ผู้เขียน หัวข้อ: บร็อคโคลี่..ผักเมืองหนาวแสนวิเศษ  (อ่าน 1804 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ สุบิน

  • เทพ
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 2334
    646
    • อีเมล์



   บร็อกโคลี(Broccoli) เป็นผักเพื่อสุขภาพ ที่มีต้นกำเนิดมาจากอิตาลี ตั้งแต่สมัยโรมัน โดยถูกจัดให้อยู่ใน กลุ่มของผักจำพวกกำหล่ำปลี และกะหล่ำดอก เพราะมีส่วนประกอบ ที่ใกล้เคียงกันทั้งรสชาติ และปริมาณเส้นใย รวมทั้งธาตุกำมะถัน ที่มักจะมีอยู่มากในผัก ที่มีสารอาหารบำรุงสุขภาพ   

    เราสามารถรับประทานบร็อกโคลี ได้ทั้งแบบสด และนำมาประกอบ ในเมนูอาหารต่างๆ เช่น น้ำสลัด พิซซา พาสต้า สเต็ก บร็อกโคลีผัดกุ้ง ซุป ฯลฯ ซึ่งนอกจากจะให้สารอาหาร จำพวกวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี แคลเซียม โฟลิก ฟอสฟอรัส เหล็ก และไฟเบอร์ บร็อกโคลี ยังมีสรรพคุณป้องกัน และรักษาอาการโรคต่างๆ ดังนี้

มะเร็งเต้านม

ในบร็อกโคลี จะประกอบไปด้วยสารเคมี ทางธรมชาติชื่อ sulforaphane และ indoles ซึ่งมีคุณสมบัติ ในการต่อต้านมะเร็ง จากการวิจัย ของมหาวิทยาลัยจอห์นฮอบกินส์ พบว่า Sulfaraphane ช่วยลดระดับ การเผาผลาญ ฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเป็นตัวผลักดัน ให้เนื้องอกที่เต้านม จริญเติบโตขึ้น โดยพบว่า ความเสี่ยงในการพัฒนา เชื้อมะเร็งเต้านม ในหนูทดลองลดลงถึง 60 %

มะเร็งในกระเพาะอาหาร
    โดยปกติแล้ว คนที่เป็นมะเร็ง ในกระเพาะอาหาร จะเกิดจากการติดเชื้อ Helicobacteri pylori (H. pylori) ซึ่งเป็นแบคทีเรีย ที่ทำให้เกิดแผล ในกระเพาะอาหาร และอาจนำไปสู่การเป็นมะเร็ง ในกระเพาะอาหารได้ โดยสาร sulforaphane ที่อยู่ในบร็อกโคลี จะช่วยป้องกันการติดเชื้อโรค ชนิดนี้ได้

                     จากการศึกษา ของมหาวิทยาลัยซึคุบะ ประเทศญี่ปุ่น พบว่า เมื่อผู้ป่วยที่ติดเชื้อ H.pylori รับประทานบร็อกโคลีวันละ 100 กรัม(1 ออนซ์) ทำให้เชื้อ H.pylori ลดลง รวมทั้งเอ็นไซม์เพ็บซิน (pepsinogen) ซึ่งอยู่ในเลือด อันเป็นสาเหตุ ที่ทำให้กระเพาะอาหารอักเสบ ก็ลดลงด้วยเช่นกัน

    เนื่องจากในบร็อกโคลี มีสารอาหารเข้มข้นอย่าง sulforaphane สามารถป้องกันอนุมูลอิสระ ที่เข้าไปทำลายเซลล์ และทำลาย DNA ซึ่งเป็นสาเหตุ ของการเกิดมะเร็งได้

มะเร็งต่อมลูกหมาก

จากการวิจัย ของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย พบว่าในบร็อกโคลี มีสารอาหาร 3,3 -diindolylmethane หรือ DIM ซึ่งมีฤทธิ์ ช่วยต้านฮอร์โมนแอนโดรเจน ให้ยับยั้งการเจริญเติบโต ของเซลล์มะเร็ง ที่ต่อมลูกหมาก โดยปกติแล้ว ฮอร์โมนแอนโดรเจน ในเพศชายก็คล้ายๆ กับเทสโทสเตอโรน ที่มีบทบาทสำคัญ ในการพัฒนา เซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก ในระยะแรก ๆ เพราะฉะนั้น การรับประทานบร็อกโคลี ก็จะสามารถยับยั้ง การเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากได้

มะเร็งผิวหนัง

สาร Sulforaphane ที่มีอยู่อย่างมากมาย ในบร็อกโคลี มีฤทธิ์ช่วยขับสารพิษ ของเซลล์มะเร็งผิวหนัง โดยการวิจัยของ มหาวิทยาลัยจอห์นฮอบกินส์ ในสัตว์ทดลองที่ได้รับแสง UV จากการอาบแดดเป็นเวลา 20 สัปดาห์ติดต่อกัน และหลังจากนั้น ก็รักษา ด้วยการทาสารสกัด จากบร็อกโคลี ลงบนผิวหนังเป็นเวลา 11 สัปดาห์ พบว่า บร็อกโคลีสกัด ทำให้เซลล์ผิวหนัง ที่กำลังจะตอบสนอง ต่อการเกิดมะเร็งมีปริมาณลดลง

บร็อคโคลีป้องกันหัวใจได้จริงหรือ
    แม้ว่าบร็อกโคลี จะเป็นพืช แต่มันมากด้วยประโยชน์ ที่จะส่งผลให้ อัตราการเกิดโรคหัวใจลดลง ซึ่งจากการศึกษาเกี่ยวกับ meta-analysis ในกลุ่มทดลองจำนวน 100,000 คน ซึ่งรับประทานบร็อกโคลี ที่อุดมไปด้วยflavonoids เป็นประจำ พบว่าอัตราความเสี่ยง ในการเกิด โรคหัวใจลดลง 20% เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้รับสารอาหาร จำพวกflavonoids

    นอกจากนี้ จากการศึกษาของ University of Saskatchewan ในหนูทดลอง ที่มีระดับความดันโลหิตสูง และเกิดการอุดตันของเส้นโลหิต เมื่อกินอาหาร ที่ประกอบไปด้วยบร็อกโคลีแล้ว พบว่ามีการสร้างเนื้อเยื่อ เพื่อป้องกันอนุมูลอิสระ การอักเสบของหัวใจลดลง รวมทั้งความดันโลหิต ก็ลดลงด้วย

บร็อคโคลีเพื่อสายตา

ใบผักใบเขียว จะประกอบไปด้วยสารอาหาร ที่อยู่ในกลุ่มของแคโรทีน โดยบร็อกโคลี ก็เป็นหนึ่งในนั้น และยังมีแคโรทีน ชื่อว่า lutein และ zeaxanthin ซึ่งมีความจำเป็น ต่อร่างกายที่จะนำไปใช้ เพื่อบำรุงสายตา จากการศึกษา ในกลุ่มคนที่กินบร็อกโคลี มากกว่า 2 ครั้ง ต่อสัปดาห์ พบว่าความเสี่ยง ในการเกิดต้อกระจกลดลง 23% เมื่อเทียบกับคน ที่กินผักน้อยกว่า 1 ครั้ง ต่อเดือน

ป้องกันการผิดปกติของเด็กแรกเกิด
    เมื่อคุณแม่อยู่ ในระยะตั้งครรภ์ สารอาหาร ที่จำเป็นอีกอย่างหนึ่ง ต่อลูกน้อยคือ กรดโฟลิก ซึ่งมีอยู่มาก ในบร็อกโคลี โดยในบร็อกโคลี 1 ถ้วยจะมีปริมาณกรดโฟลิกถึง 94 ไมโครกรัม รวมทั้งวิตามินบี

                โดยกรดโฟลิก และวิตามินบี เป็นสารอาหาร ที่จำเป็นต่อการสังเคราะห์ DNA ของทารกในครรภ์ หากคุณแม่ขาดสารอาหารนี้ไป จะทำให้ระบบประสาท ของเซลล์แบ่งตัวอย่างไม่สมบูรณ์ นำไปสู่อาการผิดปกติ ของเด็กแรกเกิด ในกลุ่มอาการท่อระบบประสาทบกพร่อง เช่น โรคพิการทางสมองspina bifida (อาการเยื่อหุ้มไขสันหลังปิดไม่สนิท เด็กอาจเติบโตขึ้นมา พร้อมอาการอัมพาต ไม่สามารถควบคุมการขับถ่าย ทั้งถ่ายหนักและถ่ายเบา)


    แหล่งที่มา : www.thaipaipan.net



+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=6137

ออฟไลน์ chomm

  • เทพ
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 1688
    731
Re: บร็อคโคลี่..ผักเมืองหนาวแสนวิเศษ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 05/มี.ค./12 08:31น. »

ประโยชน์มากมายเลยนะคะคุณสุบิน  ต้องพยายามทานให้มากขึ้นแล้วล่ะค่ะ

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=6137