มาดูแลสุขภาพกัน > บอกเล่าเก้าสิบหยิบยกเรื่องสุขภาพ

กินข้าวโพดหวานต้ม ได้ประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด

(1/4) > >>

เวียงสา980:

กินข้าวโพดหวานต้ม ได้ประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด





  หลายคนคงเคยได้รับรู้มาบ้างแล้วว่า การกินข้าวโพดหวานมีประโยชน์หลายประการ
อาทิเช่น บำรุงกระเพาะอาหาร บำรุง
หัวใจและปอด ช่วยเจริญอาหาร และขับปัสสาวะ เป็นต้น
 สำหรับประโยชน์ของข้าวโพดหวานที่มากกว่านั้น เพื่อให้ทุกคนหันมา
รับประทานข้าวโพดหวาน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายมากยิ่งขึ้น
           การกินข้าวโพดหวานต้ม
สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจ และมะเร็งได้ การต้มทำให้ข้าวโพดหวาน
ปล่อยสารต้านอนุมูลอิสระ หรือที่บางคนเรียกกันว่า แอนตี้ออกซิแดนท์มาหลายตัว
 และที่สำคัญตัวหนึ่งที่มีชื่อว่า “กรดเฟอรูลิก”
(Ferulic acid ) ซึ่งเป็นสาระสำคัญที่เป็นตัวช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมีประสิทธิภาพ
กรดเฟอรูลิกเป็นสารต้านอนุมูล
อิสระจึงถูกใช้สำหรับต่อต้านการแก่ (aging) ของเซลล์ป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง
 โรคหัวใจ ไข้หวัด รักษาสุขภาพของกล้ามเนื้อ
ต่อต้านผลกระทบจากรังสีอุลตร้าไวโอเลต  (จึงป้องกันมะเร็งผิวหนังได้)



 ตามปกติร่างกายของคนเราต้องมีการเกิดสารอนุมูลอิสระขึ้นในร่างกาย
ซึ่งร่างกายก็ต้องมีกลไกในการควบคุม จึงมีสารต้าน
อนุมูลอิสระมาขจัดอนุมูลอิสระในร่างกาย เพื่อไม่ให้ไปทำลายเซลล์ หรือเนื้อเยื่อต่าง ๆ
ของร่างกายอันจะเป็นบ่อเกิดแห่งโรคที่ได้
กล่าวไว้ข้างต้น แต่ต้องอยู่ในสภาพที่ร่างกายได้รับอาหาร ที่มีประโยชน์ถูกต้องสมบูรณ์
 สิ่งแวดล้อมที่ไม่มีพิษภัย และอากาศดี แต่ใน
ความเป็นจริงที่เราต้องเผชิญในชีวิตจริงนั้น สภาพดังกล่าวแทบจะไม่เหลืออยู่แล้ว
กลับมีสิ่งที่ส่งเสริมการเกิดอนุมูลอิสระ ซึ่ง
นักวิทยาศาสตร์พบว่า ผลิตภัณฑ์ที่เราใช้กันอยู่เกือบทุกชนิดเป็นแหล่งส่งเสริมการเกิดอนุมูลอิสระ
ไม่ว่าจะเป็นไอเสียรถยนต์
ควันบุหรี่ สารพิษฆ่าแมลงแม้กระทั่งสเปรย์ระงับกลิ่นกาย หรือยารักษาโรคที่เรากิน
ตามแพทย์สั่งก็เป็นสารส่งเสริมการเกิด
อนุมูลอิสระทั้งสิ้น ร่างกายเราจึงต้องการต้านอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้น
           ในข้าวโพดหวานตามธรรมชาติจะมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่
โดยมีตัวสำคัญ คือ กรดเฟอรูลิก ซึ่งในข้าวโพดหวานดิบ จะแฝง
ตัวอยู่ในผนังเซลล์ ของเมล็ด เมื่อข้าวโพดหวานถูกต้มนานๆสารต้านอนุมูลอิสระ
และกรดเฟอรูลิก จะถูกปล่อยออกมาในรูปที่เป็น
อิสระ ดังนั้น เมื่อยิ่งต้มข้าวโพดหวานนานก็จะมีปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระ
ถูกปล่อยออกมามากขึ้น การต้มข้าวโพดหวาน
ที่ 115 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 10 นาทีปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระ
จะเพิ่มขึ้นจากข้าวโพดหวานดิบ 21 % ถ้าต้มนาน
25 นาที จะได้สารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้น 44 % และถ้าต้มนาน 50 นาที จะได้เพิ่มถึง 53 %
เมื่อวัดปริมาณเฉพาะกรดเฟอรูลิก
ที่ถูกปล่อยออกมาพบว่า กรดนี้มีปริมาณเพิ่มขึ้นถึง 240 % เมื่อต้มนาน 10 นาที เพิ่มขึ้น 550 %
เมื่อต้มนาน 25 % และเพิ่มขึ้น
ถึง 900 % เมื่อต้มนาน 50 นาที การต้มข้าวโพดหวานนาน ๆ อาจจะทำให้วิตามินบางตัว
 เช่น วิตามินซีสูญเสียไปบ้าง แต่ข้าวโพด
หวานก็ไม่ใช่แหล่งวิตามินซีที่สำคัญอยู่แล้ว


ที่มา : จากวารสารเกษตรภาคใต้(ฉบับชาวบ้าน) ปีที่ 1 ฉบับที่4 กรกฎาคม-สิงหาคม 2551

ต้อม โฆษิต:
ข้าวโพดต้มนี่ของโปรดของผมเลย  เห็นไม่ได้ต้องซื้อมากิน
โดยเฉพาะข้าวโพดข้าวเหนียว   อร่อยมาก  :'e:37




   

เวียงสา980:
เห็นแล้วอยากกิน ค่ะ คุณต้อม   ปกติ จะชอบซื้อแต่ ข้าวโพดข้าวเหนียว กิน แต่ข้าวโพดหวาน มีประโยชน์มากกว่า
เดี๋ยวนี้เปลี่ยนมากินข้าวโพดหวานมั่ง แร่ะ ข้าวโพดหวานถ้าหักมาใหม่ๆ อร่อย กว่า ค้างหลายๆคืน

มานพ พุ่มนรินทร์:
โอ้โห ข้าวโพดหวานมีประโยชน์มากขนาดนี้เลยหรือ หลงไปกินข้าวโพดคั่วเสียนาน เลิกกันข้าวโพดคั่ว ขอบคุณคุณเวียงสามากครับที่นำสิ่งดีมีประโยชน์มานำเสนอครับ

เวียงสา980:

--- อ้างจาก: มานพ พุ่มนรินทร์ ที่ 24/มิ.ย./14 09:01น. ---โอ้โห ข้าวโพดหวานมีประโยชน์มากขนาดนี้เลยหรือ หลงไปกินข้าวโพดคั่วเสียนาน เลิกกันข้าวโพดคั่ว ขอบคุณคุณเวียงสามากครับที่นำสิ่งดีมีประโยชน์มานำเสนอครับ

--- End quote ---
เหมือนกันเลย ค่ะ คุณมานพ ซื้อแต่ข้าวโพดข้าวเหนียวกิน ตลอด (มันอร่อย อ่ะ)
เดี๋ยวนี้หันมากินข้าวโพดหวานมั่งแล้ว ค่ะ  :'e:56 :'e:56

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

Go to full version