สัพเพเหระ > รูปภาพสวยๆ แปลกๆ เอามาโชว์ครับ
จิตรกรชั้นครู จอตโต ดี บอนโดเน (Giotto di Bondone)
โชค นรา:
ขอบคุณท่านทนายมากมายครับที่นำสาระมาให้อย่างต่อเนื่อง บางทีผมอาจก๊อปผลงานของท่านเพื่อทำเป็นสื่อในการสอนเด็กคงไม่ว่ากันนะครับ แบบมาเจอที่นี่ไม่ต้องไปค้นหาที่ไหนอีก :'e:39 .. อาจเอาเปรียบท่านสักนิด ขอบคุณครับ :'e:92
ทนาย:
ตามสะดวกเลยครับ ถ้าเห็นว่ามีประโยชน์ ผมกลัวอย่างเดียว กลัวจะได้ข้อมูลที่ผมแปลผิดแปลเพี้ยนไปด้วย แล้วอย่าว่ากันครับ :'e:39
ชื่อภาพ - พระแม่และพระบุตร
จิตรกร - จ็อตโต ดิ บอนโดเน และ ชิมาบูเอ (อาจารย์ของจ็อตโต)
ปีที่วาด - ประมาณ 1300
ภาพลงทองบนแผ่นไม้ ขนาด 68 x 47 ซม.
ปัจจุบันเก็บรักษาที่ พิพิธภัณฑ์แห่งซานตา เวอร์เดียนา กัสเตลฟิออเรนติโน อิตาลี
ทนาย:
ชื่อภาพ - ล้อมรอบด้วยเหล่านักบุญสตรี
จิตรกร - จ็อตโต ดิ บอนโดเน
ปีที่วาด - ราวๆ ปี 1300
ภาพลงทองบนแผ่นไม้ ขนาด 68 x 47 ซม.
ปัจจุบันเก็บรักษาที่ พิพิธภัณฑ์แห่งซานตา เวอร์เดียนา กัสเตลฟิออเรนติโน อิตาลี
ทนาย:
ก่อนจะมาดูงานของจ็อตโต ดี บอนโดเน ชิ้นต่อไป เรามารู้จักสถานที่ประดิษฐานงานของเขากันก่อน จะได้พอเป็นแนวในการดูงานศิลปะคลาสสิค ที่มาที่ไปของผลงานของจิตรกรท่านนี้
ชาเปลสโครเวนยี หรือ ชาเปลอารีนา (อิตาลี: Cappella degli Scrovegni, อังกฤษ: Scrovegni Chapel หรือ Arena Chapel) เป็นชาเปล(โบสถ์)ของนิกายโรมันคาทอลิกที่ตั้งอยู่ที่เมืองปาดัวในประเทศอิตาลี สถาปัตยกรรมที่เห็นอยู่ในปัจจุบันเป็นแบบโรมานเนสก์ กอธิค ฟื้นฟูศิลปวิทยา บาโรก
ชาเปลสโครเวนยีมีจิตรกรรมฝาผนังที่เขียนโดยจอตโต ดี บอนโดเนที่เขียนเสร็จในปี ค.ศ. 1305 ที่เป็นงานศิลปะชิ้นเอกที่มีความสำคัญที่สุดในศิลปะตะวันตก ชาเปลอุทิศให้ “พระแม่มารีคาริตา” (Santa Maria della Carità) ในโอกาสการสมโภชน์การประกาศของเทพในปี ค.ศ. 1305 จิตรกรรมฝาผนังของจอตโตเป็นภาพชีวิตของพระแม่มารีเพื่อฉลองบทบาทในการไถ่บาปให้แก่มนุษยชาติของพระองค์ ชาเปลรู้จักกันอีกชื่อหนึ่งว่า “ชาเปลอารีนา” เพราะก่อตั้งบนที่ดินที่ซื้อโดยเอ็นริโค เดกลิ สโครเวนยีที่ติดกับโรงละครโรมัน (Amphitheatre) ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ในการแห่ฉลองการสมโภชน์การประกาศของเทพมาเป็นเวลานานก่อนที่จะมาสร้างชาเปลแล้ว ในโอกาสวันอุทิศมาร์เคตโตดาปาโดวาก็ประพันธ์บทสรรเสริญ (Motet) เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ค.ศ. 1305
เอ็นริโค เดกลิ สโครเวนยีผู้มีอาชีพให้ยืมเงินเป็นผู้สั่งให้สร้างชาเปลส่วนตัวนี้ติดกับคฤหาสน์ของครอบครัวในบริเวณที่ดินที่กว้างขวาง กล่าวกันว่าเอ็นริโคสร้างชาเปลนี้เพื่อแก้บาปให้บิดา เรจินาลโด เดกลิ สโครเวนยีบิดาของสโครเวนยีเป็นคนขูดเลือด (usurer) ที่ดังเต้กล่าวถึงว่าเป็นลำดับหนึ่งในเจ็ดลำดับของ “โทษภูมิ” ในมหากาพย์ “ไตรภูมิดังเต้” แต่จากการค้นคว้าศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ก็พบว่าเอ็นริโคเองก็คิดดอกเบี้ยแบบขูดเลือดขูดเนื้อ ฉะนั้นการสร้างชาเปลจึงอาจจะเป็นการแก้บาปของตนเองก็เป็นได้ อนุสรณ์ของเอ็นริโคอยู่ในบริเวณมุขตะวันออกของชาเปล และภาพของเอ็นริโคปรากฏในภาพ “การตัดสินครั้งสุดท้าย” ในการถวายชาเปลจำลองแก่พระแม่มารี
แม้ว่าจะเป็นชาเปลส่วนตัวของตระกูลแต่ก็ใช้ในโอกาสการฉลองการประกาศของเทพสำหรับสาธารณชนด้วย
นอกจากจะมีงานจิตรกรรมของจอตโตแล้วชาเปลก็ไม่มีสิ่งตกแต่งอื่นใด มีเพดานเป็นแบบเพดานโค้งประทุน ภาพ “การตัดสินครั้งสุดท้าย” เขียนบนผนังด้านในเหนือประตูทางเข้าทั้งผนัง แต่ละผนังจัดเป็นสามระดับของกลุ่มจิตรกรรม แต่ละระดับมีที่กว้างพอสำหรับภาพสี่ภาพที่แต่ละภาพกว้างสองตารางเมตร ด้านที่หันไปทางแท่นบูชาเริ่มเรื่องจากตอนบนขวาของผนังที่เป็นฉากชีวิตของพระแม่มารีที่รวมทั้งการประกาศของเทพแก่พระมารดาถึงการกำเนิดของพระองค์ และการนำพระองค์เข้าวัดเป็นครั้งแรก เรื่องดำเนินต่อไปจนถึงการประสูติของพระเยซู, ความทุกข์ทรมานของพระเยซู และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่ทรงถูกตรึงกางเขน สิ่งที่มีลักษณะเด่นของจิตรกรรมชุดนี้คือการแสดงอารมณ์อันรุนแรงของภาพ, ลักษณะตัวแบบ และ ความเป็นธรรมชาติ จอตโตแยกภาพจากกันโดยการวาดสิ่งตกแต่งทางสถาปัตยกรรมเป็นภาพหินอ่อนและคูหา
ลุงกบ:
เห็นสีที่ใช้ลงวาด ทำไมถึงได้ยังสวย อยู่ได้เป็น ร้อยๆปี ไม่รู้้มีส่วนผสมของอะไร สีที่ซื้อมาทาบ้านเรา ทำไมไม่กี่ปีต้องทาใหม่ ขอบคุณมากครับ ที่นำประวัติศาสตร์ อันทรงคุณค่ามานำเสนอ
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version