ผู้เขียน หัวข้อ: ลองเปลี่ยนแล้วจะรู้ “น้ำมันหมู” มีดีกว่าที่คิด  (อ่าน 1617 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ แมวดำ

  • ปรมาจารย์
  • ***
  • ออฟไลน์
  • 333
    519
  • เพศ: ชาย
  • ชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก
    • @pump_upp - best crypto pumps on telegram !
    • อีเมล์


  ไขมันทรานส์ต่างหากที่เป็นต้นเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจ” ประโยคสั้นๆ แต่สั่นสะเทือนตั้งแต่ห้อง lab ไปถึงห้องครัวและทุกมื้ออาหารที่เรากิน เพราะมีงานวิจัยหลายชิ้นที่พิสูจน์แล้วว่า “คอเลสเตอรอลไม่ได้เป็นสาเหตุหรือมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจ"
ฉะนั้นความเชื่อ ความคุ้นเคยเดิมๆ ที่มีมากว่าครึ่งศตวรรษที่ผ่านมาในเรื่องน้ำมันพืชดีต่อสุขภาพ จึงถูกหักล้างด้วยการศึกษาทางวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญหลายสำนัก ที่ต่างให้ข้อมูลใหม่ว่า ความเข้าใจเรื่องน้ำมันพืชนั้นไม่เป็นความจริง
       ย้อนกลับไปช่วงเดือนมิถุนายน 2557 สื่อชั้นนำของโลกอย่างนิตยสารไทม์ ได้เผยแพร่บทความว่า "ไขมันอิ่มตัวไม่ได้เป็นปัญหาต่อโรคหลอดเลือด" ซึ่งหลังจากนิตยสารไทม์เผยแพร่ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้เพียง 8 เดือน คณะกรรมการที่ปรึกษากำหนดแนวทางการบริโภคของสหรัฐอเมริกา หรือ DGAC ก็ได้จัดประชุมเพื่อทบทวนเกี่ยวกับคอเลสเตอรอลขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2558 ที่ผ่านมา เนื่องจากไม่พบความสัมพันธ์ ระหว่างคอเลสเตอรอลที่มีในอาหารกับปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือดที่ชัดเจนของผู้ที่สุขภาพดี และยังเป็นที่ยอมรับกันในวงการแพทย์ของสหรัฐฯว่า ช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาความเข้าใจเรื่องน้ำมันพืชนั้น เป็นความผิดพลาดและความเข้าใจผิดมาโดยตลอด
        ถึงตรงนี้ "น้ำมันหมู" จึงกลับกลายมาเป็นพระเอก เพราะไม่ผ่านกระบวนการผลิตที่แต่งเติมสารเคมี มาจากมันหมูซึ่งเป็นไขมันสัตว์โดยตรงจากธรรมชาติ มีกรดไขมันอิ่มตัว และมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูงเช่นกัน ซึ่งมีส่วนในการลดระดับคอเลสเตอรอลรวม และคอเลสเตอรอลไม่ดี (LDL Cholesterol) และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลดี (HDL Cholesterol) ด้วย อีกทั้งยังไม่ผ่านกรรมวิธีแปรรูปและเคมีใดๆ จึงมั่นใจได้ว่าน้ำมันหมูที่มาจากหมูธรรมชาติปลอดภัย และมีคุณสมบัติทนความร้อนสูง กรดไขมันจะไม่เปลี่ยนเป็นไขมันทรานส์ (Trans Fat) ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจและมะเร็ง และที่สำคัญ คือ น้ำมันหมูให้ความหอมในการปรุงอาหารได้ดีกว่าน้ำมันพืชที่ต้องผ่านกรรมวิธี ทั้งกลั่น ฟอกสี และแต่งกลิ่น
       ไม่ใช่แค่คนไทยเท่านั้นที่นิยมชมชอบการปรุงอาหารด้วยน้ำมันหมู แม้แต่เชฟชื่อดังระดับโลก ก็หันมาใช้น้ำมันหมูในการรังสรรค์อาหารรสเลิศและดีต่อสุขภาพ ด้วยหลากหลายเหตุผล อาทิ

• CNN อ้างอิง Jennifer MaLagan, เชฟชื่อดังชาวแคนาดา ผู้เขียนหนังสือ "Fat: An Appreciation of a Misunderstood Ingredient, with Recipes," ระบุว่า มันหมูมีประโยชน์ สามารถเพิ่มไขมันดีและลดไขมันเลวในเลือดได้

• Jeremy Lee เชฟชื่อดังชาวอังกฤษ ยอมรับกับสื่อดังในอังกฤษ The Independent ว่าเป็นแฟนตัวยงของน้ำมันหมู เพราะอย่างน้อยน้ำมันหมูก็บริสุทธิ์เป็นธรรมชาติ

• ส่วน Fergus Henderson เจ้าของร้าน St John restaurant เป็นอีกหนึ่งผู้มีอิทธิพลในวงการทำอาหารโลก ที่สนับสนุนการใช้น้ำมันหมู โดยกล่าวว่าน้ำมันหมูนั้นดี และเขาก็ชอบทำอาหารด้วยน้ำมันหมู

     วิธีการทำน้ำมันหมูนั้นก็แสนจะง่าย ไม่ผ่านกระบวนการเคมี แค่ตั้งกระทะร้อนๆ เจียวไขมันหมูสดๆ เพียงไม่กี่นาที ก็จะได้น้ำมันหมูกลิ่นหอมหวนชวนหิว ซึ่งสูตรที่บอกต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น คือ ควรเจียวใช้วันต่อวัน จะยิ่งทำให้เอาทุกเมนูผัดหรือทอดหอม กรอบอร่อยยิ่งขึ้น ใครที่อยากลองเปลี่ยนวิธีการปรุงอาหารก็อย่ารอช้าลองทำสักเมนูแล้วอาจจะติดใจแบบใครหลายๆ คนก็ได้



ขอขอบคุณบทความจาก  ไทยรัฐออนไลน์ "ไลฟ์สไตล์ " มากนะคะ
ขอบคุณมากคะ
http://www.thairath.co.th/content/524065


ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=34472

ออฟไลน์ ทรงพล ลำพูน

  • เซียน
  • ****
  • ออฟไลน์
  • 507
    469
  • เพศ: ชาย
    • @pump_upp - best crypto pumps on telegram !

ต้องยอมรับและทิึ่งจริงๆกับคุณแมวดำ ที่สามารถหาข้อมูลดีๆ ให้พวกเราสมาชิกได้อ่านเพิ่มพูลความรู้ให้กับพวกเรากัน แสดงให้เห็นว่า คุณแมวดำนี่เป็นนักอ่าน นักคิดและเป็นผู้มีน้ำใจ นอกจากจะทำให้ตนเองมีความรู้แล้ว ยังแบ่งปันสิ่งที่เป็นประโยชน์ ให้แก่เพื่อนๆได้รับรู้ด้วยอีก ขอบคุณในน้ำใจมากครับ คุณแมวดำ

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=34472