ผู้เขียน หัวข้อ: เตือน!! อาหารกระป๋อง ผักดอง "เจ" อิ่มบุญ แต่แฝงอันตราย  (อ่าน 2856 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ แมวดำ

  • ปรมาจารย์
  • ***
  • ออฟไลน์
  • 333
    519
  • เพศ: ชาย
  • ชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก
    • @pump_upp - best crypto pumps on telegram !
    • อีเมล์


 ช่วงเทศกาลถือศีล กินผัก หลายมักสรรหาอาหารต่างๆ ไม่ว่าอาหารที่เพื่อสุขภาพต่อตัวเองที่ปลอดเนื้อสัตว์แล้ว จำพวกผัก ไม่ว่าจะผักสด หรือผักดอง หรืออาหารสำเร็จรูปที่เราสามารถเลือกหากันได้ง่ายขึ้น แต่จากกรณีข่าวในอินเตอร์เน็ต ที่ออกมาเตือนถึงกลุ่มคนผู้ที่กินเจกันในช่วงนี้ว่า มีกลุ่มเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเจ อย่างกลุ่มคนที่เป็น โรคกระดูกพรุน ไตวายเรื้อรัง โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง มะเร็งในกระเพาะอาหาร หอบหืด นิ่วในถุงน้ำดี ฯลฯ
       
       ว่ากันว่าหากรับประทานของจำพวก ผักกาดดอง และผักอื่นๆ ดอง ไม่ว่าจะดองเค็ม หรือดองหวาน กาน่าฉ่าย เต้าหู้ยี้ ผงชูรส อาหารเจกระป๋องทั้งหลายแหล่ ซาลาเปา ขนมปังปรุงรสต่าง และอาหารอื่นๆ ที่ใส่ผงฟู อาหารแปรรูปทุกอย่าง เช่น ไส้กรอกเจ แฮมเจ (ไม่เจก็มีโซเดียมเยอะ)ผลไม้อบแห้ง เครื่องปรุง และผงปรุงรสต่างๆ จะส่งผลต่อร่างกายตัวเอง
 ทานอย่างไรให้ได้ทั้งบุญและได้ทั้งสุขภาพที่ดี
       
        นายแพทย์สง่า ดามาพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ กระทรวงสาธารณสุข ให้เหตุผลว่า กรณีของกลุ่มคนที่เป็นโรคเหล่านี้ที่ควรหลีกเลี่ยงอันเนื่องมาจากของอาหารจำพวกนี้ มีการผ่านกระบวนการทำความร้อนจากผัก การหมักดอง ส่งผลให้มีการสูญเสียของสารอาหารเหล่านั้น ทำให้มีสารอาหารต่ำ
       และเนื่องจากมีการผลิตอาหารที่ผ่านกระบวนการเหล่านี้ทำให้อาหารมีส่วนประกอบของโซเดียมอยู่เป็นจำนวนมาก อาจทำให้กลุ่มที่ป่วยเป็น โรคกระดูกพรุน ไตวายเรื้อรัง โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง มะเร็งในกระเพาะอาหาร หอบหืด นิ่วในถุงน้ำดี ฯลฯ
       
        สุขภาพจะย้ำแย่ลงเนื่องจากรับประทานอาหารที่ไม่มีคุณประโยชน์ที่ครบถ้วน
       
        และหากรับประทานบ่อยๆ ส่งผลให้ร่างกายนั้นสึกหรอตามไปด้วยได้ เพราะไม่มีสารอาหารจะมาช่วยเสริมสร้างรักษาภูมิคุ้มกันส่วนที่ขาดไป
       
        ทั้งนี้นายแพทย์สง่า ดามาพงษ์ ยังให้คำแนะนำกับประชาชนที่รับประทานอาหารเจ ว่า
       "หากเป็นไปได้ควรเลือกรับประทานอาหารจำพวกผักสดๆ จะดีกว่า เพราะไม่มีการผ่านกระบวนการทำลายสารอาหารเหล่านั้น และไม่มีการปรุงแต่งของอาหาร
        "หรือแนะนำหากจำเป็นรับประทานจริงๆ ก็อยู่ที่ปริมาณการเลือกรับประทานแต่พอควร ไม่ควรบริโภคมากจนเกินไป เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภคเอง ที่ได้ทั้งสุขภาพและได้ทั้งบุญ“

ขอขอบคุณ ข้อมูลดีๆจากASTVผู้จัดการออนไลน์ http://manager.co.th/goodhealth/ViewNews.aspx?NewsID=9580000117072
ขอบคุณมากนะคะ

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=34757