หนังกลางแปลง > ภาพยนตร์ในอดีต

เพชรา เชาวราษฎร์

(1/7) > >>

เซี๊ยะ(นพดล):


"เพชรา เชาวราษฎร์" (เกิด 19 มกราคม พ.ศ. 2486) ชื่อเล่น อี๊ด ชื่อจริงว่า เอก เชาวราษฎร์
นักแสดงภาพยนตร์เจ้าของฉายา นางเอกนัยน์ตาหยาดน้ำผึ้ง มีผลงานแสดงประมาณ 300 เรื่อง ระหว่าง พ.ศ. 2505 ถึง 2521
บทบาทการแสดงของเธอมีความหลากหลาย บางเรื่องแสดงเป็นเจ้าหญิง บางเรื่องแสดงเป็นขอทาน บางเรื่องเป็นเด็กแก่นแก้ว
นอกจากภาพยนตร์ไทยแล้วยังได้แสดงหนังจีนจากไต้หวัน(แนวกำลังภายใน)


เซี๊ยะ(นพดล):



ประวัติ

วัยเด็กเพชราเกิดที่จังหวัดระยอง เป็นบุตรคนที่ 4 จากพี่น้องทั้งหมด 7 คน เมื่ออายุ 15 ปี ได้เข้ามาเรียนหนังสือที่กรุงเทพ
พักอาศัยอยู่กับพี่สาวและพี่เขย และช่วยงานที่ร้านเสริมสวยของน้องสาวพี่เขย เธอได้รับการชักชวนให้เข้าประกวดเทพธิดาเมษาฮาวาย
ประจำปีพ.ศ. 2504 จัดโดยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ใช้ชื่อในการประกวดว่า ปัทมา ชาวราษฎร์ ได้ตำแหน่งชนะเลิศ




เซี๊ยะ(นพดล):

เข้าสู่วงการ

"บันทึกรักพิมพ์ฉวี" (2505)เธอได้รับการชักชวนจากศิริ ศิริจินดา และดอกดิน กัญญามาลย์ ให้แสดงภาพยนตร์เรื่อง บันทึกรักของพิมพ์ฉวี เมื่อ พ.ศ. 2505 เป็นเรื่องแรก ขณะอายุ 19 ปี แสดงคู่กับ มิตร ชัยบัญชา โดยดอกดิน กัญญามาลย์ เป็นผู้ตั้งชื่อว่า เพชรา ให้

เพชรา เชาวราษฎร์ แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวจากภาพยนตร์เรื่องที่สอง เรื่อง ดอกแก้ว ตามด้วย หนึ่งในทรวง, อ้อมอกสวรรค์ และได้แสดงคู่กับมิตร ชัยบัญชา รับบทคู่รักในภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง เป็นที่ชื่นชอบของแฟนภาพยนตร์ เรียกว่า คู่ขวัญ มิตร-เพชรา ในยุคที่เธอโด่งดังมาก ๆ แต่ละเดือนมีคิวถ่ายหนังประมาณ 12-18 เรื่อง แต่ละวันต้องถ่ายทำภาพยนตร์วันละ 3-4 เรื่อง ในปี พ.ศ. 2508 เพชราเข้ารับพระราชทานรางวัลตุ๊กตาทอง จากพระหัตถ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดของเธอ เจ้าตัวเคยบอกไว้ว่า... “เป็นความประทับใจ เป็นความภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต และจะไม่มีวันลืม ตราบที่ยังมีลมหายใจ” จากบทบาทภาพยนตร์เรื่อง นกน้อย

 
คู่ขวัญ มิตร-เพชราหลังจากมิตร ชัยบัญชาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในการถ่ายภาพยนตร์เรื่อง อินทรีทอง เพชราก็ยังรับบทนางเอกภาพยนตร์ต่อเนื่องมาอีกหลายปี คู่กับ สมบัติ เมทะนี, ไชยา สุริยัน, ลือชัย นฤนาท และพระเอกใหม่ ครรชิต ขวัญประชา, นาท ภูวนัย, ยอดชาย เมฆสุวรรณ, กรุง ศรีวิไล

เพชราเคยต้องเผชิญกับวิกฤตการเงินครั้งใหญ่ เมื่อถูกกรมสรรพากรเล่นงานเรื่องภาษีถึงขั้นฟ้องล้มละลาย จนต้องเลหลังขายบ้าน แต่ในตอนนั้นทั้งชรินทร์ นันทนาครทำหนังใหม่เรื่อง เพลงรักดอกไม้บาน นำแสดงโดยนันทิดา แก้วบัวสาย เมื่อหนังออกฉายก็พอมีเงินใช้หนี้ และได้เข้าเจรจากับกรมสรรพากรขอส่งตามที่มี แต่บางครั้งเมื่อขาดส่งทีไรหนังสือพิมพ์ก็มักลงข่าวว่า "เพชราโกงภาษี" ทุกที


เซี๊ยะ(นพดล):
โลกแห่งความมืด

ประมาณ พ.ศ. 2515 เธอเริ่มมีปัญหาเรื่องสายตา เนื่องจากในการถ่ายภาพยนตร์ต้องใช้แสงไฟสว่างจ้า ใช้เวลารักษาอยู่หลายปี จนกระทั่งตาบอดสนิททั้งสองข้าง เมื่อ พ.ศ. 2521 ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายที่เธอแสดง คือเรื่อง ไอ้ขุนทอง ซึ่งเธออำนวยการสร้าง และแสดงเป็นแม่ของพระเอก รับบทโดยสรพงศ์ ชาตรี สาเหตุของการตาบอดของเพชรา มาจากการไม่ได้พักสายตา ไม่ว่าจะเป็นบทบาทที่ต้องร้องไห้บ่อย การขับรถไปทำงานเอง ประกอบกับสมัยนั้น ถ่ายหนังต้องใช้ไฟแรง หรือใช้รีเฟล็กซ์เยอะ ช่วงหลังๆที่ถ่ายหนังเรื่อง “ไทยใหญ่” เมื่อปี 2513 เริ่มแสบตา แต่เธอก็ยังขับรถไปถ่ายหนังต่างจังหวัดเอง และอดทนแสดงภาพยนตร์จนถึงเรื่องสุดท้ายคือ “ไอ้ขุนทอง” เข้าฉายในปี 2520

เมื่อดวงตาเริ่มมีปัญหา จึงไปหาหมอ แต่ว่าไม่ได้ไปตามนัดโดยสม่ำเสมอ เพราะต้องไปถ่ายหนัง บางวันก็อยู่ต่างจังหวัด พออาการเริ่มหนักขึ้น ถึงขั้นขับรถปีนเกาะกลางถนนหลายครั้ง ช่วงที่อาการหนักมากๆ ก็พยายามรักษาทุกวิถีทาง แพ้ยาจนตัวบวม จากน้ำหนัก 47-48 กิโลกรัม จนมาหนัก 60 กว่ากิโลกรัม ต้องซื้อเสื้อผ้าคนท้องมาใส่ ผมร่วงหมดศีรษะ ฝ้าขึ้นดำไปทั้งหน้าทั้งตัว เมื่อตัวบวมมากๆ ก็หายใจไม่ออก กลืนน้ำก็ไม่ได้ ต้องเข้าไปนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล การทำงานของไตหยุด พิษยาจึงคั่งค้างทำให้ตัวบวม ต้องรอให้พิษยาลดลง จากที่เคยสวมแว่นดำและนั่งแท็กซี่ไปไหนมาไหนได้เอง ตอนหลังก็มองไม่เห็น ออกไปไหนคนเดียวไม่ได้ ดวงตาของเพชรา ได้ปิดสนิทลง ในกลางปี 2524 หลังจากนั้น เธอก็ไม่ปรากฏตัวที่ไหนอีกเลย


เซี๊ยะ(นพดล):


คืนวงการ

หลังจากหยุดงานแสดงเพื่อรักษาสุขภาพมาหลายปี เธอทำงานเป็นนักจัดรายการวิทยุคลื่นลูกทุ่งเอฟเอ็ม ตั้งแต่ พ.ศ. 2544-2548

ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2552 เธอให้สัมภาษณ์รายการโทรทัศน์ครั้งแรกในรอบ 30 ปี ในรายการ วู้ดดี้เกิดมาคุย ซึ่งดำเนินรายการโดย วุฒิธร มิลินทจินดา หรือวู้ดดี้ โดยเข้าไปคุยในบ้านของเธอเอง พร้อมพูดเปิดใจและบอกสาเหตุที่เก็บตัวเงียบ ไม่ยอมออกรายการโทรทัศน์ แต่ยังคงไม่เปิดเผยหน้าตา

เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2552 เพชราได้รับงานโฆษณาลิปสติกมิสทีน จากการเข้าติดต่อการเจรจาถึง 9 ครั้ง จนครั้งสุดท้ายที่สำเร็จ โดยรายได้จากงานครั้งนี้เพชราจะบริจาคให้องค์กรการกุศลทั้งหมด ส่วนหนึ่งจะมอบให้กับมูลนิธิคนตาบอดแห่งประเทศไทย โฆษณาประชาสัมพันธ์ได้แพร่ภาพเมื่อประมาณกลางเดือนกันยายน โดยตัวแรกที่นำเสนอภาพของเพชราในอดีต และตัวที่สองมีพรีเซนเตอร์ของมิสทีนคนก่อน ๆ มาพูดถึงจุดเด่นของโฆษณาตัวนี้ โฆษณาชุดนี้ถ่ายทำเมื่อวันที่ 16-17 กันยายน และเผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552 โดยผู้บรรยายโฆษณาคือ นิรุตต์ ศิริจรรยา และผู้ขับร้องเพลง หยาดเพชร เพลงประกอบโฆษณาชิ้นนี้คือ ศุกลวัฒน์ คณารศ นับเป็นโฆษณาทางโทรทัศน์ตัวแรกในรอบกว่า 30 ปีที่เธอยอมให้มีการถ่ายภาพใบหน้าของเธออย่างชัดเจน

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

Go to full version