ผู้เขียน หัวข้อ: เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ตัดแปะโดย เจ เหน่งบา ๘.พังแป้นคือ...  (อ่าน 2158 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ภูฤดี

  • MOD1
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 387
    380
  • เพศ: ชาย
  • ภูผาจิต


เข้าใจว่าสมาชิกในเว็บเรา(ประมาณการจากอายุ...  :'e:37) คงรู้จักคำว่าพังแป้น และพอทราบความหมาย
ว่าใช้เชิงเปรียบเทียบกับอะไร  แต่พังแป้นเป็นใคร อ่านเจอในหนังสือ ช้างในชีวิตของผม งานเขียนของ
ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปรา่โมช
  ก็เลยเอามาเล่าสู่กันฟังครับ


'.....ผู้ที่ถูกกระทบกระเืทือนจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.๒๔๗๕ มากที่สุด ก็เห็นจะได้แก่ช้างหลวง
ซึ่งยืนโรงอยู่ที่หลังโบสถ์วัดพระแก้ววังหน้านั่นเอง

     พังแป้นเป็นช้างหลวงซึ่งขึ้นระวางมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์  เมื่อถึงปี ๒๔๗๔ นั้น
มีอายุร้อยปีเศษแล้ว และเป็นที่นิยมนับถือของประชาชนทั่วทั้งกรุงเทพฯ  ใครมีลูกอ่อนแอไม่แข็งแรง
ก็เอาไปลอดใต้ท้องพังแป้น และให้พังแป้นเอางวงลูบไล้ตามเนื้อตัว  บางทีพังแป้นก็เอางวงดูดน้ำแล้วพรมน้ำมนต์ให้  
เด็กนั้นก็มักจะหายไข้เจ็บเลี้ยงง่ายและแข็งแรงดีต่อไป

     พังแป้นเป็นช้างรักเด็ก  เด็กเข้าไปเล่นด้วยได้อย่างใกล้ชิดเสมอ ผมเองตกบ่ายกลับจากโรงเรียน ก็มักจะไถล
แวะเข้าไปเล่นกับพังแป้นอยู่บ่อยๆ สู้อุตส่าห์เก็บค่าขนมไว้ซื้ออ้อยให้พังแป้นก็เคยทำ

     เมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว  รัฐบาลพระยาพหลพลพยุหเสนา ก็มีคำสั่งให้เอาช้างหลวงทั้งปวง
รวมทั้งพังแป้นออกไปทำงานป่าไม้ในต่างจังหวัด

     เมื่อช้างซึ่งมีอายุถึงร้อยปีเศษต้องรับเคราะห์กรรมอย่างนั้น ความทารุณของระบอบประชาธิปไตย
ก็ประจักษ์แก่คนทั้งปวง

     สิทธิและเสรีภาพได้เกิดขึ้นแล้ว  ความเสมอภาคได้เกิดขึ้นแล้ว
     แต่ความเมตตากรุณานั้นหายไป
 
     เมื่อถึงวันที่จะต้องออกจากพระนคร  พังแป้นก็เดินออกจากโรงมุ่งหน้าไปยังจังหวัดนนทบุรี
พังแป้นเดินไปก็ร้องไห้ไป  น้ำตาไหลอาบหน้า

     แต่พังแป้นก็มิได้ขัดขืน เพราะพังแป้นคงจะมีชีวิตอยู่มานานพอที่จะเข้าใจได้ว่า
ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกาลตามสมัย

     แต่ที่เขตจังหวัดพระนครนั้นมีประชาชนชาวกรุงเทพฯ ไปรอส่งพังแป้นอยู่เนืองแน่น
พอพังแป้นไปถึง ประชาชนก็เข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังด้วยความสงสารและความอาลัย

     พ้งแป้นก็ร้องไห้ร่ำลาประชาชน  เอางวงจับมือจับแขนคนที่เข้าไปหา หรือมิฉะนั้น
ก็เอางวงโอบหลังกอดรัดแสดงความอาลัย

     ประชาชนเห็นดังนั้นก็เกิดเข้าใจในสิทธิตามระบอบประชาธิปไตยของตนขึ้นมาเฉยๆ
     คือสิทธิืที่จะแสดงความเมตตากรุณาต่อสิ่งที่ตนรัก
     และสิทธิที่จะแสดงประชามติกำหนดการให้เป็นไปตามใจตน โดยไม่ต้องคำนึงว่า
พระยาพหลฯ หรือรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นลูกของพระยาพหลฯ นั้น จะสั่งว่าอย่างไร

     เมื่อรู้ดังนั้นแล้ว  ประชาชนก็เข้ากั้นขวางพังแป้นไว้ มิให้ออกไปจากกรุงเทพฯ
พัีงแป้นก็หยุดอยู่เพียงแค่นั้น

     รัฐบาลพระยาพหลฯ ได้ทราบถึงประชามติอันรุนแรงของประชาชนนี้เข้า ก็เปลี่ยนความคิด
และถอนคำสั่ง  อนุญาตให้นำตัวพังแป้นกลับเข้ามายืนโ๋รงต่อไปตามเ่คย

     พังแป้นก็อยู่ในกรุงเทพฯ ต่อมาจนสิ้นอายุขัย  มาล้มเอาเมื่อระหว่างสงคราม
มหาเอเชียบูรพานี้เอง

     เพราะตอนนั้นดูเหมือนหญ้าที่จะเลี้ยงช้างขาดแคลน  เนื่องจากการคมนาคม
ขนส่งไม่สะดวก  เจ้าพนักงานต้องเอาทางมะพร้าวให้ช้างหลวงกิน
 
     พังแป้นผู้ซึ่งสูงอายุอยู่แล้ว ต้องกินทางมะพร้าวเป็นอาหารทุกวัน ก็ท้องผูกทนไม่ได้
มาล้มเอาตอนนั้น  ดูเหมือนจะอายุร้อยห้าสิบปีเศษ....'

    


+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=5590
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31/ม.ค./12 22:06น. โดย เจ เหน่งบา »
....รักสูญสิ้น ภิณฑ์พรากจากเหน่งบา....

ออฟไลน์ เฒ่าแก่

  • VIP
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 777
    238
  • เพศ: ชาย
  • ขอพักใจด้วยครับ

ข่าวแว่วๆมาว่า น้ำหนัก คุณเจก็ไม่น้อยหน้าพังแนนี่ครับ

555

แซวเล่นนะครับ

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=5590

ออฟไลน์ ฉัตรเจริญ

  • MOD
  • *
  • ออฟไลน์
  • 2921
    13465
  • เพศ: ชาย
    • อีเมล์

อ่านแล้วถ้าผ่านไปเฉยๆก็ไม่เป็นไร   แต่เราเป็นคนคิดนิดหน่อย  อ่านแล้วก็ได้แต่ถอนใจ   สักวันเมื่อเราไร้ค่าใครหนาจะอุ้มชู
       หมายเหตุ " เฒ่าแก่ "แน่ใจหรือว่าคุณเจ  จะขนาดนั้น  ผิดไปมั้ง

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=5590