มาดูแลสุขภาพกัน > สมุนไพรพืชอันทรงคุณประโยชน์
มะเกือสมุนไพรไทย คงได้แต่เล่าให้ลูกหลานฟัง
สุบิน:
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Diospyros mollis Griff.
ชื่อสามัญ : Ebony tree
วงศ์ : Ebenaceae
ชื่ออื่น : ผีเผา (ฉาน-ภาคเหนือ) มักเกลือ (เขมร-ตราด)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 10-30 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มกลม ลำต้นเปลา โคนต้นมักเป็นพูพอน ผิวเปลือกเป็นรอยแตกสะเก็ดเล็กๆ สีดำ เปลือกในสีเหลือง กระพี้สีขาว กิ่งอ่อนมีขนนุ่มขึ้นประปราย ใบ เป็นใบเดี่ยวขนาดเล็กรูปไข่หรือรีเรียงตัวแบบสลับ ปลายใบสอบเข้าหากัน โคนใบกลม หรือมน ผิวใบเกลี้ยง ใบกว้าง 3.5-4.0 ซม. ยาว 9-10 ซม. ใบที่ยังอ่อนจะมีขนปกคลุมทั้งสองด้าน ดอก ออกเป็นช่อตามซอกใบ ดอกแยกเพศต่างต้น ดอกตัวผู้มีขนาดเล็ก สีเหลืองอ่อน หนึ่งช่อมี 3 ดอก ดอกตัวเมียเป็นดอกเดี่ยว ลักษณะดอกเหมือนกัน คือ กลีบรองดอกยาว 0.1-0.2 ซม. โครกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วย ปลายกลีบดอกแยกเป็น 4 กลีบ สีเหลืองเรียนเวียนซ้อนทับกัน ตรงกลางดอกมีเกสร ผล กลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 ซม. ผิวเกลี้ยง ผลอ่อนสีเขียว ผลแก่สีดำ ผลแก่จัดจะแห้ง มีกลีบเลี้ยงติดบนผล 4 กลีบ ผลแก่ราวเดือนมิถุนายน-สิงหาคม เมล็ด แบน สีเหลือง 4-5 เมล็ด ขนาดกว้าง 0.5-0.7 ซม. ยาว 1-2 ซม. ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด
ส่วนที่ใช้ : ราก, ผลมะเกลือสด โตเต็มที่และสีเขียวจัด (ห้ามใช้ผลสุกสีเหลืองหรือผลสีดำ)
สรรพคุณ :
ราก - ฝนกับน้ำซาวข้าว รับประทานแก้อาเจียน แก้ลม
ผลมะเกลือสดและเขียวจัด - เป็นสมุนไพรยอดเยี่ยมที่สุดในการถ่ายพยาธิ กำจัดตัวตืด หรือไส้เดือนตัวกลม พยาธิปากขอ พยาธิเข็มหมุด
วิธีและปริมาณที่ใช้
ผลสดโตเต็มที่และเขียวจัด จำนวนผลเท่าอายุแต่ไม่เกิน 25 ผล (คนไข้อายุ 40 ปี ใช้เพียง 25 ผล) ตำใส่กะทิ คั้นเอาแต่น้ำกะทิ ช่วยกลบรสเฝื่อน ควรรับประทานขณะท้องว่าง ถ้า 3 ชั่วโมงแล้วยังไม่ถ่ายใช้ยาระบาย เช่น ดีเกลือ 2 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำดื่มตามลงไป
สารเคมี - สารกลุ่มพีนอล ชื่อ diospyrol ซึ่งถูก oxidize ง่าย
ข้อควรระวัง
ห้ามใช้ในเด็กอายุต่ำว่า 10 ขวบ หญิงตั้งครรภ์ หรือหลังคลอดใหม่ๆ และผู้ป่วยในโรคอื่นๆ
ระวังอย่าให้เกินขนาด
ถ้าเกิดอาการท้องเดินหลายๆ ครั้ง และมีอาการตามัวให้รีบพาไปพบแพทย์ด่วน
*ขอบคุณข้อมูลอินเตอร์เนต*
เฒ่าแก่:
ท่านลุงครับ มะเกือนี้ใช่มะเกือเดียวกัยที่ใส่ในกระแช่ไหมครับ
สุบิน:
--- อ้างจาก: เฒ่าแก่ ที่ 17/พ.ค./12 13:25น. ---ท่านลุงครับ มะเกือนี้ใช่มะเกือเดียวกัยที่ใส่ในกระแช่ไหมครับ
--- End quote ---
:'e:82 ไม้มะเกลือพอว่า ผลมะเกลือนี่สิ กินเยอะถ่ายท้องอันตรายนะ!
สูตรกะแช่ (น้ำตาลเมา) เมืองเพชรบุรี
ส่วนผสม
1.น้ำตาลสดๆจากต้น
2.ไม้มะเกลือ
วิธีทำ
1.นำน้ำตาลสดใส่ลงภาชนะ
2.นำไม้มะเกลือแช่งลงไปในน้ำตาลสด ปิดฝาภาชนะให้สนิท
3.หมักทิ้งไว้ 3 คืน จะได้รสชาดกำลังพอดี
ภูมิปัญญาชาวบ้าน การทำน้ำตาลเมาหรือกะแช่
น้ำตาลใสหรือน้ำตาลสดที่ได้จากการขึ้นตาลนั้น ถ้าทิ้งไว้นานเกิน 24 ชั่วโมง จะเปลี่ยนสภาพเป็นน้ำส้มสายชู ถ้านำไปต้มหรือเคี่ยว เพื่อไม่ให้บูดเสียจะเรียกว่า น้ำตาลตงุ่น
นอกจากนี้น้ำตาลใสยังนิยมทำเป็นเครื่องดื่มประเภทหมักดองผสมแอลกอฮอล์ เรียกว่า น้ำตาลเมา (Palm Wine) หรือกะแช่ หรือเบียร์ภูธร เพราะมีดีกรีใกล้เคียงกัน การทำน้ำตาลเมานี้จะใส่ในภาชนะจำพวกใหหรือกระตุ้ม ซึ่งมีขนาดความจุประมาณ 2 - 3 ลิตร เรียกกันว่า "ที่" ส่วนภาชนะสำหรับดื่มกระแช่นิยมใช้กะลามะพร้าวขัดผิวจนเป็นมันเลื่อมเรียก ว่า "หล่อ"
วิธีการทำกะแช่ ต้องใช้รากไม้ หรือกิ่งไม้จำพวกไม้มะเกลือ นำมาฝานเป็นชิ้น ๆ แล้วย่างไฟจนหอม เรียกว่า "เชื้อ" เมื่อจัดเรียงลำดับเชื้อลงในภาชนะที่เตรียมไว้แล้วจึงเติมน้ำตาลใสหรือ น้ำตาลอุ่น
ให้ท่วมเชื้อ ทิ้งไว้ประมาณ 12 ชั่วโมงจึงดื่มได้ เมื่อดื่มน้ำตาลเมาหมดแล้ว ต้องเติมน้ำตาลใสลงไปแทนที่เดิมอีก ดังนั้นการดื่มกะแช่จึงอยู่ในช่วงเวลาระหว่างตอนเช้ากับตอนเย็น กรณีดื่มกระแช่ไม่หมดที่และปล่อยทิ้งไว้เกิน 12 ชั่วโมง จะทำให้กะแช่เปลี่ยนรส กลายเป็นน้ำส้มสายชูในที่สุด
ด้วยเหตุนี้ผุ้นิยมดื่มน้ำตาลเมาจะต้องคอยเปลี่ยนที่หรือเชื้อในเวลาอันควร โดยนำเอาเปลือกหรือรากมะเกลือของเก่าออกประมาณครึ่งหนึ่ง แล้วนำของส่วนใหม่เติมลงไปเท่าเดิม กรณีจะเปลี่ยนที่ใหม่อาจต้องใช้เวลาหมักกะแช่ให้นานกว่าเดิมขึ้นไปอีกหลาย วัน ทั้งนี้เพราะการทำปฏิกริยาของน้ำตาลเมาจะยังไม่สมบูรณ์พอ
นอกจากใช้มะเกลือใส่เป็นเชื้อของกะแช่แล้ว อาจใช้สมุนไพรอื่น ๆ ได้อีก เช่น ไม้เคี่ยม ไม้มะค่า รากมะแว้ง เถาวัลย์เปรียง รากหนามพรม กาฝากต้นมะม่วง แต่นิยมกันมากคือรากมะเกลือ เพราะมีรสขมชวนรับประทาน ที่เรียกว่า "ขมหล่อม" อย่างไรก็ตาม แต่เดิมกะแช่หรือน้ำตาลเมาจัดเป็นเครื่องดื่มที่ผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติ
เครื่องดื่มประเภทมึนเมา แต่ได้พัฒนาขึ้นจนเป็นเครื่องดื่มประเภทไวน์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมในโครงการ หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์อีกด้วย
เคล็ดลับ
ถ้าจะให้น้ำตาลสดเปลี่ยนเป็นกะแช่เร็วๆให้ใส่ ปัสวะ (ที่บ้านผมเรียกว่าเยี่ยว) ลงไปด้วย 1 คืนก็จะได้กะแช่
แหล่งกะแช่ที่มีรสชาดดี (ที่เคยสัมผัสมา)
1.บ้านหนองศาลา อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี
2.บ้านถ้ำรงค์ ต.ถ้ำรงค์ อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี
3.บ้านโรงเข้ ต.โรงเข้ อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี
4.บ้านเกยชัย ต.เกยชัย จ.นครสวรรค์ ขอบคุณข้อมูลในเนต (ชิมและดื่มแล้ว ของเมืองเพชรสุดยอดครับ)
เฒ่าแก่:
เยี่ยมเลยท่านลุง
เรื่องใส่ปัสสาวะนี่ผมเห็นกับตาเลยนะครับ
แต่กระแช่บ้านผมจะหมักข้าวเหนียวนะครับ
สมัยเรียน เวลามีกีฬาสี หมักกันเป็นโอ่ง เมากันกลิ้งเลยครับ
สูตรที่ใช่น้ำตาลจากต้นก็มีครับ จะเป็นหมู่บ้านที่มีตาลเยอะๆน่ะครับ
จะหอมกว่าที่หมักจากข้าว
สุบิน:
--- อ้างจาก: เฒ่าแก่ ที่ 18/พ.ค./12 08:49น. ---เยี่ยมเลยท่านลุง
เรื่องใส่ปัสสาวะนี่ผมเห็นกับตาเลยนะครับ
แต่กระแช่บ้านผมจะหมักข้าวเหนียวนะครับ
สมัยเรียน เวลามีกีฬาสี หมักกันเป็นโอ่ง เมากันกลิ้งเลยครับ
สูตรที่ใช่น้ำตาลจากต้นก็มีครับ จะเป็นหมู่บ้านที่มีตาลเยอะๆน่ะครับ
จะหอมกว่าที่หมักจากข้าว
--- End quote ---
:'e:39 เชียงราย-เชียงใหม่ว่า"เหล้าเดือน"ภูมิปัญญาชาวบ้าน ก่อนปีใหม่(สงกรานต์)หมักข้าวเหนียวด้วยแป้งเหล้าหมัก3-7วันอย่าใส่น้ำเพิ่ม ประมาณสิบ-สิบห้าวันเติมน้ำตาลพร้อมน้ำ1 ลิตร ให้ยีสกินน้ำตาลทำปฏิกิริยากับอาหารเดิมคือข้าว อยู่ที่ 35 วันกำลังดี ถึงวันสงกรานต์พอดี เชิญเฒ่าแก่ก่อนเลย อย่าให้หมดเหลือไว้ฮื้อหนุ่มฮ่อมลำปางหนาเฮี๋ยจั๊กหน้อยเน้อ
อีกสูตร-ของกระผมเอง:ผลหม่อนครับลูกสุกๆหมักด้วยยีสส์ ต้องเลี้ยงน้ำตาลด้วย 15 วันกินได้แล้วรสเลิศ ตั้งใจชนที่นักการเมืองคุยนักหนาว่าของเขาแก้วละแสน! ของผมจะเรียกให้เท่ห์ว่า ไวน์มัลเบอรี่(ไวน์หม่อน)ครับ
ลูกหม่อนหรือผลหม่อน ฟังดูเหมือนไม่มีคุณค่าเท่าใด ถ้าพูดเป็นภาษาอังกฤษว่า “mulberry” (มัลเบอร์รี่) ฟังดูมีคุณค่าเพิ่มขึ้น ดังนั้นชาวไทยภูเขาภาคเหนือ เมื่อเก็บผลหม่อนที่ปลูกเป็นไม้ริมรั้วมาจำหน่ายให้นักท่องเที่ยวหรือชาวไทยพื้นราบจึงเรียกว่า มัลเบอร์รี่บ้าง ราสเบอร์รี่หรือบลูเบอร์รี่บ้าง แล้วแต่จะนึกได้ ขอให้ฟังดูดีขายได้ราคาก็เพียงพอแล้ว ในต่างประเทศนิยมทำอาหารและเครื่องดื่มจากผลไม้จิ๋วกลุ่มเบอร์รี่มากอีกทั้งผลไม้เหล่านี้ยังมีราคาแพง ในรัฐแคลิฟอเนียร์ ประเทศสหรัฐอเมริกามีราคาสูงถึง 800 – 1,200 บาทต่อกิโลกรัม อีกทั้งยังนิยมปลูกเป็นไม้บังลม (wind break) รอบสวนองุ่นและสวนผลไม้อื่นๆ เพื่อใช้สำหรับเป็นอาหารของนก ในเมืองบาคู (Baku) เมืองหลวงของอาเซอร์ไบจัน จะพบต้นหม่อนอย่างดาดดื่น ทั้งในสวนสาธารณะ ถนนจากในเมืองถึงชนบท ในสวนผลไม้ที่ปลูกร่วมกับผลไม้อื่นๆ :'e:37
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
Go to full version