ความเชื่อ คำสอนในศาสนา ปรัชญาในการดำรงชีวิต แม้กระทั่งพิธีกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับศาสนา เข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตประจำวันของพวกเรา
ตั้งแต่เกิดยันตาย เข้าไปแทรกซึมอยู่ในสังคมทุกระบบ ทุกชนชั้น แม้แต่วงการเพลงก็ไม่มีการยกเว้น ไม่ว่าจะศาสนาไหน ก็จะมีปรัชญาคำสอนใน
ศาสนานั้นๆ แทรกไว้เป็นคติ เป็นความเชื่ออยู่ด้วยเสมอ มีคำกล่าวว่า เมื่อมีทุกข์ คนมักหันไปพึ่งคำสอนในศาสนาเพื่อบรรเทาทุกข์ ความร้อนรนในจิตใจ
ต้องยอมรับว่าแรงบรรดาลใจของนักประพันธ์เพลง ก็มีความทุกข์เป็นตัวผลักดันให้สื่อฯ สิ่งนี้ออกมาในบทเพลง ผิดหวังก็เป็นทุกข์ เช่น เพลงผิดทางรัก
รักพี่มีบาป, รักต้องห้าม ฯลฯ หรือเป็นเพลงสื่อฯ ออกมาว่าผู้ร้องอยู่ในอารมณ์รักที่ไม่แน่นอนกับความสมหวัง ก็เป็นทุกข์ เช่น อีแมะ (อิสลาม) พระอินทร์เจ้าขา, ยมบาลเจ้าขา เป็นต้น
จะมีบ้างที่สื่อฯ ออกมาเป็นคำสอนโดยตรงแสดงความศรัทธา หรือกระตุ้นให้ผู้ฟังได้ตรึกได้คิดถึงคำสอนในศาสนา หรือเรื่องบาป บุญ คุณ โทษ
ตามวัตถุประสงค์ที่นักประพันธ์ต้องการสื่อฯ นั้นเอง เช่น เพลงพระรัตนตรัย, องคุลีมาล, หนี้กรรม, ทำบุญด้วยอะไร เป็นต้น
ทั้งนี้คำว่าความเชื่อนั้น ก็จะรวมไปถึงเรื่องเทพ ภูต ผี ปีศาจ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ทางพระท่านถือว่าเป็นหนึ่งในทิฏฐิ คือ เชื่อว่า โลกนี้มี โลกหน้ามีนั่นเอง
แต่ก็ไม่ต้องไปวิจารณ์ละเอียดอะไรกันอย่างนั้น เราก็แค่อยากจะดู อยากจะรวบรวมว่า ครูเพลงในยุคก่อน ท่านแทรกปรัชญาทางศาสนาต่างๆ เข้าไว้ใน
บทเพลงอย่างไร จึงทำบทเพลงสื่อฯ ออกมาได้ไพเราะทั้งเนื้อร้องและทำนองเพลง
ดังนั้น ผมขอพื้นที่กระทู้ไว้นิดนึงครับ เพื่อศึกษาลีลาการแทรกคำสอน ความเชื่อลงไปในบทเพลงของครูเพล่งยุคเก่า
เริ่มต้นด้วยบทไหว้ครูก่อนครับ
พระรัตนตรัย - สุเทพ วงศ์กำแหง
คำร้อง - ชาลี อินทรวิจิตร
ทำนอง - สมาน กาญจนผลิน
คำร้อง - ชาลี อินทรวิจิตร
ทำนอง - สมาน กาญจนผลิน
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิฯ | |
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิฯ | |
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิฯ | |
องค์ใดพระสัมพุท | -ธ วิสุทธิ์ ผุดผ่องใส |
ตัดมูลกิเลสไกล | หลีกละในสิ่งเริงรมย์ |
ธรรมใด ท่านตรัสแล้ว | เหมือนดวงแก้ว น่าชื่นชม |
สัตว์โลก ที่โศรกตรม | ดับระทม ด้วยพระธรรม |
ฮา...ฮา...ฮา...ฮา | ฮา... ฮา... ฮา... ฮา |
ธรรมนั้น พวกท่านทั้งหลาย | จงเปล่งวาจา ว่า สาธุสะ (สาธุ) |
ภาวนา ดุจสรณะ | คือพระ รัตนตรัย |