รูปภาพเกี่ยวข้องกับบทเพลง > มาต่อเพลงกันเถอะ
บทเพลง...และเรื่องราวของ...สุเทพ วงศ์กำแหง
จรีพร:
[ Invalid YouTube link ]
เครดิต : คุณAphirakchuchai78 และ youtube
เพลง "การคอยที่ไร้ค่า"
คำร้อง/ทำนอง : จงรัก จันทร์คณา
ผู้ขับร้อง : สุเทพ วงศ์กำแหง
ค่าแห่งการคอย ฉันรู้ดีไม่มีประโยชน์
เหมือนนักโทษรอปราณี ที่แดนประหาร
ห้วงแห่งความหวัง ดังหนึ่งห้วงทรมาน
ห้วงใจที่เคยสัมพันธ์ ยิ่งนานวันดูยิ่งจืดจาง
ค่าแห่งตัวฉัน เปรียบเหมือนใบไม้ใกล้จะเก่า
วันแสนเศร้าคือวันเธอ สลัดทิ้งขว้าง
ร่วงสู่ลานดิน คงสิ้นหวังทุกอย่าง
ต้องปลิวระดาษทั่วทาง กว่าผุพังเป็นผงธุลี
วันนั้นฉันรู้ดี ไม่มีสำหรับเรา
วันนั้นเปรียบเหมือนเงา คลุมโลกให้เป็นราตรี
วันนั้นมืดมน เกินชีพชนม์เล็ก ๆ เช่นนี้
วันนั้นฉันรู้ดี ไม่มีแม้ถึงวันตาย
ค่าแห่งความรัก จึงเหมือนดังภาพลวงมายา
ดูไร้ค่าเพียงลวงตากลางทะเลทราย
เป็นภาพของขวัญ แด่คนกระหายใกล้ตาย
หรือรอสิ้นลมหายใจ จึงเป็นวันเห็นใจจากเธอ
:'e:135 :'e:135 :'e:135
จรีพร:
[ Invalid YouTube link ]
เครดิต : คุณAphirakchuchai78 และ youtube
เพลง "ฟ้ารำลึก"
คำร้อง : อ.กวี สัตโกวิท
ทำนอง : เกษม มิลินทจินดา
ผู้ขับร้อง : สุเทพ วงศ์กำแหง
ฟ้าไสว พาหัวใจหวลเฝ้าครวญหา
เพ้อเรียกหาน้องข้า นิจจาใยเล่าเจ้าด่วนหนี
ดวงจันทร์อันสุกสกาว แสงดาวพราวพรายริบหรี่
แต่ทำไมคืนนี้ จึงขาดน้องพี่ให้พี่ชม
สิ้นสลาย รักมากลายเปลี่ยนให้อับเฉา
ทุกข์ท่วมท้นเหลือเดา รักเดียวตัวเราจึงต้องขื่นขม
เพ่งจันทร์พรายพร่าลางเลือน แสงเดือนเตือนให้สุดข่ม
อกเราต้องระบม ระทมใจหนักเพราะรักกลับกลาย
รักเอย รักเคยเชยชื่นชิดชม
สองเราเคยร่วมภิรมย์ เสพสุขสม ไยมาแหนงหน่าย
เคยสัญญา ว่ารักนี้จักไม่กลาย
จะรักแท้มิรู้หน่าย มิเสื่อมคลายจวบดินและฟ้า
ฟ้าไสว พาหัวใจหวลให้ใฝ่ฝัน
ฟ้านั้นยังมีวัน เมฆพลันลอยห่างกระจ่างเวหา
แต่เรายังสุดมืดมน ต้องทนสู้ไปจนกว่า
ฟ้าจะกรุณา ชักพาเธอกลับมากับจันทร์
:'e:135 :'e:135 :'e:135
ที่มาของเพลง "ฟ้ารำลึก"
เพลงนี้ ขับร้อง บันทึกเสียง โดย สุเทพ วงศ์กำแหง เป็นเพลงแรกที่แต่งขึ้นในชีวิต เมื่อปี พ.ศ. 2502
อ. กวี สัตโกวิท บอกว่า
“... แต่งเป็นเพลงแรก เมื่อปี พ.ศ. 2502 แต่ได้อัดเสียง เมื่อปี พ.ศ. 2504 ที่ห้องอัด อัศวินภาพยนตร์ ช่วงคุณสุเทพ วงศ์กำแหง กลับมาจากญี่ปุ่นหมาด ๆ
เพลงนี้ร่วมแต่งกับ ครูเกษม มิลินทจินดา ซึ่งเป็นเสมือนครู ผู้บุกเบิกให้ได้เรียนรู้วิธีการแต่งเพลง จากที่แต่งเพลงไม่เป็นเลย ก็รู้วิธีการจาก ครูเกษม นี่แหละ...”
"สุเทพ วงศ์กำแหง" ศิลปินแห่งชาติ เขียนถึง อ.กวี สัตโกวิท เอาไว้ใน สูจิบัตร คอนเสิร์ต ฝากฟ้า ฝากฝัน เหนือกาลเวลา ว่า...
“...ราวๆ กลางปี 2505 เห็นจะได้ พี่เกษม มิลินทจินดา พี่เอื้อยและนักแสดงรุ่นใหญ่แห่งวงการบันเทิงที่ทุกคนรู้จักดี แถมให้ความเคารพเป็นอย่างมาก ได้โทรศัพท์มาถึงผม ให้ไปอัดแผ่นเสียง ที่ท่านแต่งเอาไว้กับ นักแต่งเพลงรุ่นใหม่คนหนึ่ง ซึ่งท่านก็ไม่ได้บอกกับผมหรอกว่า นักแต่งเพลงคนนั้นคือใคร
เมื่อผมไปถึงห้องอัดเสียงของ บริษัทอัศวินการละคร ที่อยู่ในซอยนาคราช ผมก็ขึ้นไปบนชั้น 3 จนพบ
พี่เษม พร้อม ๆ กับ วงดนตรีของ พันจ่าอากาศเอก ปรีชา เมตไตรย์ (พี่ไย) ซึ่งเล่นเพลงอื่นคอยอยู่แล้ว พี่เษม ก็มอบเนื้อ เพลงฟ้ารำลึก มาให้
ผมอ่านดูเนื้อเพลงแล้ว ก็รู้สึกสงสัยนิดหน่อยเกี่ยวกับผู้แต่ง ซึ่งใช้ชื่อว่า อ.กวี สัตโกวิท เป็นชื่อที่ผมไม่เคยผ่านสายตามาเลย
“พี่เษม ครับ คุณกวี เขาเป็นอาจารย์ที่ไหนเหรอครับ”
“เขาไม่ได้เป็นอาจารย์ที่ไหนหรอก ดูเหมือนเขาจะชื่อ อุดม วรรษกวี หรืออย่างไรเนี่ยะ เขาคงเห็นมันยาว ก็เลยตัดให้มันสั้น ๆ ด้วยคำย่อ อุดม เป็น อ. เฉย ๆ” พี่เษม เฉลย
ผมก็เลยถึงบางอ้อ ในนาทีนั้นเอง
ความจริง เพลงฟ้ารำลึก เป็นเพลงใหม่ ที่คุณอุดม แต่งเป็นเพลงแรกของเขาก็ว่าได้ แต่ถ้อยคำที่เขาใช้ ในเพลง มีสัมผัสเกือบทุกท่อน อย่างไม่มีที่ติ จึงไม่น่าแปลกใจ แต่อย่างใด ที่เพลงนี้ ได้รับการตอบรับจากนักฟังเพลงดีทีเดียว...”
และ ใน สูจิบัตร คอนเสิร์ต ในบทเพลงมีนิยาย สุเทพ วงศ์กำแหง เขียนเอาไว้อีกว่า
“...ในแวดวงนักประพันธ์เพลงไทยของนักแต่งเพลงนั้น หากจะนับผู้ทำงานดีเด่นให้ประชาชนคนไทยทั้ง หกสิบกว่าล้านคน มีความสุขสดชื่น สุนทรีย์ทางอารมณ์ ก็พอมีอยู่บ้าง แต่ไม่มากจนเดินชนไหล่กัน แล้วไม่รู้ว่า ใครเป็นใคร เพราะสังคมไทย ไม่ได้กว้างขวางเกินไปนัก
ช่วงระยะเวลาหลังปี 2503 เป็นต้นมา เมื่อผมพยายามหาทางบินกลับจากญี่ปุ่นอย่างทุลักทุเล เพราะเงินหมดเกลี้ยงกระเป๋า แล้วเริ่มต้นร้องเพลงเพื่อหาชื่อเสียงที่หายไปกลับคืนมา พร้อมกับหาเงินส่งคืนไปใช้หนี้ที่ค้างคาในญี่ปุ่นจนหมด จนกระทั่งเรียกคืนชื่อเสียงที่มันหายไปในช่วงที่ผมไม่อยู่เมืองไทยกลับคืนมาจนได้ จนเป็นสุเทพ วงศ์กำแหง คนเก่า
จึงได้มีนักแต่งเพลงหน้าใหม่หลายๆ คน ดาหน้าเข้ามาแต่งเพลงป้อนให้ผมร้อง หาชื่อเสียงใหม่อีกหน ทำให้ผมได้รู้จักหน้าค่าตา นักแต่งเพลงรุ่นใหม่ รวมทั้ง อ.กวี สัตโกวิท ที่ผมจะกล่าวถึงนี้
เครดิต : หนังสือตำนานครูเพง เพลงไทยสากล ลูกกรุง โดย คีตา พญาไท
จรีพร:
[ Invalid YouTube link ]
เครดิต : คุณนฤรัตน์ เพชรบุรี และ youtube
เพลง "หากเป็นได้ดั่งฝัน"
คำร้อง/ทำนอง : ?
ผู้ขับร้อง : สุเทพ วงศ์กำแหง
หากฉันเป็นได้ดังฝัน
ขอเป็นครุฑสักวันคงดี
จะโฉบพาเธอไปฉิมพลี
เพื่อเริงโลกีย์บนวิมาน
นี่ฉันเป็นได้แค่คน
ซ้ำยังแสนยากจนเกินการณ์
หมดเดชพาเธอเยี่ยมวิมาน
ต้องทนในความผิดหวังผลาญใจ
แม้ฉันมีปีกเช่นครุฑ
จะโฉบเข้าฉุดเธอไป
ไม่ยอมให้เธอเป็นของใคร
เพราะเธอคือสุดหัวใจฉัน
แต่แล้วฉันต้องผิดหวัง
สุมความทุกข์เข้าฝังชีวัน
เป็นคนที่มีธรรมะเหมือนกัน
จึงยอมให้เธอนั้นสูญไป
:'e:135 :'e:135 :'e:135
จรีพร:
[ Invalid YouTube link ]
เครดิต : คุณ และ youtube
เพลง "เชียงรายรำลึก"
คำร้อง/ทำนอง : โกวิท เกิดศิริ
ผู้ขับร้อง : สุเทพ วงศ์กำแหง
ณ ราตรีหนึ่ง ซึ่งยังฝังใจ
เชียงรายฟ้าแจ่ม คืนนั้นวาวแวม
ด้วยแสงจันทรา นภาสดใส
ริมน้ำกกเย็น ด้วยลมพริ้วผ่าน
ซ่านซึมผิวกาย คืนนั้นเชียงราย
มีเธอและฉัน ร่วมสัมพันธ์ไม่คลาย
หนาวเย็นลมยิ่ง เราอิงซบกัน
ดวงจันทร์คล้อยต่ำ คืนนั้นยังจำ
ริมน้ำราตรี ที่มีจันทร์ฉาย
ไฉนมาลืม รักเราเคยสร้าง
ริมฝั่งเชียงราย เมื่อคืนเดือนหงาย
นิยายสวาท บาดหัวใจไม่ลืม
:'e:135 :'e:135 :'e:135
จรีพร:
[ Invalid YouTube link ]
เครดิต : คุณRose Pink และ youtube
เพลง "ขอใจให้พี่"
คำร้อง : สุนทรียา ณ เวียงกาญจน์
ทำนอง : สมาน กาญจนะผลิน
ผู้ขับร้อง : สุเทพ วงศ์กำแหง
พี่มีรักเดียวคือเจ้า
แล้วคิดบ้างหรือเปล่า ทุกวันพี่เศร้าโศกชีวี
เจ้าช่างไม่ไยดี
เจ้าทำเหมือนแกล้งให้พี่สิ้นสุขศรีชีวา
แม้เพียงวาที มิมีวาจา พาชื่นฉ่ำ
แม้แต่เพียงน้ำคำมิเคยเผยพร่ำวาจาว่าวอน
เจ้าเคยรู้บ้างหรือไม่พิษรักเป็นฉันใด
ทุรนทุรายรุ่มร้อนยิ่งความรักแคลนคลอน
เจ้ามีทั้งแง่ทั้งงอน ยิ่งสะท้อนทรวงใน
คิดกลัวนานา มิว่าใครใคร หวั่นไหวฤดี
วอนเลิกงอนกันเสียที
ขอใจให้พี่ เทิดทูนเถิดเอย
:'e:135 :'e:135 :'e:135
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version