สัพเพเหระ > รูปภาพสวยๆ แปลกๆ เอามาโชว์ครับ
ภาพจิตรกรรม ฝีมือ เลโอนาโด ดา วินชี
ทนาย:
แม้ว่าจะมีผลงานทางศิลปะไม่มากนัก แต่ทุกชิ้นก็เพียงพอต่อการยกย่องว่าเขาคือศิลปินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของโลกเท่าที่โลกมี นอกจากนี้ เขายังได้รับการกล่าวขวัญ ในฐานะนักประดิษฐ์นักค้นคว้าคนสำคัญอีกด้วย แม่ว่าสิ่งประดิษฐ์และการค้นคว้าส่วนมากจะประสบความสำเร็จเล็กน้อย แต่สิ่งเหล่านี้เขาก็ได้ทำได้คิด ในขณะที่คนร่วมสมัยไม่เคยคิดกัน จากหลักฐานสมุดบันทึกและภาพร่างด้วยหมึกกับดินสอ ซึ่งเคยสูญหายไปนานและเพิ่งค้นพบเมื่อปี ค.ศ. 1960 ที่เมืองมาดริด แสดงให้เห็นความสนใจในวิทยาการวิทยาศาสตร์อย่างกว้างขวางและลึกซึ้ง
เลโอนาร์โดอาจไม่ใช่นักคิดตามแนววิทยาศาสตร์คนแรกๆ ของโลก แม้ไม่ได้เป็นผู้กำหนดแนวทางให้แก่วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ก็ตาม อย่างน้อยเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้การกำเนิดวิธีการศึกษา ที่สำคัญยิ่งแบบหนึ่ง นั่นคือ การศึกษาด้วยวิธีวาดภาพ อันเป็นวิธีการศึกษาและแนวทางการถ่ายทอด จินตนาการด้วยการวาดภาพ ซึ่งในปัจจุบันเป็นที่ยอมรับว่ามีความสำคัญมากวิธีหนึ่ง
เลโอนาร์โดพำนักอยู่ที่ฟลอเรนซ์จนถึงปี ค.ศ. 1508 จากนั้นผู้ครองนครมิลานคนใหม่ ซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศส และมีความนิยมยกย่องความสามารถของเขาได้เชื้อเชิญให้กลับเข้า รับราชการในมิลานตามเดิม ประกอบกับเวลานั้นเลโอนาร์โดใช้ชีวิตอยู่ในฟอร์เรนซ์ อย่างไม่เป็นหลักแหล่งและไม่มีงานถาวร จึงตอบรับคำเชิญนี้ ตลอดระยะเวลา การเข้าทำงานในมิลานนี้ครั้งที่สอง ผลงานส่วนใหญ่ที่ได้ทุ่มเทศึกษาค้นคว้า เป็นเรื่อง เกี่ยวข้องกับวิชาการทางด้านวิทยาศาสตร์เสียเป็นส่วนมาก งานชิ้นสำคัญที่เป็นหลัก เป็นฐานได้แก่การออกแบบก่อสร้างคลองส่งน้ำ ซึ่งเขากับฟรานเชสโก เมลชี่ ศิษย์คนสนิท ร่วมมือกัน
ครั้นพอย่างเข้าปี ค.ศ. 1513 เลโอนาร์โดบังเกิดความเบื่อหน่าย ในการทำงานในราชสำนักมิลาน อีกทั้งคงต้องการแสวงหาผู้อุปถัมภ์ให้งานขนาดใหญ่ทำ ในระยะเวลานั้น โอรสองค์หนึ่งของเจ้าชายโรเรนโซ เด เมดิชี่ ซึ่งได้ออกบวช มาตั้งแต่ยังเยาว์ ต่อมาได้รับสถาปนาเป็นสันตะปาปา ทรงพระนามว่า เลโอที่ 10 พระองค์ทรงได้ชื่อว่าเป็นผู้สนับสนุนส่งเสริมศิลปะวิทยาคนสำคัญ เลโอนาร์โดได้ทราบ จึงออกเดินทางออกจากมิลานไปยังโรมเพื่อขอเข้าเฝ้า โดยตั้งความหวังไว้ว่า อาจได้รับ มอบหมายให้ทำงานสำคัญสักชิ้น แต่แล้วก็ต้องทูลลากลับด้วยความผิดหวัง เพราะองค์ สันตะปาปาไม่ได้แลเห็นความมีอัจฉริยะภาพของเขาเลย เขาเดินทางกลับเข้าในมิลาน ตามเดิมเรื่อยมาจนถึงปี ค.ศ. 1516
จากนั้นพระเจ้าฟรานซิสที่ 1 แห่งฝรั่งเศส จึงได้ เชื้อชิญให้เดินทางไปทำงานในราชสำนักของพระองค์ ณ สถานที่แห่งใหม่นี้ แม้ว่าเขาจะสุขกายและได้รับเกียรติยศพอสมควร แต่ยังคงไม่สบายใจเท่าไรนัก ยิ่งกว่านั้น ในชีวิตปัจฉิมวัย นอกจากจะมีจิตใจอันหงอยเหงาแล้วสุขภาพยังเสื่อมโทรม มือและเท้าเป็นอัมพาต เขาได้ถึงแก่กรรมอย่างสงบเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1519 สิริรวมอายุได้ 69 ปี ที่ปราสาทคลูซ์ เมืองอัมบัวส์ ประเทศฝรั่งเศส โดยปราศจากผลงานและความคิดใดๆ ที่พอจะกล่าวได้ว่า มีผลอิทธิพลต่อวงการศิลปกรรมหรือวงการศิลปกรรมหรือวงการอื่นๆ ของฝรั่งเศส ถึงอย่างไรก็ตาม เขายังคงหลงเหลือสมบัติที่ได้มอบให้แก่ประเทศฝรั่งเศส แม้ว่าจะมีเพียงเล็กน้อย แต่ก็ทรงคุณค่ามหาศาล อาทิเช่น ภาพจิตรกรรมชื่อโมนา ลิซ่า ภาพเซนต์จอห์น เดอะแบบติสท์ ภาพแม่พระ พระเยซู และเซนต์แอนน์ ฯลฯ เป็นต้น ผลงานเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เขารักและหวงแหน ถึงขนาดนำติดตัวหอบหิ้วยามต้อง ระเหเร่ร่อน อยู่เสมอ เมลซี่ ศิษย์คนสนิทของผู้ติดตามเขานานปี ได้จารึกคำไว้อาลัยว่า “ มรณกรรมของเขาเป็นสิ่งเศร้าสำหรับคนทุกคน ดูเหมือนว่า การที่จะสร้างคนเช่นนี้ขึ้นมาได้ ดูออกจะเป็นสิ่งนอกเหนือไปจากอำนาจของธรรมชาติ”
เลโอนาร์โดเป็นคนมีใบหน้าคมคายและรูปร่างสง่างาม แม้จะเป็นผู้มีบุคลิกภาพค่อนข้าง จะขี้อาย แต่ก็เป็นคนมีวาจาหลักแหลม เขาถนัดมือซ้าย ชอบเขียนหนังสือด้วยวิธี พลิกแพลง โดยเริ่มต้นเขียนจากด้านขวามาซ้าย และเขียนตัวกลับเวลาต้องการอ่าน ต้องใช้กระจกเงาส่อง จากนั้นจึงอ่านในกระจกอีกทีหนึ่ง ชอบใช้ชีวิตอย่างสำรวยหรูหรา ชอบแต่งกายนำสมัยไม่ซ้ำแบบใคร บูชาการดนตรี ชอบขี่ม้า และรักสัตว์เป็นชีวิตจิตใจ เล่ากันว่า เขามักจะซื้อนกมาปล่อยให้เป็นอิสระอยู่เนืองๆ เขาไม่บริโภคเนื้อสัตว์ เกลียด งานประติมากรรมซ้ำยังดูถูกหาว่าเป็นงานต่ำต้อย เพราะต้องการใช้แรงงาน มากกว่าสมอง เขาอยู่เป็นโสดจนตลอดชีวิต
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version