ผู้เขียน หัวข้อ: จรัล มโนเพ็ชร( 3 กันยายน พ.ศ. 2544)  (อ่าน 11236 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออนไลน์ ประสิทธิ์

  • Administrator
  • *
  • ออนไลน์
  • 6174
    9863
  • เพศ: ชาย
    • เพลงพักใจดอทเนต



จรัล มโนเพ็ชร (1 มกราคม พ.ศ. 2498[1] — 3 กันยายน พ.ศ. 2544) เป็นศิลปินชาวไทย ผู้เป็นทั้งนักร้อง นักดนตรี นักแต่งเพลง และนักแสดง ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคสมัย

งานดนตรีของจรัลมีเอกลักษณ์จากการสร้างสรรค์ภาษาถิ่นเหนือ คำเมือง ของเขาซึ่งเรียกว่า “โฟล์คซองคำเมือง” ที่ก่อเกิดขึ้นนับแต่ปี พ.ศ. 2520 และได้รับความสนใจจนเป็นที่ยอมรับ และกลายเป็นแบบอย่างบนแนวทางดนตรีท้องถิ่นร่วมสมัยในปัจจุบัน

โฟล์คซองคำเมืองของจรัลไม่เพียงได้รับความนิยมชมชอบจากชาวเหนือหรือชาวล้านนา ซึ่งเข้าใจภาษาคำเมืองภาษาท้องถิ่นของตน แต่ยังเป็นที่ชื่นชอบของชาวไทยภาคอื่น ๆ ไปจนถึงชาวต่างชาติที่สนใจในศิลปะการดนตรี เอกลักษณ์ของเขาทั้งในการแต่งเพลง ร้องเพลง และเล่นดนตรี ทำให้จรัลได้รับการยกย่องให้เป็น “ราชาโฟล์คซองคำเมือง” จรัลแต่งเพลงไว้กว่าสองร้อยเพลงในช่วงเวลาราวยี่สิบห้าปีของชีวิตศิลปินของเขา เป็นบทเพลงที่งดงามด้วยการใช้ภาษาเยี่ยงกวี จนทำให้เขาได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เมื่อปี พ.ศ. 2537 ในฐานะ “บุคคลดีเด่นทางด้านการใช้ภาษา”

แม้จรัลจะเสียชีวิตไปแล้วแต่บทเพลงของเขานับร้อยเพลงนั้นยังคงเป็นอมตะ ผู้คนยังคงฟังเพลงของเขาอยู่ไม่เสื่อมคลาย

เนื้อหา  [ซ่อน]
1 ประวัติ
1.1 การศึกษา
1.2 ยุคแรก
1.3 ยุคหลัง
1.4 การเสียชีวิต
2 ผลงาน
2.1 ผลงานดนตรี (พ.ศ. 2520 – 2544)
2.2 ผลงานการแสดง (พ.ศ. 2520 – 2544)
2.2.1 ภาพยนตร์
2.2.2 ละครโทรทัศน์
2.2.3 ละครเวที
2.2.4 พากย์
2.3 ดนตรีประกอบภาพยนตร์และสารคดี
3 เกียรติคุณที่เคยได้รับ
4 อ้างอิง
5 แหล่งข้อมูลอื่น
ประวัติ[แก้]
จรัล มโนเพ็ชร เกิดที่จังหวัดเชียงใหม่ ในย่านที่เรียกว่าประตูเชียงใหม่ พ่อของเขาเป็นข้าราชการอยู่ที่แขวงการทางจังหวัดเชียงใหม่ ชื่อ สิงห์แก้ว มโนเพ็ชร ส่วนแม่ชื่อ เจ้าต่อมคำ (ณ เชียงใหม่) มโนเพ็ชร สืบเชื้อสายมาจากราชตระกูล ณ เชียงใหม่

จรัลเกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2498[2] เป็นลูกคนที่สอง มีพี่น้องชายหญิงรวมทั้งหมด 7 คน ครอบครัวเป็นชนชั้นกลาง มีชีวิตเรียบง่ายสมถะตามแบบวิถีชีวิตชาวเหนือทั่วไป ใฝ่ใจในพุทธศาสนา ทั้งพ่อและแม่ของจรัลจะไปทำบุญและร่วมงานพิธีทางศาสนาอยู่เสมอที่วัดใกล้บ้าน คือ วัดฟ่อนสร้อย ซึ่งเป็นวัดที่ครอบครัวนี้มีศรัทธาอย่างยิ่ง ด้วยครอบครัวมโนเพ็ชรเป็นครอบครัวใหญ่ พ่อของจรัลจึงต้องหารายได้พิเศษ ความที่เป็นคนมีฝีมือในด้านงานศิลปะหัตถกรรมท้องถิ่นที่สืบทอดตกมาจากบรรพบุรุษชาวเหนือ ทั้งการเขียนรูป และการแกะสลักไม้ พ่อของจรัลจึงมีรายได้เพียงพอที่จะเลี้ยงดูครอบครัว จรัลเองในเวลานั้นแม้จะอยู่ในวัยเด็ก แต่บางครั้งเมื่อพ่อมีงานพิเศษล้นมือจรัลจะเป็นผู้ช่วยพ่อของเขา ทั้งงานเขียนรูปและงานแกะสลักไม้

การศึกษา[แก้]
จรัลเข้าเรียนหนังสือครั้งแรกที่โรงเรียนพุทธิโสภณ แล้วจึงย้ายไปเรียนต่อที่โรงเรียนเมตตาศึกษา จากนั้นจึงสอบเข้าเรียนในขั้นอุดมศึกษาที่วิทยาลัยเทคนิคภาคพายัพ จรัลฝึกเล่นกีตาร์มาตั้งแต่เด็กเพราะความชอบในดนตรี ทั้งจากที่เขาได้ฟังทางสถานีวิทยุในเชียงใหม่ และจากพวกมิชชันนารีที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนาในภาคเหนือ ระหว่างที่เรียนอยู่ที่วิทยาลัยเทคนิคภาคพายัพ จรัลช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัวด้วยการทำงานเพื่อหารายได้พิเศษโดยไม่ต้องรบกวนเงินทองจากทางบ้าน เขาเริ่มต้นด้วยการรับจ้างร้องเพลงและเล่นกีตาร์ตามร้านอาหาร หรือตามคลับตามบาร์ในเชียงใหม่ ซึ่งในเวลานั้นยังมีอยู่เพียงไม่กี่แห่ง แนวดนตรีที่เขาชอบเป็นพิเศษคือดนตรีโฟล์ค คันทรี และบลูส์ ที่ต่อมาได้กลายเป็นแรงบันดาลใจและมีอิทธิพลอย่างยิ่งในการแต่งเพลงของเขา

เมื่อจบการศึกษาจากวิทยาลัย จรัลเข้าทำงานรับราชการเป็นงานแรกที่แขวงการทางอำเภอพะเยา (เวลานั้นพะเยายังไม่ได้รับการยกให้เป็นจังหวัดเหมือนในปัจจุบัน) ต่อมาจึงย้ายไปทำงานที่บริษัทไทยฟาร์มมิ่ง และที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จรัลยังคงทำงานประจำไปด้วยควบคู่กับการร้องเพลงตามร้านอาหาร ตามโรงแรมและคลับบาร์ในเชียงใหม่

ต่อมาใน ปี พ.ศ. 2520 เมื่อบทเพลงโฟล์คซองคำเมืองของเขาเผยแพร่ไปทั่วประเทศ เพลงที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือเพลงที่ชื่อ อุ๊ยคำ ซึ่งเวลานั้นเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากบทเพลงของ ปีเตอร์ พอล แอนด์ แมรี นอกจากนั้นยังมีศิลปินต่างชาติอีกหลายคนที่เป็นต้นแบบการเล่นดนตรีของจรัล เช่น บ็อบ ดีแลน, จอห์น เดนเวอร์, นิตตี้ กริทที้ เดิร์ท แบนด์, วิลลี่ เนลสัน, จิม โครเชต์ และ พอล ไซมอน & อาร์ท การ์ฟังเกล ซึ่งส่งผลไปถึงการทำงานโฟล์คซองคำเมืองอันเป็นดนตรีในรูปแบบของจรัลเอง

จรัลก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไปในยุคนั้นที่ได้ยินได้ฟังดนตรีจากอเมริกาและอังกฤษที่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทยตามสมัยนิยม แต่จรัลไม่เพียงชื่นชอบเสียงดนตรีจากต่างประเทศ เขายังชื่นชอบบทเพลงสมัยก่อนแต่โบราณของชาวล้านนาอย่างยิ่ง เมื่อจรัลเริ่มต้นแต่งเพลง บทเพลงของเขาจึงเป็นการผสมผสานแนวดนตรีตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แม้จะเป็นการผสมผสานศิลปะดนตรีของตะวันออกกับตะวันตกก็ตาม แต่งานดนตรีของจรัลก็แฝงด้วยลักษณะท้องถิ่นล้านนาที่ชัดเจน ทั้งท่วงทำนองและเนื้อหาของบทเพลงที่เกี่ยวกับวิถีชีวิตชาวล้านนาตั้งแต่ยุคแรกที่ทำให้จรัลมีชื่อเสียงขึ้นมา และแม้เวลาจะผ่านไป บทเพลงของจรัลเริ่มที่จะเป็นลักษณะสากลแต่เขาก็ไม่เคยละทิ้งบทเพลงพื้นบ้านของล้านนา

ยุคแรก[แก้]
บทเพลงคำเมืองของเขาแพร่กระจายไปทั่วในปี พ.ศ. 2520 แต่บรรดาครูเพลงในล้านนาที่จรัลมักเรียกว่า ฤๅษีทางดนตรี ต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์งานของเขาซึ่งแปลกแตกต่างไปจากดนตรีล้านนาที่เคยได้ยินได้ฟังกันมา เพราะจรัลใช้กีตาร์ และแมนโดลินมาแทนเสียงซึง ใช้ขลุ่ยฝรั่งแทนขลุ่ยไทย และเขายังใช้เครื่องดนตรีสมัยใหม่อีกมากมายมาบรรเลงบทเพลงเก่าแก่ของล้านนาตามแบบฉบับโฟล์คซองคำเมืองของเขา จรัลพูดว่า “บทเพลงแบบเก่าๆนั้นมีคนทำอยู่มากแล้วและก็ไม่สนุกสำหรับผมที่จะไปเลียนแบบของเก่าเสียทุกอย่าง”

การเป็นคนนอกคอกที่กล้าพอที่จะสร้างสรรงานดนตรีซึ่งแตกต่างจากงานเก่า ๆ ตามแบบของศิลปินนี้เอง ที่ส่งผลให้บทเพลงเก่าแก่ของล้านนากลับมาได้รับความสนใจจากวัยรุ่นในยุคนั้น แทนที่จะหายไปตามกาลเวลาและสมัยนิยม จรัลได้รับการยกย่องอย่างสูงว่าเป็นนักแต่งเพลงฝีมือเยี่ยม ที่แม้บรรดาศิลปินเพลงด้วยกันต่างก็ยอมรับ เขาเชียวชาญการแต่งเพลงหลายรูปแบบแต่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือบทเพลงแบบบัลลาด ซึ่งเป็นบทเพลงที่บอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตของผู้คนของท้องถิ่นล้านนาอันเป็นบ้านเกิดของเขา จรัลพูดถึงการแต่งเพลงเองร้องเพลงเองของเขาว่า….. '“มันเป็นงานที่เป็นตัวตนจริงๆแท้ๆจากใจ ในเมื่อผมเป็นนักร้องแต่ไม่อยากร้องเพลงของคนอื่น ผมจึงต้องเขียนเพลงของตัวเอง เป็นเพลงที่ผมอยากร้อง มันทำให้ได้เป็นตัวของตัวเองเต็มที่ ไม่ต้องอาศัยให้ใครมาสร้างภาพลักษณ์”'

ในยุคแรกๆนั้นจรัลทำงานดนตรีร่วมกับพี่น้องและญาติๆของเขาในตระกูลมโนเพ็ชร คือน้องชายสามคนที่ชื่อ กิจจา – คันถ์ชิด และเกษม รวมทั้งมักจะมีนักร้องหญิงชื่อสุนทรี เวชานนท์ ร่วมร้องเพลงด้วย แต่ต่อมาทั้งหมดก็แยกทางกันไปตามวิถีของแต่ละคน น้องชายทั้งสามของเขาต่างก็ยังคงเล่นดนตรีและร้องเพลง โดยที่ส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯนั่นเอง ส่วนสุนทรี เวชานนท์ แต่งงานกับชายชาวออสเตรเลียจึงโยกย้ายไปอยู่ต่างประเทศระยะหนึ่ง เมื่อกลับมาเมืองไทยอีกครั้งก็ได้เกิดเรื่องความบาดหมางระหว่างจรัลกับสุนทรีจนทำให้ไม่อาจร่วมงานกันได้อีกต่อไป จรัลเองถึงกับประกาศว่าจะไม่ขอขึ้นเวทีร้องเพลงร่วมกับสุนทรีอีก และเขาก็ได้ทำเช่นนั้นตราบจนวันตายจริงๆ

ยุคหลัง[แก้]
ในช่วงบั้นปลายของชีวิตราวสิบปีก่อนที่จรัลจะเสียชีวิต งานดนตรีของเขาจึงเป็นการทำงานเพียงลำพังอย่างแท้จริง แต่ด้วยความสามารถอันสูงส่งของเขา งานดนตรีของจรัลกลับพัฒนายิ่งขึ้น โดยที่เขายังคงแต่งเพลงเอง ร้องเอง เล่นดนตรีเอง และจรัลยังเรียบเรียงเสียงดนตรีเองอีกด้วย จนทำให้เขาได้รับรางวัลดนตรี สีสันอวอร์ด ในปี พ.ศ. 2538 โดยเป็นศิลปินชายเพียงคนเดียวที่ได้รับรางวัลถึงสามรางวัลในครั้งนั้น นั่นก็คือในฐานะนักร้องชายยอดเยี่ยม จากเพลงศิลปินป่า อัลบั้มยอดเยี่ยม จากอัลบั้มชุดศิลปินป่า และบทเพลงยอดเยี่ยมจากงานชุดศิลปินป่า

เมื่อจรัลโยกย้ายจากจังหวัดเชียงใหม่ไปอยู่ที่กรุงเทพฯ นอกจากมีกิจการร้านอาหารและทำงานเพลงแล้ว บางครั้งจรัลยังรับแสดงหนังและละคร อีกทั้งยังแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์และละครเหล่านั้นด้วย ความสามารถในด้านนี้ทำให้ต่อมาจรัลได้รับรางวัลทางด้านการแสดงอีกหลายรางวัลทีเดียว ในปี พ.ศ. 2539 เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีกาญจนาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๓๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีการจัดทำดนตรีเรียกว่าดนตรีจตุรภาค โดยรวบรวมนักดนตรีฝีมือเยี่ยมจากทั่วทุกภาคในประเทศมาแต่งเพลงเพื่อเฉลิมฉลองวโรกาสนี้ จรัลเองขณะนั้นมีอายุเพียงสี่สิบห้าปีเท่านั้นแต่ก็ได้รับเชิญในฐานะครูเพลงภาคเหนือ เขาแต่งเพลงชื่อว่า ฮ่มฟ้าปารมี เป็นเพลงที่ไพเราะมาก จนทำให้ต่อมาแพร่หลายในวงกว้าง และในที่สุดสถาบันการศึกษาด้านศิลปะการดนตรีในจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำเพลงนี้ไปใช้ประกอบการสอนในสาขานาฏศิลป์ด้วย และปัจจุบันนี้ได้มีผู้คิดท่าฟ้อนรำสำหรับบทเพลงนี้เช่นกัน เรียกว่า ฟ้อนฮ่มฟ้าปารมี ช่วงชีวิตการทำงานศิลปะการดนตรีของจรัลเริ่มในปี พ.ศ. 2520 และสิ้นสุดลงในปี พ.ศ. 2544 เมื่อจรัลเสียชีวิตจากการที่หัวใจล้มเหลวฉับพลัน โดยที่ก่อนเสียชีวิตนั่นเองจรัลกำลังตั้งใจที่จะทำงานเพลงในโอกาสที่โฟล์คซองคำเมืองของเขายืนยาวมาถึงยี่สิบห้าปีแห่งการทำงานเพลง เขาตั้งใจใช้ชื่อว่า 25 ปี โฟล์คซองคำเมือง จรัล มโนเพ็ชร

การเสียชีวิต[แก้]
ข่าวการเสียชีวิตของจรัลจากการที่หัวใจล้มเหลวฉับพลัน เมื่อย่ำรุ่งของวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2544 จังหวัดลำพูน สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วประเทศ ผู้คนจำนวนมากจากทุกวงการเดินทางไปคารวะศพของเขา ซึ่งตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ที่วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหารเป็นเวลาห้าวัน พวงหรีดที่มีผู้นำไปแสดงความเคารพและคารวะศพของจรัลมีเป็นจำนวนมากจนกระทั่งไม่มีที่วาง ทางวัดจึงต้องนำไปแขวนไว้บนกำแพงวัดทั้งด้านในและด้านนอก นายกรัฐมนตรีในเวลานั้นคือ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้ส่งพวงหรีดดอกไม้สดมา และรวมทั้งอดีตนายกรัฐมนตรี นายชวน หลีกภัย หรือแม้แต่รัฐมนตรีตามกระทรวงต่าง ๆ และสมาชิกรัฐสภา

หลังการเสียชีวิตของจรัล มโนเพ็ชร นอกจากการขนานนามที่เขาได้รับมาตลอดว่าเป็น ราชาโฟล์คซองคำเมือง แล้ว ผู้คนได้ยกย่องและเรียกเขาด้วยชื่อต่าง ๆ กันเป็นต้นว่า ศิลปินล้านนาแห่งยุคสมัย ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ มหาคีตกวีล้านนา ราชันย์แห่งดุริยะศิลป์ นักวิชาการและนักอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมยกย่องให้ จรัล มโนเพ็ชร เป็นนักรบวัฒนธรรมแห่งท้องถิ่น

ก่อนเสียชีวิตไม่นานจรัล มโนเพ็ชร ได้รับเชิญจากรัฐบาลให้เป็นที่ปรึกษางานด้านวัฒนธรรม ซึ่งจรัลได้ตอบตกลงไปแล้ว แต่ก่อนที่การประชุมครั้งแรกจะเกิดขึ้นจรัลก็เสียชีวิตไปก่อน

ผลงาน[แก้]
ผลงานดนตรี (พ.ศ. 2520 – 2544)[แก้]
โฟลค์ซองค์คำเมืองชุด 2 จรัล มโนเพ็ชร ท่าแพบรรณาคาร
โฟล์คซองคำเมืองชุด 4 จรัล-เกษม มโนเพ็ชร อัดโดย ท่าแพบรรณาคาร เชียงใหม่
โฟล์คซองคำเมือง อมตะ 1
โฟล์คซองคำเมือง อมตะ2
เสียงซึงที่สันทราย
จากยอดดอย
ลูกข้าวนึ่ง
แตกหนุ่ม
อื่อ…จา…จา
บ้านบนดอย
เอื้องผึ้ง-จันผา (มีเพลงฮิตที่สุด คือ รางวัลแด่คนช่างฝัน)
ไม้กลางกรุง
ตำนานโฟล์ค
ฉันมีความรักมาให้
จรัลแจ๊ส
โฟล์ค 1991
ศิลปินป่า
หวังเอย หวังว่า
ความหวังความฝันของวันนี้
สี่เหน่อ
ล้านนาซิมโฟนี
ผลงานการแสดง (พ.ศ. 2520 – 2544)[แก้]
ภาพยนตร์[แก้]
ดอกไม้ร่วงที่แม่ริม
เสียงซึงที่สันทราย
ด้วยเกล้า
วิถีคนกล้า
กาเหว่าที่บางเพลง
ยิ้มนิดคิดเท่าไหร่
เวลาในขวดแก้ว
ละครโทรทัศน์[แก้]
เวลาในขวดแก้ว
รอยทางแห่งความฝัน
ไม้ดัด
หงส์เหนือมังกร
รักสองภพ
ตะวันตัดบูรพา
ขมิ้นกับปูน
ละครเวที[แก้]
สู่ฝันอันยิ่งใหญ่
จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า
พากย์[แก้]
การ์ตูน โรบินฮู้ด ของวอลต์ ดิสนีย์ พากษ์เสียงภาคภาษาไทยในบทของไก่ซึ่งเล่นดนตรีในเรื่องนี้ด้วย
ดนตรีประกอบภาพยนตร์และสารคดี[แก้]
ดนตรีประกอบสารคดีขององค์การยูนิเซฟ เพื่อรณรงค์ต่อต้านการประกอบอาชีพโสเภณีของสาวเหนือ
ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง บุญชูผู้น่ารัก ภาค 1-8 ในภาค9 เป็นหน้าที่ของ ยืนยง โอภากุล
ดนตรีประกอบสารคดีโทรทัศน์ ชุดพุกามประเทศ-เชียงตุง-อาณาจักรล้านนา
ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง เขาชื่อกานต์
ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง คนทรงเจ้า
ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง วิถีคนกล้า
ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง ยิ้มนิดคิดเท่าไหร่
ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง กาเหว่าที่บางเพลง
ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง อนึ่ง…คิดถึงพอสังเขป
ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง โก๊ะจ๋า…ป่านะโก๊ะ
ดนตรีประกอบสารคดีโทรทัศน มาลัยชีวิต
ดนตรีประกอบละครโทรทัศน์เรื่อง เหตุเกิดเมื่อคืนหนึ่ง
ดนตรีประกอบละครโทรทัศน์เรื่อง ระเริงชล
ดนตรีประกอบละครโทรทัศน์เรื่อง เวลาในขวดแก้ว
ดนตรีประกอบละครโทรทัศน์เรื่อง เจ้านาง
เกียรติคุณที่เคยได้รับ[แก้]
จากสมาคมนักแต่งเพลงแห่งประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2524
จากองค์การยูนิเซฟ เมื่อปี พ.ศ. 2524
จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในงานเทศกาลเที่ยวเชียงใหม่ ปี พ.ศ. 2525
จาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ รางวัลบทเพลงดีเด่น 3 รางวัล คือในปี พ.ศ. 2524-2525 และ 2536
รางวัลตุ๊กตาทองเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม บุญชูผู้น่ารัก ปี พ.ศ. 2530 และจากบุญชู 2 น้องใหม่ ปี พ.ศ. 2532
รางวัลศิษย์เก่าดีเด่นสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล ปี พ.ศ. 2532
รางวัลศิษย์เก่าดีเด่นวิทยาเขตภาคพายัพ ปี พ.ศ. 2532
รางวัลสุพรรณหงส์ทองคำในฐานะแสดงนำชายยอดเยี่ยมเรื่องด้วยเกล้า เมื่อปี พ.ศ. 2530
โล่ห์เกียรติยศจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาในฐานะบุคคลดีเด่นทางด้านการใช้ภาษา ปี พ.ศ. 2537
รางวัลจากชมรมวิจารณ์เพลงแห่งประเทศไทย ในเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องวิถีคนกล้า
ผู้มีผลงานดีเด่นด้านวัฒนธรรมสาขาศิลปะการแสดงเพลงพื้นบ้าน ปี พ.ศ. 2540 จากสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่
รางวัลสีสันอวอร์ด 3 รางวัล เมื่อปี พ.ศ. 2538 ในฐานะนักร้องนำชายยอดเยี่ยม, บทเพลงยอดเยี่ยม และอัลบั้มยอดเยี่ยม ทั้งหมดมาจากงานดนตรีชุด ศิลปินป่า
รางวัลพิฆเนศทองคำพระราชทานครั้งที่ 1 เมื่อปี พ.ศ. 2539 จากเพลงชุด ศิลปินป่า
รางวัลจากชมรมสภาวะแวดล้อมสยาม จากงานชุด ศิลปินป่า
รางวัลจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=28569
สมาชิกใหม่..ก่อนตั้งกระทู้แนะนำตัวให้ดูตัวอย่าง.แล้วไปอ่านประกาศการใช้งานบอร์ดและห้องโหลดเพลง เมื่ออ่านเข้าใจแล้วก็ตอบรับทราบทั้ง 2 กระทู้1.ห้ามเด็ดขาดการใช้เพียงอีโมตอบกระทู้เพื่อโหลดเพลง.2.ห้ามตอบเพียงขอบคุณครับ/ค่ะ โหลดเพลง 5:1 อ่านให้เข้าใจด้วย

ออฟไลน์ ครูณัฐพงศ์

  • มืออาชีพ
  • **
  • ออฟไลน์
  • 97
    18
Re: จรัล มโนเพ็ชร( 3 กันยายน พ.ศ. 2544)
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 03/ก.ย./14 12:09น. »

ขอบคุณครับ ผมคิดถึงศิลปินล้านนาท่านนี้เสมอ โดยเฉพาะเพลงน้อยใจยา ชอบมากครับ

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=28569

ออฟไลน์ โดม ลำปาง

  • เซียน
  • ****
  • ออฟไลน์
  • 558
    69
Re: จรัล มโนเพ็ชร( 3 กันยายน พ.ศ. 2544)
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 03/พ.ย./14 15:11น. »

หนึ่งเดียวศิลปินล้านนาผู้อยู่ในดวงใจเสมอ

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=28569

ออฟไลน์ คนนนท์

  • เทพ
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 678
    271
  • เพศ: ชาย
    • อีเมล์
Re: จรัล มโนเพ็ชร( 3 กันยายน พ.ศ. 2544)
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 03/พ.ย./14 17:20น. »

ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชมผลงานการร้องและการแต่งเพลงของจรัล มโนเพชร นอกจากนี้เขาก็ยังแสดงละครทีวีได้เก่งมาก นับเป็นศิลปินที่มีความสามารถรอบด้าน เสียดายที่เขาจากพวกเร็วเกินไป
ขอบคุณที่นำเรื่องราวเกี่ยวกับคุณจรัลมาให้รับทราบ  :'e:31

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=28569

ออฟไลน์ ทวีศักดิ์

  • สมาชิกใหม่
  • *
  • ออฟไลน์
  • 0
    4
Re: จรัล มโนเพ็ชร( 3 กันยายน พ.ศ. 2544)
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 09/ธ.ค./14 15:17น. »

ยกนิ้วให้เลย

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=28569

Re: จรัล มโนเพ็ชร( 3 กันยายน พ.ศ. 2544)
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 11/ธ.ค./14 03:48น. »


   ทำไมหนา...ศิลปินคนเก่งและมีความสามารถ ต้องอายุสั้นด้วย

   เป็นตำนานที่คงไม่มีใครสามารถทำได้อีกแล้วครับ....

                             :'e:102 :'e:102 :'e:102

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=28569
สะลิด สะลัก ขึ้นต้นต๋องเต๋ย หยังมาใคร่เกย ปี้น้องบ้านนี้

ขดตะหวาย หงายโอ้งตี๋น กิ๋นลาบหลู้ อู้กำเมือง