ผู้เขียน หัวข้อ: ทำอย่างไรจึงแจ่มใสไม่ร่วงโรย  (อ่าน 2000 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ chomm

  • เทพ
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 1688
    729


                                    ทำอย่างไรจึงจะแจ่มใสไม่ร่วงโรย
    
    
                    ไม่มีใครใดในโลกอยากแก่ มีความพยายามชะลอความแก่หรือพยุงความหนุ่มสาว โดยเฉพาะเรือนกายให้คงอยู่แต่ลืมสนิทว่า คนเรายังมีจิตใจที่จะประคับประคองไม่ให้เกิดความชราทางใจ ใจที่ร่วงโรยตามอย่างแน่นอน  ใจแจ่มใสคือใจที่สงบ พอใจตนเอง รักผู้อื่นและพร้อมที่จะให้อภัยเป็นผู้ “ ให้ ” มากกว่าผู้รับรู้สึกขอบคุณและชื่นชมแม้สิ่งเล็ก ๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน
    
    
ใครไม่อยากแก่จึงต้องปฏิบัติตน ดังนี้
    
    
เป็นคนมีความรักต้องรักตัวเองก่อน จึงสามารถรักคนอื่นได้ รักตนเองไม่ใช่ความหลงตัวเอง และไม่ใช่ความเห็นแก่ตัว รักตนเองคือความพอใจตน เคารพตนรู้ค่าของตน คนไม่รักตนเองหรือชังตนเอง (Self-rejection) จะไม่มีวันรักใครได้เลย และคนไม่รักใครย่อมไม่มีใครรักใครไม่อยากแก่ จึงต้องฝึกใจให้รักผู้อื่น เมื่อเรารักใครเราย่อมอยากจะให้ “ ให้ ” พร้อมที่จะอภัย ชื่นชมและยกย่อง ช่วยเหลือซึ่งล้วนเป็นความรู้สึกทางใจที่เป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจ ทำให้ใจชุ่มฉ่ำและผ่องใสไม่ร่วงโรย
    
    
อย่าใช้ชีวิตสะดวกสบายเกินไป ถ้าไม่อยากแก่เร็วอย่าใช้ชีวิตด้วยการอาศัยแรงงานคนอื่น ๆ หรืออาศัยเทคโนโลยีสมัยใหม่จนเกินไป รู้จักใช้ร่างกายของตนเองโดยการเล่นกีฬาออกกายบริหารให้กล้ามเนื้อได้ทำหน้าที่ของมันตามสมควร
    

    
ให้อาหารแก่กายและใจ คงทราบดีแล้ว อาหารประเภทใดมีประโยชน์ต่อร่างกาย ควรใส่ใจเรื่องอาหารการกินโดยเฉพาะในผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป หรือวัยใกล้หมดประจำเดือน ควรบริโภคอาหารจำพวกแป้งไม่ขัดขาวในปริมาณ 50 % ของอาหารที่กินในแต่ละมื้อ ผัก 25% โปรตีนจากพืช 15 % สาหร่ายทะเลและเมล็ดธัญพืช 10 % โปรตีนจากเนื้อปลาหรืออาหารทะเลสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และบำรุงอาหารใจ ด้วยการอ่านหนังสือบำรุงสมอง เสพย์อาหารใจจากสิ่งอันเป็นสุนทรียะ เช่นเสียงเพลง สายลม แสงแดด ทะเล ต้นไม้ เขียวชะอุ่ม ช่วยให้กายใจไม่สึกหรอเร็วขึ้น
    
    
เลิกกังวล คนขี้กังวลทั้งกายและใจจะตึงเครียดมักจะขมวดคิ้ว หน้าเครียด กล้ามเนื้อของใบหน้าทำงานมากเกินไป เกิดริ้วรอยและเหี่ยวย่นเร็ว
    

    
มีงานอดิเรกทำ คุณทราบหรือไม่ว่า คนสุขภาพจิตดีทุกคนมีงานอดิเรกทำ ถ้าใครมีพฤติกรรมหลักเพียง 3 อย่างคือ กิน นอน และทำงาน เมื่อใกล้วัยร่วงโรย ทำงานวิชาชีพไม่ได้แล้ว จะรู้สึกสูญเสีย ขาดสิ่งช่วยค้ำจุนใจ จะเศร้าง่ายในวัยชรา ส่งผลให้ใจและกายร่วงโรยเร็วกว่าที่ควร
    
    
“ ให้ ” ผู้อื่นทุกวัน เพราะการให้เป็นความสุขมากกว่าการรับ ทำให้ใจอิ่มเอิบ การให้ที่ไม่วันหมด คือการให้กำลังใจ มีไมตรีจิต ความเกื้อกูล ความยกย่องและชื่นชมควรถามตัวเองทุกคืนก่อนนอนว่า “ วันนี้ฉันได้ให้อะไรแก่ใครหรือยัง ” เพราะว่า “ คุณมีอะไรจะให้ผู้อื่นได้เสมอทุกวัน และตลอดชีวิต ” อย่างน้อยที่สุดคือก็คือ “ คำพูด ” ที่ให้ความรู้สึกที่ดีงามทางใจ และ “ ร้อยยิ้ม ” อันเมตตาอบอุ่นและปรารถนาดีต่อผู้อื่นอย่างบริสุทธิ์ใจ
    
    
อย่าเป็นทางของอดีต คนจำนวนมากไม่มีความสุขและใจร่วงโรยเพราะชอบคร่ำครวญหรือหวนหาอดีตไม่รู้จักสิ้น แล้วก็สงสารตัวเองไม่รู้หาย คนเช่นนี้จึงมีแต่ความท้อแท้ถดถอย คนมีใจเป็นทาสของอดีตย่อมมืดมนและหม่นไหม้เป็นใจที่ไม่หลุดพ้น คนเช่นนี้จึงร่วงโรยเร็ว
    
    
สิ่งสำคัญคือยอมรับสภาพความจริง (Accept reality) เพราะเป็นการยอมรับความจริงของภาวะทุกอย่างที่ชีวิตหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นยารักษาความกังวลหวาดหวั่นได้ดีนัก จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดทำให้ใจสงบ และใจที่สงบย่อมแจ่มใสไม่ร่วงโรย
    
    
    
    
    
    

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=2350

ออฟไลน์ น้องดา

  • MOD1
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 2123
    211
  • เพศ: หญิง
  • -
    • -
    • อีเมล์
Re: ทำอย่างไรจึงแจ่มใสไม่ร่วงโรย
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 26/ต.ค./11 23:12น. »

สาธูพี่ชมจ๋า ขอบคุณมากนะคะน้องดาจะพยายามปฎิบัติตามทีละน้อยๆค่ะคุณพี่ ไม่อยากแก่เร็ว อยากทำใจให้สงบค่ะคุณพี่แต่จะทำได้ไหมน้อ :'e:118 :'e:118 :'e:118

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=2350
-