สัพเพเหระ > เป็นนักเลงกลอนอย่านอนเปล่า

หญิงเดียวในดวงใจ

(1/1)

ชบาบาน:
จากถิ่นเกิดกันดารในบ้านป่า
มุ่งไขว่คว้าสิ่งที่มีความหมาย
เป็นอาภรณ์ประดับสำหรับกาย
เชิดเชื้อสายให้มั่นคงกว่าวงศ์วาร

สู่มหาวิทยาลัยในเมืองหลวง
เข้าตักตวงวิชามหาศาล
ไม่ท้อถอยบากบั่นขยันการ
หวังให้ผ่านศาสตร์ศิลป์ปริญญา

ความหิวโหยโบยชีพอย่างรีบร้อน
ที่หลับนอนที่กินแทบสิ้นท่า
เพราะความจนทุรนทุรายติดกายมา
แล้วเวลาความสำเร็จก็เสร็จลง

ลาแล้วเอยเมืองฟ้าขอลาก่อน
จะกลับดอนถิ่นหลังดังประสงค์
สร้างหลักฐานที่นั่นให้มั่นคง
สืบเผ่าพงศ์รากหญ้าฝ่าฟันไป

กลับถึงบ้านคลานมาหาตักแม่
คนขี้แยเจ้าเดิมเริ่มร่ำไห้
ซบตักแม่ซาบซึ้งก้นบึ้งใจ
จากแม่ไกลแล้วกลับนับว่าบุญ

ยกทูนเทิดทั้งสองมือของแม่
รอยยิ้มแผ่เปื้อนปร่าน้ำตาอุ่น
มือแห่งแม่คู่นี้มีบุญคุณ
ความการุณย์จากอกแม่ปกมา

เคยป้อนข้าวป้อนน้ำพร่ำสอนสั่ง
ตอนที่ยังอ่อนวัยไม่ประสา
จะลำบากยากใจไม่นำพา
ความเมตตาท่วมท้นทั้งต้นปลาย

ณ วันนี้ลูกมาหาแม่แล้ว
อยู่กับแก้วดวงงามเปี่ยมความหมาย
หวังกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงแม่ที่แก่กาย
จะไม่หายห่างแม่.....แม้เพียงวัน.

ชบาบาน:
ขอบคุณท่านประสิทธิ์ ที่ให้กำลังใจเสมอมา  บทต่างๆของกลอนที่กระผมนำเสนอ ส่วนมากจะเป็นบทที่กระผมเคยเขียนลงในหน้าหนังสือ
หรือนิตยสาร  หรือเวบที่เกี่ยวกะวรรณกรรมหลายเวบ ใช้นามต่างๆ เช่น "พรระวี" "ภัทรา"  หากท่านผู้อ่านเคยผ่านตา จะได้ไม่สับสนว่า
คัดลอกใครมา ขอบคุณที่ให้กำลังใจ ขอรับ

chomm:
แวะมาอ่านบทกลอนของคุณชบาบานค่ะ

ยายมดน้อย:
แวะ มาเยี่ยมชมกลอน จากนักกลอนมือ อาชีพค่ะ...ขอบคุณค่ะ

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

Go to full version