ผู้เขียน หัวข้อ: "มะแขว่น" ผักพื้นบ้านที่เป็นเครื่องเทศทางเหนือ (สำหรับคนมักลาบ)  (อ่าน 8202 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้




มะแขว่น ผักพื้นบ้านที่เป็นเครื่องเทศทางเหนือ


(ต้นนี้ผมปลูกเองครับยังไม่มีลูก)

 ชื่อสามัญว่า ลูกระมาศ หมากมาศ (กรุงเทพฯ) กำจัด กำจัดต้น มะแขว่น (เหนือ) มะแข่น มะข่วน บ่าแข่น หมักข่วง (แม่ฮ่องสอน)


ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Zanthozylum Limonella Alston วงศ์ส้ม Rutaceae มี 2 ชนิดคือ พันธุ์หนัก และพันธุ์เบา



มักขึ้นในป่าดิบแล้ง หรือป่าดิบเขา เป็นไม้ยืนต้น สูง 5-10 เมตร มีหนามตามลำต้นและกิ่งก้าน ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับกัน มีใบย่อยประมาณ 6-8 คู่ ใบมีลักษณะยาวรีหรือรูปขอบขนาน ฐานใบไม่เสมอกัน ปลายใบเรียวแหลม ดอกออกเป็นช่อและก้านดอกยาว ดอกมีขนาดเล็กสีขาวอมเขียว เป็นดอกไม่สมบูรณ์เพศ คือดอกเพศเมียและเพศผู้อยู่คนละต้น จะออกดอกประมาณเดือนมีนาคม-เมษายน ผลมีลักษณะแห้งกลม ผิวขรุขระสีน้ำตาล เมื่อแก่ผลจะแตกจนเห็นเมล็ดสีดำกลม ผิวเรียบเป็นมัน มีกลิ่นหอมฉุนคล้ายผักชี มีรสเผ็ดเล็กน้อย


แหล่งที่พบ บริเวณภาคเหนือ โดยเฉพาะที่ตำบลเมืองลี อ.นาหมื่น จ.น่าน (บ้านคุณเมย์)ขึ้นชื่อว่าเป็นมะแขว่นที่มีคุณภาพดีที่สุดของภาคเหนือ มีบทเพลงพื้นบ้านกล่าวถึงมะแข่นว่า มะแข่นดีปี๋ ไผมีขะใจ๋เอามา คั่วเหียนาใส่ลาบบ่ขื่น แปลว่า ใครมี มะแข่นกับดีปลี ให้รีบเอามา แล้วเอาคั่วใส่ลาบจะได้ไม่มีรสขื่นมาก นอกจากนี้ ยังนิยมใส่ในยำไก่ หลู้ แกงขนุน แกงผักกาด ช่วยทำให้รสชาติของอาหารดีขึ้นและถือเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่ใช้กินแก้ สำหรับอาหารจานที่มีเนื้อสัตว์มาก เพราะช่วยย่อยเนื้อได้

ส่วนที่ใช้ในการประกอบอาหารคือ ใบอ่อนและผล ใบและยอดอ่อนรับประทานเป็นผักสดจิ้มน้ำพริก ลาบ ยำ ผลเป็นเครื่องเทศที่นิยมในภาคใต้และภาคเหนือ โดยเฉพาะทางภาคใต้ นิยมผสมในเครื่องแกง เช่น แกงฟักทอง แกงปลาไหล เป็นต้น ช่วยให้แกงมีรสเผ็ดร้อน และมีกลิ่นหอม



สรรพคุณทางยา แพทย์แผนโบราณใช้รากและเนื้อไม้เป็นยาขับลมในลำไส้ ลมขึ้นเบื้องสูงทำให้หน้ามืดตาลาย วิงเวียน ลดความดัน เป็นยาขับโลหิตระดูของสตรี แต่ไม่ใช้กับหญิงมีครรภ์ เมล็ดสามารถสกัดน้ำมันหอมระเหย
มะแขว่น จัดเป็นพืชเศรษฐกิจของภาคเหนือ ขยายพันธุ์ด้วยวิธีเพาะเมล็ด อายุ 3-5 ปี จึงให้ผลผลิต
ปัญหาที่พบในการปลูกมะแข่นในปัจจุบันได้แก่ ปัญหาปลวกกัดกินรากและโคนต้น ทำให้ต้นกลวงและถูกมดดำเข้าทำลายซ้ำ ทำให้ต้นตาย หรือถูกสัตว์จำพวกตัวตุ่นกัดกินรากทำให้ยืนต้นตายบางส่วน และที่พบเห็นบ่อยคือถูกไฟป่าเผาทำลาย
วิธีปลูกมะแข่วน  วิธีการปลูกมะแขว่น มี 3 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนแรก การเพาะเมล็ดมะแขว่น
นำเมล็ดมะแขว่นสด ขูดเอาส่วนของเนื้อหุ้มเมล็ดออกก่อนโดยใช้ทรายถู จากนั้นนำไปเพาะในกระบะทราย คอยรดน้ำเป็นระยะ แต่อย่าให้น้ำขังมากเกินไปเป็นเวลาประมาณ 1-2 เดือน เมื่อต้นกล้างอกแล้วย้ายลงปลูกในถุงเพาะชำ เพื่อเตรียมย้ายลงแปลงปลูกต่อไป
ขั้น ตอนที่สอง การปลูกมะแขว่น
เนื่องจากมะแขว่นเป็นพืชที่ชอบดินที่ ระบายน้ำได้ดี และไม่ขังมาก และความสูงของพื้นที่สูงกว่า 1,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล จึงควรปลูกตามไหล่เขา หรือพื้นที่สูงชัน และการปลูกไม่ควรรองก้นหลุมด้วยปุ๋ย และห้ามรดน้ำมากเกินไป ควรปลูกในฤดูฝน นิยมปลูกสลับกับพืชสวนป่า ระยะห่างของหลุมปลูก ประมาณ 8x8 เมตร
ขั้น ตอนการเก็บผลผลิตมะแขว่น
จะเริ่มเก็บผลผลิตเมื่อผลมะแขว่นแก่ โดยจะสังเกตจากสีเมล็ดเปลี่ยนเป็นสีดำ ซึ่งมะแขว่นจะออกดอกและให้ผลผลิตเมื่อมีอายุได้ประมาณ 3 ปี

การแปรรูปมะแขว่น  มีวิธีการดังนี้

การนำเอาผลมะแขว่นสดไปตาก แห้งเพื่อเก็บเอาไว้ขายนอกฤดูกาล การนำเอาผลมะแขว่นสดดองไว้ในขวดแก้ว วิธีการดองมะแขว่น และการทำมะแขว่นป่น
การเตรียมมะแขว่นเพื่อดอง นำมะแขว่นดิบที่เด็ดจากพวงมาล้างให้สะอาด แล้วนำมาผึ่งน้ำให้พอหมาด ต้มน้ำเปล่าให้เดือด และต้มน้ำปลาให้เดือดแล้วทิ้งให้เย็น จากนั้นนำขวดแก้วสำหรับบรรจุไปอบหรือนึ่ง
นำมะแขว่นดิบที่เตรียมไว้ ลงลวกในน้ำเดือดแล้วนำไปแช่น้ำเย็น จึงตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ นำน้ำปลาที่เตรียมไว้ เทให้ท่วมผลมะแขว่น บรรจุลงในขวดแก้วที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วนำมาปิดฝาให้สนิท
การทำมะแข ว่นป่น นำมะแขว่นแห้งที่เตรียมไว้ใส่เครื่องบดแล้วบดให้ละเอียด บรรจุมะแขว่นที่บดแล้ว ลงในขวดแก้วที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว แล้วปิดฝาให้สนิท

หมายเหตุ ขื่น ในพจนานุกรมฉบับมติชน หมายถึง รสขมเจือเฝื่อน, (กลิ่น) ฉุน

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=3147
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11/พ.ย./11 15:28น. โดย น้องเบส เจียงฮาย »

ออฟไลน์ บางนรา

  • VIP
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 499
    242
  • เพศ: หญิง
  • ไม่รู้อะ

 :'e:82 เยี่ยมมาเลยค่ะคุณเบส เมื่อก่อนไม่รู้จักหรอกค่ะ พอมาอยู่ทางเหนือเขาเอาใส่ในแจ่วฮ้อนหอมดี รสชาติตอนแรกก็ไม่ค่อยชอบ พอกินบ่อยๆก็อร่อยดีค่ะ จนเดี๋ยวนี้ทำแจ่วฮ้อนกินเองก็ต้องใส่ทุกครั้ง ยิ่งมารู้สรรพคุณก็ยิ่งอยากกินค่ะ :'e:39

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=3147

ออฟไลน์ dotcom

  • ปรมาจารย์
  • ***
  • ออฟไลน์
  • 303
    156
    • อีเมล์

 :'e:92

 :'e:82 :'e:82 :'e:82
 :'e:108
 :'e:121
 :'e:92 :'e:92 :'e:92
สุดยอดตาเบส ความรู้อย่างนี้หาได้ยากนะครับ

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=3147

ออฟไลน์ เฒ่าแก่

  • VIP
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 777
    238
  • เพศ: ชาย
  • ขอพักใจด้วยครับ

:'e:82 เยี่ยมมาเลยค่ะคุณเบส เมื่อก่อนไม่รู้จักหรอกค่ะ พอมาอยู่ทางเหนือเขาเอาใส่ในแจ่วฮ้อนหอมดี รสชาติตอนแรกก็ไม่ค่อยชอบ พอกินบ่อยๆก็อร่อยดีค่ะ จนเดี๋ยวนี้ทำแจ่วฮ้อนกินเองก็ต้องใส่ทุกครั้ง ยิ่งมารู้สรรพคุณก็ยิ่งอยากกินค่ะ :'e:39

น้องเบส มันหอมมากๆเลยนะ

เนี้ยบางนราทำแจ้วฮ้อนให้กินครั้งไหน ก็จะต้องใส่ตลอดเลย ขาดไม่ได้

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=3147


ดีจัง เข้าใจหาของแปลกๆมาลงนะคะเพราะบางคนอาจไม่รู้จักด้วยซ้ำค่ะ มะแข่นมีกลิ่นหอมเป็นสมุนไพร ที่น่าน อำเภอนาหมื่น ตำบลเมืองลี อร่อยมากกลิ่นฉุนได้ใจดีแก้ดับคาวได้ดีมากนึกแล้วอยากกินแกงคั่วไก่จัง :'e:54

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=3147

ออฟไลน์ น้องดา

  • VIP
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 2123
    211
  • เพศ: หญิง
  • -
    • -
    • อีเมล์

โฮ้โฮ น้องเบส แหมมีต้นที่บ้านด้วยเมื่อไหร่ลูกจะโตนะ พี่เคยเห็นนะแต่ไม่เคยกินเลยค่ะ  :'e:108

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=3147
-

ออฟไลน์ สุบิน

  • เทพ
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 2334
    646
    • อีเมล์

 :'e:38
ละอ่อนต่อนแต่นตำม่ะแขว่น หื้อกิ๋น แก้ขี้คร้าน จะไปลืมวันหน้าเอาม่ะแหลบ และม่ะก๊าด (เซมๆ/ลูกบางๆกับใหญ่ๆ)มาลงหื้อผ่อแฮ๋มเน้อ ก้ากกกก :'e:37

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=3147

ออฟไลน์ น้องดา

  • VIP
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 2123
    211
  • เพศ: หญิง
  • -
    • -
    • อีเมล์

เว้าภาษาเหนือหวาฟังบ่ค่อยออกเด้ออ้าย :'e:106 :'e:106

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=3147
-