให้ปวดท้องหรือไม่สบายท้องได้
การศึกษาในคนที่อดนอนพบว่า กาแฟจะกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ไม่ง่วง ช่วยให้ร่างกายตื่นตัวมากขึ้น ตอบสนองต่อสิ่งเร้าเร็วขึ้น ความจำดีขึ้น สมาธิดีขึ้น และยังทำให้ความสามารถในการทำงานดีขึ้น แต่ไม่ช่วยเพิ่มความสามารถในคนที่นอนมากพออยู่แล้ว
กาแฟยังช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ ลดอาการปวดเมื่อยเนื่องจากไข้หวัด ลดอาการซึมเศร้าและคลายความวิตกกังวล และช่วยให้ผู้สูงอายุกระฉับกระเฉงกระชุ่มกระชวยกว่าคนในวัยเดียวกันที่ไม่ ได้ดื่มกาแฟ

กาแฟกับโรคอื่นๆ
การศึกษาพบว่า กาแฟชนิดที่มีกาเฟอีนลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคพาร์คินสันได้ประมาณ 30% แต่กาแฟชนิดสกัดกาเฟอีนออก จะไม่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคนี้
การดื่มกาแฟเป็นประจำยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีและนิ่วในทางเดินปัสสาวะ
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าการดื่มกาแฟวันละ 3 แก้ว จะช่วยบรรเทาอาการหอบหืด

อย่างไรก็ตาม นักวิจัยเตือนว่าการศึกษาเหล่านี้ยังเป็นการศึกษาแรกเริ่ม จำเป็นต้องมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนหรือคัดค้านต่อไป คอกาแฟอาจจะดื่มกาแฟได้อย่างคล่องคอมากขึ้น แต่ก็อย่าโหมดื่มกาแฟ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อโรค ควรปรึกษาแพทย์ให้แน่ใจก่อนดื่ม

เหมือนดังที่ ศาสตราจารย์ซิลวีโอ การัตตีนี หัวหน้าสถาบันมารีโอ เนกรี แห่งมิลาน และบรรณาธิการหนังสือ Caffeine, Coffee and Health กล่าวไว้ว่า “การดื่มกาแฟไม่มีผลเสีย ตราบใดที่คุณดื่มในปริมาณพอเหมาะ เช่นเดียวกับทุกอย่างที่เรากินและดื่ม”






ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=8432

Re: “กาแฟ” ดีหรือร้ายกันแน่
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 06/ก.ค./12 13:14น. »

อ่านข้อมูลที่คุณยายมดน้อยนำมาฝาก ทำให้ดื่มกาแฟได้อร่อยมากขึ้นครับ  :'e:56

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=8432

ออฟไลน์ พี

  • เทพ
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 1152
    185
Re: “กาแฟ” ดีหรือร้ายกันแน่
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 08/ก.ค./12 08:09น. »

จะดีหรือร้ายไม่ทราบ แต่ว่าต้องดื่มทุกวัน วันละ 3 เวลาครับ

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=8432

Re: “กาแฟ” ดีหรือร้ายกันแน่
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 12/ก.ค./12 21:30น. »

โดยส่วนตัวยังไงก็ไม่สนับสนุนครับ เพราะ
 1. เสียตังค์
  2. ร่างกายไปด้วยการกระตุ้น(ของคาเฟอีน) พอหมดฤทธิ์ก็หมดแรง ไม่ต่างจากกระทิงแดงและเอ็มร้อยครับ
   3. กระตุ้นหัวใจ ทำให้ใจสั่น เต้นเร็วครับ
    4. อันนี้สำคัญสุด เสพติดครับ

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=8432

ออฟไลน์ ประยุทธ

  • เซียน
  • ****
  • ออฟไลน์
  • 492
    15
Re: “กาแฟ” ดีหรือร้ายกันแน่
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 20/ก.ค./12 06:36น. »

ได้ความรู้เกี่ยวกับกาแฟขึ้นอีกเยอะ แต่ที่แน่ ๆ ดื่มกาแฟทุกวันเลย

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=8432

ออฟไลน์ วิทย์ กทม

  • มือสมัครเล่น
  • **
  • ออฟไลน์
  • 19
    4
  • เพศ: ชาย
Re: “กาแฟ” ดีหรือร้ายกันแน่
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 29/ส.ค./12 13:32น. »

ตอนนี้ผมลดลงเหลือ 2 แก้วต่อวันครับ
พยายามคุมไว้แค่นี้ครับ
แต่ถ้าวันไหนไม่ได้กิน จะปวดหัว ตึบๆ เลยครับ

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=8432

ออฟไลน์ สหัสวรรษ

  • เซียน
  • ****
  • ออฟไลน์
  • 568
    65
Re: “กาแฟ” ดีหรือร้ายกันแน่
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: 29/ส.ค./12 16:56น. »

ผมขอสนับสนุนการกินกาแฟด้วยคนครับ ทุกอย่างในโลกนี้ก็เป็นเหมือนดาบสองคม มีทั้งคุณและโทษ แม้แต่มอร์ฟีนยังมีใช้ในโรงพยาบาลเลย กาแฟก็ช่วยกระตุ้นร่างกายให้กระฉับกระเฉง กระชุ่มกระชวย ผมเองก็กินวันละ2แก้วกำลังดี อย่างชาเนี่ยก็เหมือนกัน ช่วยลดไขมันในเลือดได้ ผมก็ชอบจิบเป็นประจำ

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=8432

ออฟไลน์ เล็ก

  • มืออาชีพ
  • **
  • ออฟไลน์
  • 144
    14
    • อีเมล์
Re: “กาแฟ” ดีหรือร้ายกันแน่
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: 03/ก.ย./12 09:28น. »

 psi10 ข้อขอบพระคุณข้อมูลเพื่อเป็นความรู้ครับ ผมก็ชอบดื่มกาแฟครับว่าแล้วจัดไปสักถ้วย หอมกรุ่น psi108

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=8432

ออฟไลน์ สิทธิชาติ

  • ผู้ทรงเกียรติ
  • *
  • ออฟไลน์
  • 254
    251
Re: “กาแฟ” ดีหรือร้ายกันแน่
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: 03/ก.ย./12 12:27น. »

ทุกสิ่งทุกอย่างถ้าอยู่ในความพอดีย่อมไม่เกิดโทษครับ  อย่างผมดื่มวันละ 2 ถ้วยก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร  แต่บางคนดื่มวันละ 2 ถ้วยเหมือนกัน แต่ติดหวาน ใส่น้ำตาลมาก อย่างนี้ก็ไม่แน่ว่าจะเกิดโทษหรือไม่ (ซึ่งเกิดจากน้ำตาล ไม่ใช่กาแฟ)  จะไปเหมารวมว่ากาแฟทำให้เกิดปัญหาก็คงจะไม่ใช่ล่ะครับ  ขอบคุณยายมดน้อยสำหรับข้อมูลที่อาจทำให้หลายท่านเปลี่ยนใจมาดื่มกาแฟครับ

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=8432

ออฟไลน์ น้องดา

  • MOD1
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 2123
    211
  • เพศ: หญิง
  • -
    • -
    • อีเมล์
Re: “กาแฟ” ดีหรือร้ายกันแน่
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: 04/ก.ย./12 01:11น. »

ขอบคุณ สำหรับข้อมูลดีๆๆๆค่ะคุณยาย ที่นำเรื่องดีๆๆและไม่ดีของกาแฟมาฝาก แต่ดาไม่ทานอยู่แล้วค่ะกาแฟ

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=8432
-

ออฟไลน์ ธนาวุฒิ

  • มือสมัครเล่น
  • **
  • ออฟไลน์
  • 42
    7
    • อีเมล์
Re: “กาแฟ” ดีหรือร้ายกันแน่
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: 21/ก.ย./12 18:07น. »

สมัยเรียนสุขศึกษา เค้าสอนว่าชา กาแฟ เป็นสิ่งไม่ดี ผมจึงไม่แตะต้องเลย ก็ดีไปอย่าง คือไม่ต้องเสียเงิน

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=8432

ออฟไลน์ รวี

  • Global Moderator
  • *
  • ออฟไลน์
  • 2122
    13463
  • เพศ: ชาย
Re: “กาแฟ” ดีหรือร้ายกันแน่
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: 24/ก.ย./12 17:56น. »

จากการอ่านบทความแล้วผมว่ากาแฟ มีประโยชน์ มากกว่าโทษนะ ผมดื่มกาแฟเหมือนกัน วันละ 1-2 แก้ว ขอบคุณครับ สำหรับความรู้ที่ได้รับ

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=8432
ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจที่มอบให้ ครับ

Re: “กาแฟ” ดีหรือร้ายกันแน่
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: 24/ก.ย./12 21:56น. »

จะแบบไหนผมไม่ว่ากัน อันนี้แล้วแต่ความคิดของใคร เพราะผมไม่ดืม เหมือนการสูบบุหรี่ หรือกินเหล้า ผมไม่เคย เพราะเสียดายตังค์ แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณมากครับกับข้อมูล

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=8432

ออฟไลน์ อธิปไตย

  • เทพ
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 757
    384
  • รักชาติสุดใจ..อย่าลืมไทยบ้านนอก
Re: “กาแฟ” ดีหรือร้ายกันแน่
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: 30/ก.ย./12 07:26น. »

 psi108 ผมว่าสีมันดำน่ากลัว เพื่อนผมนะเวลาสอบชอบกินกาแฟดำ อ่านหนังสือยันสว่างเลย ส่วนตัวผม ไม่เท่าไหร่ครับเรื่องกาแฟ ขอบคุุณคุณยายมดน้อยมากครับ
ที่นำความรู้มาแบ่งปันแก่สมาชิก เรื่องใกล้ตัวแท้ๆ :'e:31

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=8432

ออฟไลน์ นริศรา กทม

  • มือสมัครเล่น
  • **
  • ออฟไลน์
  • 13
    2
Re: “กาแฟ” ดีหรือร้ายกันแน่
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: 13/ต.ค./12 23:43น. »

อ่านแล้วเครียดจัง เป็นคนชอบดื่มกาแฟมาก คงต้องปรับวิสัยการดื่มบ้างแล้ว ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆๆ

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=8432