ผู้เขียน หัวข้อ: โรคภูมิแพ้  (อ่าน 13086 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ chomm

  • เทพ
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 1688
    729
โรคภูมิแพ้
« เมื่อ: 11/พ.ย./11 18:30น. »


                                           โรคภูมิแพ้

  โรคภูมิแพ้ หรือ โรคแพ้ (Allergy) หมายถึง โรคที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มีอาการไวผิดปกติ สิ่งที่สามารถก่อให้เกิดภูมิแพ้ (Allergy) ซึ่งธรรมชาติสารเหล่านี้อาจไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้กับคนปกติทั่วไป โรคภูมิแพ้เกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัย เด็กอายุ 5 - 15 ปี มักจะพบว่าเป็นบ่อยกว่าช่วงอายุอื่น  เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่โรคแสดงออกหลังจากได้รับสิ่งกระตุ้นมานานเพียงพอ อย่างไรก็ตามบางคนอาจเริ่มเป็นโรคภูมิแพ้ตอนเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ได้ โรคภูมิแพ้นั้นไม่ใช่โรคติดต่อ แต่สามารถถ่ายทอดทางพันธุ์กรรมจากรุ่นคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย คุณพ่อ คุณแม่ มาสู่ลูกหลานได้ และอาจพบว่าในครอบครัวนั้นสามารถมีสมาชิกป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ได้หลายคน ตัวการที่ทำให้เกิดอาการแพ้ เรียกว่า สารก่อภูมิแพ้ (Allergens) หรือสิ่งกระตุ้น ซึ่งอาจเข้าสู่ร่างกายทางระบบหายใจ การรับประทานอาหาร การสัมผัสทางผิวหนัง ทางตา หู จมูก หรือ โดยการฉีด หรือ ถูกกัดต่อยผ่านทางผิวหนัง ตัวการที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้มีอยู่รอบตัว สามารถกระตุ้นอวัยวะต่างๆ จนก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ เช่น


ทางลมหายใจ ถ้าสิ่งกระตุ้นผ่านเข้ามาทางลมหายใจ ตั้งแต่รูจมูกลงไปยังปอด ก็จะทำให้เป็นหวัด คัดจมูก จาม น้ำมูกไหล คันคอ เจ็บคอ ไอมีเสมหะ เสียงแหบแห้ง และลงไปยังหลอดลม ทำให้หลอดลมตีบตัน เป็นหอบหืด
ทางผิวหนัง ถ้าสิ่งกระตุ้นเข้ามาทางผิวหนังจะทำให้เกิดผื่นคัน น้ำเหลืองจะเสีย
ทางอาหาร ถ้าสิ่งกระตุ้นเข้ามาทางอาหาร จะทำให้ท้องเสีย อาเจียน ถ่ายเป็นเลือด เสียไข่ขาวในเลือด อาจทำให้เกิดอาการทางระบบอื่น ๆ ได้ เช่น ลมพิษ หน้าตาบวม
ทางตา ถ้าสิ่งกระตุ้นเข้ามาทางตา จะทำให้เกิดอาการแสบตา คันตา หนังตาบวม น้ำตาไหล

สารก่อภูมิแพ้

ฝุ่นบ้าน ตัวไรฝุ่นบ้าน มักปะปนอยู่ในฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 0.3 มม. มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เชื้อรา มักปะปนอยู่ในบรรยากาศตามห้องที่มีลักษณะอับชื้น
อาหารบางประเภท อาหารบางอย่างจะเป็นตัวการของโรคภูมิแพ้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารจำพวกอาหารทะเล เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา อาหารอีกจำพวกที่พบบ่อย คือ แมงดาทะเล ปลาหมึก อาจทำให้เกิดลมพิษ ผื่นคันได้บ่อย ๆ  เด็กบางคนอาจแพ้ไข่แมงดาทะเลอย่างรุนแรง ซึ่งอาจทำให้มีอาการบวมตามตัว หายใจไม่ออก เป็นต้น อาหารประเภทหมักดอง เช่น ผัดกาดดอง เต้าเจี้ยว น้ำปลา เป็นต้น เด็กบางคนอาจแพ้เห็ด ซึ่งจัดว่าเป็นราขนาดใหญ่ เด็กบางคนแพ้ไข่ขาว อาจทำให้เกิดผื่นคันบนใบหน้าได้ บางคนอาจแพ้ผลไม้จำพวกมีรสเปรี้ยวจัด กลิ่นฉุนจัด เช่น ทุเรียน ลำใย สตอเบอรี กล้วยหอม และอื่น ๆ

ยาแก้อักเสบ ยาที่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้บ่อย ๆ นั้น ได้แก่ยาปฏิชีวนะ พวกเพนนิซลิน เตตราไวคลิน นอกจากนั้นยังมีพวกซัลฟา ยาลดไข้แก้ปวด พวกแอสไพริน ไตรโพโรน ยาระงับปวดข้อ ปวดกระดูก อาจทำให้เกิดลมพิษ ผื่นคันตามผิวหน้า พวกเซรุ่ม หรือวัคซีนป้องกันโรคโดยเฉพาะ วัคซีนสกัดจากเลือดม้า เช่น เซรุ่มต้านพิษงู แพ้พิษสุนัขบ้า เป็นต้น
แมลงต่าง ๆ แมลงที่มักอาศัยอยู่ภายในบ้าน เช่น แมลงสาบ แมงมุม มด ยุง ปลวก และ แมลงที่อาศัยอยู่นอกบ้าน เช่น ผึ้ง แตน ต่อ มด นานาชนิด เป็นต้น
เกสรดอกไม้ ดอกไม้ ดอกข้าว วัชพืช สิ่งเหล่านี้ มักปลิวอยู่ในอากาศ ตามกระแสลม ซึ่งสามารถพัดลอยไปได้ไกล ๆ หรืออาจเป็นลักษณะขุย ๆ ติดตามมุ้งลวด หน้าต่าง
การตรวจหาสาเหตุของโรค
การสอบประวัติและวิเคราะห์โรค
แพทย์จะทำการสอบถามประวัติ และอาการของโรคพร้อมทั้งวิเคราะห์สภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัว เช่น บ้าน รถยนต์ โรงเรียน สัตว์เลี้ยง งานอดิเรก เพื่อเป็นแนวทางที่จะทราบว่าผู้ป่วยมีอาการ ณ สถานที่ใดได้บ้าง

ทดสอบทางผิวหนัง
แพทย์จะใช้วิธีทดสอบทางผิวหนัง (Skin Test) ซึ่งวิธีนี้จะนำเอาน้ำสกัดของสารก่อภูมิแพ้ทางอ้อม โดยนำน้ำสกัดของสารก่อภูมิแพ้มาหยอดลงบนผิวหนังบริเวณท้องแขน ซึ่งทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์ น้ำสกัดนั้นทำมาจากสารก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อย ๆ เช่น ฝุ่นบ้าน ไรฝุ่น เชื้อราในบรรยากาศ แมลงต่าง ๆ ในบ้าน เช่น แมลงสาบ ยุง เกสรดอกไม้ และอื่น ๆ  เมื่อหยอดน้ำสกัดบนท้องแขน แล้วใช้ปลายเข็มที่สะอาดกดลงบนผิวหนังเพื่อให้น้ำยาซึมซับลงไป แล้วทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที ตุ่มใดที่ผู้ป่วยแพ้ ก็จะเป็นรอยนูน คล้ายรอยยุงกัด แพทย์จะทำการวัดรอยนูนและรอยแดงของแต่ละตุ่มที่ปรากฎ ซึ่งทำให้ทราบได้ทันทีว่าเจ้าตัวเล็กแพ้สารใดบ้าง ตุ่มใดที่ไม่แพ้ก็จะไม่มีรอยนูนแดง สำหรับวิธีทดสอบทางผิวหนังทำได้ตั้งแต่เจ้าตัวเล็กอายุได้ไม่กี่เดือนไปจนถึงเป็นผู้ใหญ่
หมายเหตุ ก่อนที่ผู้ป่วยจะทำการทดสอบ ต้องหยุดรับประทานยาแก้แพ้จำพวกยาต้านฮิสตามีนก่อนการทดสอบอย่างน้อย 48 ชั่วโมง มิฉะนั้นฤทธิ์ยาแก้แพ้จะไปบดบัง ทำให้ หาสาเหตุของโรคภูมิแพ้ไม่พบ


วิธีการรักษา

          โรคภูมิแพ้อาจเกิดขึ้นได้กับทุกระบบของร่างกาย บางคนอาจมีอาการภูมิแพ้ในระบบใดระบบหนึ่งหรือหลายระบบ โรคภูมิแพ้นั้นเป็นโรคที่สามารถพิสูจน์หาสาเหตุของโรค และสามารถรักษาให้หายได้ ผู้ป่วยบางคนเริ่มจากอาการแพ้อากาศเรื้อรัง เยื่อจมูกอักเสบ เมื่อไม่ได้ใส่ใจรักษา ต่อมาอาจกลายเป็นโรคหอบหืด โรคผื่นคันตามผิวหนัง เช่น เป็นลมพิษ ปวดศีรษะเรื้อรัง โรคอ่อนเพลียต่าง ๆ เป็นต้น บางคนเชื่อว่าถ้าเด็กเป็นโรคหอบหืดตั้งแต่เล็ก ๆ  พอโตขึ้นอาจจะหายไปเองได้ ไม่จำเป็นต้องรักษาอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องนัก เพราะโรคนี้อาจทำให้พวกเค้าต้องเจริญเติบโตได้ช้า การปรับตัวเข้ากับสังคมเพื่อน ๆ และสภาพแวดล้อมได้ไม่ดี เกิดปมด้อย เจ้าตัวเล็กอาจขาดความมั่นใจ ส่วนเด็กที่แพ้อากาศ ถ้าไม่รักษาต่อมาก็อาจกลายเป็นโรคหอบหืด ที่มีอาการของโรครุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ หากสงสัยว่า เจ้าตัวเล็กของคุณนั้นเป็นโรคภูมิแพ้หรือไม่ คุณควรที่จะนำไปปรึกษาแพทย์ เพื่อหาว่าแพ้อะไรบ้าง การดูแลในเบื้องต้นก็ทำได้โดยการพยายามหลีกเลี่ยงสารที่แพ้ ซึ่งจะทำให้อาการของโรคนั้นลดลง หรือหมดไปได้ ปัจจุบันยารักษาโรคภูมิแพ้ที่มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยนั้นมีหลายประเภท ทั้งยารับประทาน ยาสูดเข้าหลอดลม ยาพ่นจมูก ยาหยอดตา และยาทาผิวหนัง

หาต้นเหตุและหลีกเลี่ยงสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้
วิธีรักษาโรคภูมิแพ้ทีดีที่สุด คือ การค้นหาสาเหตุของการแพ้นั้นให้พบ เช่น การสอบถามประวัติและอาการของโรค พร้อมทั้งวิเคราะห์สภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัว เช่น บ้าน รถยนต์ โรงเรียน สัตว์เลี้ยง งานอดิเรก ตรวจร่างกายและทดสอบทางผิวหนัง เมื่อทราบว่าแพ้สารใดแล้ว ควรหลีกเลี่ยงสารที่ให้เกิดภูมิแพ้ที่ถูกต้องและอาการของโรคภูมิแพ้ก็จะทุเลา ในทางปฏิบัตินั้นการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้นั้นทำได้ยาก เพราะชีวิตประจำวันนั้นต้องเผชิญกับสารก่อภูมิแพ้กระจายอยู่รอบ ๆ ตัว เช่น ฝุ่นบ้าน ไรฝุ่น เชื้อรา และอื่น ๆ เมื่อเป็นเช่นนี้การรักษาอาการของโรคอันเป็นปัญหาเฉพาะหน้าจึงเป็นสิ่งจำเป็นและได้มักจะได้ผลดี แพทย์อาจให้รับประทานยาแพ้แพ้ แก้หอบ แก้ไอร่วมด้วย เป็นต้น
ฉีดวัคซีนให้ร่างกายเกิดภูมิต้านทาน
มีวิธีการรักษาโรคภูมิแพ้อีกประการหนึ่งที่เป็นการรักษาที่ได้ผลดีพอสมควร ได้แก่ การหาสาเหตุของโรคภูมิแพ้ให้พบ แล้วนำสารก่อภูมิแพ้ที่ตรวจพบนี้มาผลิตวัคซีนให้ผู้ป่วย เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานที่แพ้ (อิมมูโนบำบัด) คือ รักษาให้ร่างกายเกิดภูมิต้านทานสารที่แพ้ หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การรักษาเพื่อลดภูมิไว คือ ให้ร่างกายลดความไวต่อสารที่ก่อให้เกิดโรค

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=3155

Rapee

  • บุคคลทั่วไป
Re: โรคภูมิแพ้
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 14/พ.ย./11 15:31น. »

เห็นโรคภูมิแพ้แล้วนึกถึงว่าสมัยก่อน ตอนยังสาว ๆ ไม่ค่อยป่วยเลยค่ะ
แต่มาตอนนี้ไม่ค่อยรักษาสุขภาพตัวเองเท่าไรนัก ช่วงสองสามปีที่ผ่านมา พอเริ่มเข้าหน้าหนาวทีไร

ตื่นมาเจ็บคอ น้ำมูกใส ๆ ไหลออกมาประจำ เคยแข็งใจตื่นเช้า ไปออกกำลังกายกับชมรมคนสูงวัย
ซึ่งเค้าตื่นกันตั้งแต่ตีสี่ตีห้า ช่วงนั้นก็ดีขึ้นมาบ้าง แต่ (ข้ออ้างเยอะค่ะ) พอได้ย้ายมาอยู่โรงเรียนไกล ๆ
ที่ต้องไปกลังวันร้อยกิโล ก็ไม่ได้ออกกำลังกายตอนเช้าเลย

นี่ก็ป่วยต้อนรับหน้าหนาวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ขอบคุณมากค่ะคุณชม ลงข้อมูลที่ใกล้ตัว และน่าสนใจ

 :'e:82 :'e:82 :'e:82 :'e:82

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=3155

ออฟไลน์ น้องดา

  • VIP
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 2123
    211
  • เพศ: หญิง
  • -
    • -
    • อีเมล์
Re: โรคภูมิแพ้
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 24/พ.ย./11 15:39น. »

พี่ชมจ๋าแล้วเป็นหวัดจามบ่อยๆๆนี่เวลาอากาศเย็นๆนี่เขาเรียกว่าภูมิแพ้ปล่าว   :'e:106

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=3155
-

ออฟไลน์ บางนรา

  • VIP
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 499
    242
  • เพศ: หญิง
  • ไม่รู้อะ
Re: โรคภูมิแพ้
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 27/พ.ย./11 18:00น. »

 :'e:82 คุณชมค่ะ เป็นโรคที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้เลยค่ะ กำลังหาทางรักษามาหลายครั้งเป็นๆๆหายออยู่บ่อยๆๆ จนได้ชื่อว่าสาวขี้โรคไปแหละ :'e:96 :'e:96

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=3155

ออฟไลน์ น้องดา

  • VIP
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 2123
    211
  • เพศ: หญิง
  • -
    • -
    • อีเมล์
Re: โรคภูมิแพ้
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 03/ธ.ค./11 15:42น. »

นั่นแหล่ะเขาเรียกว่าโรคคนรวยค่ะ คุณ บางนรา 55555+

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=3155
-

ออฟไลน์ โสภณ

  • ผู้ช่วยแอตมิน
  • *******
  • ออฟไลน์
  • 738
    59
  • เพศ: ชาย
    • อีเมล์
Re: โรคภูมิแพ้
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 22/ก.ค./13 22:09น. »

เคยเป็นภูมิแพ้ ตกบ่ายน้ำมูกไหล เหมือนจะเป็นไข้ ใช้เวลารักษา2ปี(หมอ หู คอ จมูก)

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=3155

ออฟไลน์ กิตติ

  • มืออาชีพ
  • **
  • ออฟไลน์
  • 187
    19
Re: โรคภูมิแพ้
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: 15/ก.ย./13 11:27น. »

กำลังสงสัยคับ น้ำมูกใสๆ ไหลเวลาเช้า กลางวัน และตอนเย็นในบางวัน เป็นมาเกือบ สองอาทิตย์แล้วครับ ช่วงนี้ยังไม่หาได้แต่สังเกตุอาการไปเรือยๆ

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=3155

ออฟไลน์ สิริ

  • VIP
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 532
    127
    • อีเมล์
Re: โรคภูมิแพ้
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: 13/มี.ค./14 21:09น. »

เรื่องภูมิแพ้ นี้   ให้ความรู้ดีมากค่ะ   จะได้นำไปบอกเพืื่อน  ๆ ที่เขาเป็นโรคนี้  ขอบคุณมากกับคำแนะนำนะคะ

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=3155

ออฟไลน์ กระต่ายป่า

  • มือสมัครเล่น
  • **
  • ออฟไลน์
  • 12
    2
Re: โรคภูมิแพ้
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: 23/มี.ค./14 04:20น. »

ผมก็เป็นภูมิแพ้อากาศคับ กับแพ้อาหารทะเล เห็นเค้ากินกุ้งกันเราก็กินไม่ได้กินทีนี่คันไปยันตับแถมไม่พอหายใจไม่ออกด้วยคับ ส่วนอากาศก็นะ ยิ่งช่วงนี้หมอกควันเยอะมากๆไปไหนก็จามตลอดเวลาคันตาเป็นเนืองๆ  psi306

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=3155

ออฟไลน์ ปณต

  • เทพ
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 721
    48
Re: โรคภูมิแพ้
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: 30/พ.ค./14 19:19น. »

ภูมิแพ้มีหลากหลายขึ้นทุกวัน แรกๆคิดว่าไม่ร้ายแรงแต่พอดูรายละเอียดก็ต้องคิดใหม่อีกรอบ

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=3155

ออฟไลน์ ชัยยุทธ

  • เทพ
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 1059
    111
Re: โรคภูมิแพ้
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: 11/มิ.ย./14 07:24น. »

โรคนี้เป็นกันมากเลยครับ ขอนำไปเผยแพร่ให้คนที่เป็นได้รับทราบด้วยนะครับ

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=3155

ออฟไลน์ ศุภเวช

  • มืออาชีพ
  • **
  • ออฟไลน์
  • 116
    11
    • อีเมล์
Re: โรคภูมิแพ้
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: 25/ก.ค./14 15:46น. »

ผมอีกคนที่เป็นภูมิแพ้ครับ ผ่าตัดไป 2 ครั้ง ขณะนี้อยู่ในช่วงรักษาครับ
หลังจากผ่าตัดช่วงแรก ทั้งกินยา ล้างจมูก พ่นจมูก ทุกๆ วัน พบแพทย์
บ่อยหน่อย พ้น 2 ปีมาแล้วดีขึ้นรับกลิ่นได้บ้างแล้วครับ สำหรับท่านที่
ยังเป็นไม่มาก หรือพึ่งเป็น ควรพบแพทย์ หู คอ จมูก หรือศึกษาหาข้อ
อย่างข้อมูลของคุณ shomm เพื่อเป็นแนวทางในการรักษาต่อไปครับ
ขอบคุณข้อมูลเจ้าของกระทู้ครับ

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=3155