สัพเพเหระ > เป็นนักเลงกลอนอย่านอนเปล่า
เพื่อนเอย...
(1/1)
อภัย:
เพื่อนเอย...
เพื่อนเอ๋ย เพื่อนรักเอย
มือที่เคยยื่นให้ในวันนั้น
ที่ช่วยเหลือเกื้อกูลสารพัน
ประคองฉันผ่านมรสุมนานา
เธอคือบทพิสูจน์ชี้ชัดแน่
ว่ามิตรแท้มีจริงในโลกหล้า
น้ำใจเพื่อนไร้เงื่อนไขมารยา
มิตรภาพล้ำค่ากว่าใดปวง
กำลังใจในยามยากจากมิ่งมิตร
ประหนึ่งน้ำอมฤตจากแดนสรวง
ให้คนล้มลุกสู้โลกหลูุ่ลวง
ในเหวห้วงเลวร้ายไม่ทิ้งกัน
คำโบราณว่ากาลพ้นคนแปรเปลี่ยน
มิตรภาพกลับเสถียรสถิตย์มั่น
พรหมลิขิตมิตรภาพตราบนิรันดร์
เป็นเพื่อนกันตราบสุดท้ายลมหายใจ.
______________
พอ ๑๘ พ.ย. ๒๕๕๘
ชบาบาน:
เขียนมาอีกนะขอรับ มรดกไทยๆสายวรรณศิลป์ไม่เคยสิ้นสาย ช่วยๆกันอนุรักษ์สมบัติไทยให้ลูกหลานได้สืบสานกันไปอีกนานเท่านาน
อภัย:
จะพยายามครับ ท่านชบาบาน
ไอ้กระผมมันมีข้อจำกัดตรงที่ ต้องเกิดความประดับใจในอะไรหนึ่งๆซะก่อน อารมณ์กลอนมันถึงจะเกิด
ทีนี้ วัยที่เพิ่มขี้น อารมณ์ความรู้สึกมันก็ค่อยๆตายด้าน จินตนาการก็ค่อยๆถดถอย
นานๆที ถึงจะเกิดความประทับใจอะไร จนเกิดอารมณ์กลอนขึ้นมา
เป็นว่า ถ้าสมาชิกภาพไม่ถูกเพิกถอนเพราะไม่ค่อยได้เข้าซะก่อน เมื่อมีงานกลอนก็จะนำมาฝาก นะขอรับ
สหัสวรรษ:
อ่านมา2บทความ ความหมายผิดกันเป็นตรงข้าม แต่ก็สะท้อนสภาพสังคมปัจจุบันได้ดี :'e:101
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
Go to full version