สัพเพเหระ > เป็นนักเลงกลอนอย่านอนเปล่า

ทอฝัน

(1/2) > >>

แม็ท:
เรา..เพียง..แค่..เศษ..เสี้ยว..ส่วน..หนึ่ง..ใน..ฝัน..เธอ..หรือ...ทอฝัน
                       เรา..เรื่มต้น จากในฝัน อันว่างเปล่า

                         เพียง..สองเรา ต้องเฝ้าคอย ร้อยเรียงฝัน
                          
                            แค่..สัญญา ปากกับใจ ให้ตรงกัน

                              เศษ..เสี้ยวฝัน ให้หมั่นหา มาต่อเติม


                                 เสี้ยว..นาที ที่รวมฝัน นั้นมีค่า
                                            
                                   ส่วน..ที่ขาด ไขว่คว้าหา มาแต่งเสริม

                                      หนึ่ง..เป็นสอง ต้องแบ่งคั่น จากฝันเดิม

                                          ใน..ส่วนเพิ่ม ไร้แม้ฉัน ในฝันเรา


                                               ฝัน..ยังไกล คงไร้แรง จะแข่งสู้

                                                 เธอ..ก็รู้ ต่างต้องอยู่ อย่างเงียบเหงา

                                                    หรือ..แท้จริง สิ่งที่วาด อาจบางเบา

                                                       ทอฝัน..เรา จึงเลือนลาง ห่างจากจริง


                                                           แม็ท เมืองชล  ๑๑/๑๐/๕๗  ๐๓.๒๒


               แนวคิดได้มาจากกลอนเปล่า ซึ่งจำไม่ได้แล้วว่าเคยอ่านมาจากที่ใด เป็นไดอารี่ หรือบันทึกอะไรสักอย่าง แต่ของเขาขึ้นต้นแบบนี้แหละครับ คือคำแรกของวรรค สามารถอ่านลงในแนวดิ่งแล้วได้ใจความ หรือมีความหมาย แต่นั่นเป็นกลอนเปล่าซึ่งไม่ได้มีกฏอะไรมากนัก ผมนำมาปรับใส่กลอนซึ่งอาจจะเป็นบทกลอนที่ใช้คำ 9 คำ หรือ 9 พยางค์ทั้งหมด แค่ 3 บทนี่ก็เอาเรื่องเหมือนกัน เพราะนอกจากจะตั้ง กำหนดคำให้สามารถสื่อความหมายได้แล้ว ยังต้องนึกให้ถึงบทที่จะส่งในบทต่อไปให้ได้ด้วย บางคำใช้แล้วเปลี่ยนเรื่องไปเลย หรือถ้าไปไม่ได้จริงต้องเปลี่ยนคำ หรือต้องเริ่มใหม่กันเลย ลองๆดูครับ เผื่อท่านใดมีแนวคิดหรือติชมให้คำแนะนำกันได้นะครับ ว่างๆจะลองแต่งให้ยาวๆกว่านี้ครับ :'e:101  :'e:92

หลายๆคนก็คงงงว่า ทอฝัน คือ อะไร มาเกี่ยวอะไร ทอฝัน คือชื่อของผู้หญิงคนหนึ่งครับ แค่อ่านหัวข้อแล้ว ก็เหมือนๆคำถามที่ถามคนที่ชื่อ ทอฝัน แต่เนื้อหาอาจจะไม่เกี่ยวกับคนที่ชื่อทอฝันเลย ผมชื่นชอบชื่อนี้ แค่อยากจะใช้ชื่อของเธอมาเป็นชื่อบทกลอน  ค่อยๆอ่านและคิดตามทีละวรรคอย่างช้าๆครับ ปิดส่วนที่เหลือไว้ก่อนก็ได้ครับ เพราะถ้าอ่านทั้งหมดแล้วแปลความหมายทีเดียวอาจจะไม่ค่อยเข้าใจได้ครับ  :'e:39  psi306

ทวีป โคราช:
การจะแต่งให้สละสลวยไพเราะ ถูกต้องตามฉันทลักษณ์ ได้เนื้อหาตามที่เราต้องการ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ ยิ่งมากำหนดคำขึ้นต้นของวรรคไว้ล่วงหน้า ก็จะทำให้ยากยิ่งขึ้น เคยเห็นเหมือนกันครับการแต่งแบบนี้  :'e:133 :'e:133

ชบาบาน:
เข้าท่าเลยขอรับ ท่านแม้ท เมืองชล กระผมเคยถกเถียงเรื่องกลอนเปล่า(ไร้ฉันทลักษณ์)กับผู้ที่อ้างตัวว่าเชี่ยวชาญด้านวรรณกรรมหลายท่าน
ลงท้ายก็หาข้อยุติไม่ได้ กระผมเห็นว่าคำว่า"กลอน"มันต้องสำผัสคล้องจองกันไม่ว่ากลอนสี่่กลอนแปด ส่วนที่เรียกกันว่ากลอนเปล่า มีข้อความ
สวยงามแต่ไม่มีสัมผัสมันขัดๆความรู้สึกไม่ค่อยยอมรับ แต่ประเภทกลอนเปล่าที่ดีๆก็มีเยอะ เช่นงานของท่าน"ราช รังรอง"เนื้อหากินใจ ถึงกระนั้น
ก็ยังเป็นร้อยแก้วอยู่ดี ท่านอื่นๆจะมีความคิดเห็นประการใดบ้าง ลองออกมาให้ความคิดเห็นกันบ้างสิขอรับ

คนชายแดน:
เข้ามาให้กำลังใจครับ เพราะดีครับ แถมมีคำแนะนำให้สำหรับผู้ที่จะฝึกใหม่ด้วย
สำหรับผมคงไม่มีความคิดเห็มในเรื่องบทกลอนครับ
เพราะไม่มีความรู้ความสามารถในเรื่องนี้มากนัก พอถูๆ ไถๆได้นิดๆหน่อยๆ ตามธรรมดาคนเรียนมาน้อยครับ
 :'e:133 :'e:133 :'e:133

ปลาป๋อง:
วึ้งกินใจได้อรรถรส :'e:93 :'e:133 :'e:133

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

Go to full version