ผู้เขียน หัวข้อ: ประโยชน์ของชะพลู ช่วยบำรุงธาตุ แก้จุกเสียด  (อ่าน 1233 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ สุบิน

  • เทพ
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 2334
    646
    • อีเมล์


                                   
ชะพลูเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ให้ใบดกหนา ปลูกง่าย ชอบดินฟ้าอากาศและแดดลมหลายลักษณะ จึงปลูกกันได้ดีทั่วทุกภาค ชะพลูมีชื่อเรียกต่างๆ กัน ภาคเหนือเรียกว่า ผักแค ผักปูนา พลูนก พลูลิง ภาคใต้เรียกว่า ผักนมวา ภาคอีสานเรียกว่า ผักอีเลิด ผักอีเล็ก ผักปูลม ภาคกลางเรียกใบชะพลู แต่อย่างไรก็ตาม ทุกคนรู้จักในนามใบชะพลูกันถ้วนหน้า เพราะจากผักพื้นบ้านขนานดั้งเดิมอันนี้ ชะพลูได้กลายเป็นพืชเศรษฐกิจไปเสียแล้ว เดิมทีชะพลูเป็นผักขึ้นเองตามใต้ต้นไม้ใหญ่ เช่น ต้นมะม่วง ต้นหว้า ขึ้นเองตามริมหนอง คลอง บึง มีใบเขียวเข้มสวยงาม ความที่ชะพลูปลูกกันง่ายมาก ชะพลูก็อพยพเข้ามาเป็นผักในสวนครัวชาวบ้าน ปลูกคู่กันไปกับผักสวนครัวอื่นๆ เช่น กะเพรา ใบแมงลัก ใบโหระพา พริก เป็นต้น

บทบาทของชะพลูในจานอาหารครัวเรือนพื้นบ้านมีมากมาย เริ่มตั้งแต่เป็นผักสดที่นิยมกินกับอาหารรสแซบทั้งหลาย เช่น ลาบ ก้อย น้ำตก เนื้อย่าง ปลาย่าง ตลอดจนน้ำพริกต่างๆ ชะพลูเป็นเครื่องปรุงที่ขาดไม่ได้ในอาหารจานพื้นบ้านต่างๆ แกงแคของภาคเหนือซึ่งถึงกับเรียกใบชะพลูว่า "ใบผักแค" เลยทีเดียว หรือไม่ก็เป็นเพราะใช้ใบชะพลูเป็นเครื่องปรุงเฉพาะตัว จึงเรียกแกงนั้นว่า แกงแค เป็นไปได้อย่างเดียวกัน ส่วนภาคอีสานนิยมใส่ในแกงอ่อมต่างๆ แกงขนุนอ่อน แกงหัวปลี ภาคใต้ใช้แกงกะทิใบชะพลูกับหอยแครง ส่วนภาคกลางนิยมใส่แกงคั่วหอยขม นิยมนำมากินร่วมกับข้าวมันส้มตำ ชนิดที่เรียกว่าถ้าขาดใบชะพลู รสชาติของข้าวมันส้มตำก็กร่อยไปเลย

รสชาติใบชะพลูขณะที่กัดและเคี้ยวกินจะมีกลิ่นหอมในปาก รสจัด เคี้ยวนานๆ จะได้รสเผ็ดอ่อนๆ ใบชะพลูขนาดกำลังอร่อยจะต้องเป็นใบที่ไม่อ่อนและไม่แก่จนเกินไป ใบจึงจะนุ่ม หอม และเผ็ดกำลังดี อย่างไรก็ตาม ใบชะพลูกินได้ทุกขนาดอายุของมัน แม้แก่มากก็กินได้ เพราะเส้นใยไม่ถึงกับเหนียวจนกัดไม่ขาด เพียงแต่ใบจะหยาบสักนิด และกลิ่นจะฉุนสักหน่อยเท่านั้นเอง

 

เพราะเหตุที่ใบชะพลูมีรสพิเศษเฉพาะตัว ใบชะพลูจึงกลายมาเป็นผักยอดนิยมในการกินกับเมี่ยงคำ เรียกว่าเข้ามาแทนที่ใบทองหลางที่เคยนิยมกันกับเมี่ยงคำมาก่อนโดยสิ้นเชิง และก็เพราะเมี่ยงคำกลายมาเป็นอาหารอาชีพที่ต้นทุนต่ำ ขายได้ราคาสูง ทำกินเองยากเพราะใช้แรงงานมากมาย เมี่ยงคำซึ่งเดิมเคยล้อมวงกันกิน มีเครื่องปรุงที่ใช้ห่อกับใบชะพลูอยู่ตรงกลางถาดกลมใบเล็ก กลายมาเป็นเมี่ยงคำห่อเป็นคำเรียบร้อยเสียบอยู่ในไม้ห้าหกคำ ขายไม้ละ ๑๐ บาทบ้าง ๑๕ บาทบ้าง แม้แต่ ๒๐ บาทก็มี ดังนั้นชะพลูจึงกลายเป็นพืชที่ถูกปลูกเอาปริมาณมากๆ เพื่อป้อนตลาดอย่างกว้างขวาง ที่เป็นอาหารขายนอกจากเมี่ยงคำแล้ว บรรดาอาหารที่กินกับผักสดทั้งมวล ล้วนต้องการใบชะพลูทั้งสิ้น เช่น ร้านอาหารเวียดนาม ร้านอาหารอีสาน เป็นต้น

ชะพลูเป็นไม้ให้ใบสวย รูปร่างเหมือนหัวใจ ปลูกเป็นไม้ประดับก็ได้ ปลูกไว้กินก็ดี มีทั้งชะพลูแบบเป็นพุ่ม และชะพลูที่ทอดยอดเลื้อยสูงเหมือนใบชะพลูที่คุณยายใช้เคี้ยวหมากนั่นแหละ เกิดได้ทั้งในที่แสงแดดเต็มวัน ทั้งแสงแดดครึ่งวัน และแม้แต่แสงแดดรำไร เช่น ใต้ร่มไม้ใบใหญ่อย่างต้นมะม่วงหรือชายคาบ้าน ชอบดินร่วนซุย น้ำชุ่มชื้น แม้ดินแล้งน้ำแห้งก็อยู่ได้ เพียงแต่ใบจะแกรนเท่านั้น ก้านใบนูนเป็นเส้น ยาวพ้นออกมาเป็นก้านใบไปในตัว หน้าใบสีเขียวเข้ม หลังใบสีเขียวหม่น ดอกมีรูปร่างเป็นทรงกระบอกเล็กๆ มีสีขาว

ในใบชะพลูมีสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกายของมนุษย์อย่างมาก คือแคลเซียม และวิตามินเอ ซึ่งจะมีสูงเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังมีฟอสฟอรัส เหล็ก เส้นใย และสารคลอโรฟิลล์ ส่วนสรรพคุณทางยานั้นช่วยบำรุงธาตุ แก้จุกเสียด การกินใบชะพลูมากๆ ชนิดที่เรียกว่ากินกันทุกวัน กินกันแทบทุกมื้อ เช่น ชาวบ้านภาคอีสานนั้น แคลเซียมที่มีในใบชะพลูจะเปลี่ยนเป็นแคลเซียมออกซาเลท ซึ่งถ้าสะสมมากๆ อาจกลายเป็นนิ่วในไตได้ แต่โดยทั่วๆ ไปในชีวิตประจำวันก็ไม่มีใครกินชะพลูได้มากมายขนาดนั้น ถ้ากินใบชะพลูต้องกินร่วมกับเนื้อสัตว์ ร่างกายจึงใช้แคลเซียมที่มีอยู่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ


+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=4059

ออฟไลน์ น้องดา

  • MOD1
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 2123
    211
  • เพศ: หญิง
  • -
    • -
    • อีเมล์

นี่ก็ชอบกินเหมือนกันค่ะ ใบชะพลู อร่อยค่ะทานกับแหนมคลุกอร่อยอย่าบอกใครเชียว แหมมีแต่สาระดีๆๆทั้งนั้นเลยค่ะพี่สุบิน

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=4059
-