รูปภาพเกี่ยวข้องกับบทเพลง > มาต่อเพลงกันเถอะ

บทเพลง...และเรื่องราวของ...ชรินทร์ นันทนาคร

<< < (2/67) > >>

จรีพร:
https://www.youtube.com/v/09uxA3KCUTY?version=3&amp;hl
 เครดิต : คุณวิทวัส สระทองคำ และ youtube


เพลง "ดวงใจในฝัน"

คำร้อง/ทำนอง : ไสล ไกรเลิศ
ผู้ขับร้อง : ชรินทร์ นันทนาคร

รำพึงรำพันฝันรัก รักเอยใฝ่หา
ยังจำติดตา ชวนปลื้ม ฉันลืมไม่ลง
เป็นรอยพิศวาสปักใจมั่นคง
ฝังใจพะวงหลงรอคอย

อาวรณ์ใจครวญหวนคิด  คิดจนพร่ำเพ้อ
พาใจละเมอหมองหม่น คิดจนเลื่อนลอย
ยามนอนถอนสะอื้นตื่นตาแลคอย
คิดจนดาวลอยคล้อยเมฆา

ฝันกอดเชยชม
ภิรมย์รื่น พี่ชื่นตื่นผวา
จนใจไม่มีใครเมตตา
 เพียงนิทรา นิจจานึกว่าสุขเอ๋ย

บางคืนมองจันทร์หรรษา นิจจาอกฉัน
บางคืนขาดจันทร์เยือนหล้า น้ำตาหลั่งเคย
ลมเอยพริ้วยังแผ่วไม่มีแววเลย
เหงาใจจริงเอยหลงเชยแต่เงา



:'e:135 :'e:135 :'e:135

จรีพร:
   
เครดิต : คุณNititad AOA Official  และ youtube

เพลง "ทาสเทวี" 

คำร้อง/ทำนอง : สง่า อารัมภีร
ผู้ขับร้อง : ชรินทร์ นันทนาคร

บุญฉันมีแต่คงไม่ถึง
ฟ้าจึงไม่เวทนา
คอยเฝ้าแต่คอยทุกครา
ดวงจันทราไม่ลอยเลื่อนมาใกล้เรา

คงแหงนคอยแต่คอยหาย
 เสียดายดวงจันทร์ไม่บรรเทา
ลอยลับไม่เหลือแม้เงา
รู้หรือเปล่าว่าเรานี้ช้ำชอกฤดี
 
เธอเป็นดอกฟ้า...
รู้ไหมว่า เราเป็นดั่งทาสเทวี
แม้นไม่ปราณี
ทาสนี้คง ระทมอยู่ร่ำไป

รอฉันรอด้วยใจวิงวอน
ขอบังอรเมตตารับฝากใจ
เพียงยิ้มสักนิดฤทัย
ฉันคงปองเรื่อยไป
ด้วยธุลี...เมตตาของเธอ


ตำนานเพลงดอกฟ้ากับชาวดิน หรือ ดอกฟ้ากับหมาวัด ที่ ครูสง่า อารัมภีร ประพันธ์ไว้ให้ ได้ฟังมาจนทุกวันนี้



:'e:135 :'e:135 :'e:135

จรีพร:

https://www.youtube.com/v/vMlnNgP9dy8?version=3&amp;hl 
เครดิต : คุณnararin naka และ youtube

เพลง "รักข้ามขอบฟ้า"

คำร้อง : โคลงโลกนิติ กาพย์โดย ทวีปวร
ทำนอง : สง่า อารัมภีร
ผู้ขับร้อง : ชรินทร์ นันทนาคร

รักกันอยู่ขอบฟ้าเขาเขียว
เสมออยู่หอแห่งเดียวร่วมห้อง
ชังกันบ่แลเหลียวตาต่อกันนา
เหมือนขอบฟ้ามาป้องป่าไม้มาบัง

รักกัน...ข้ามขอบฟ้า
ส่งใจมาแจ่มจีรัง
เขาเขียวป่าเปลี่ยวบัง
ยังเสมือนห้องครองรักเดียว

ชังกันผันพักตร์แล้ว
เนตรงามแผ้วหรือแลเหลียว
โอ้...ฟ้าป่าทิวเทียว
มาพรากให้ไกลจากกัน



:'e:135 :'e:135 :'e:135

จรีพร:
https://www.youtube.com/v/xfu7mwYgcxY?hl 
เครดิต : คุณplai ploy และ youtube


เพลง "เรือนแพ"

คำร้อง : ชาลี อินทรวิจิตร
ทำนอง : สง่า อารัมภีร
ผู้ขับร้อง : ชรินทร์ นันทนาคร

เรือนแพ สุขจริง อิงกระแสธารา
หริ่งระงมลมพลิ้วมา
 กล่อมพฤกษา ดังว่าดนตรี

หลับอยู่ในความรัก รับความชื่น
ชั่ววันและคืนเช่นนี้
กลิ่นดอกไม้รัญจวน ยังอบอวลยวนยี
สุดที่จะพรรณนา

เรือนแพ ล่องลอย คอยความรักนานมา
คอยน้ำค้างกรุณา
หยาดมา จากดาราแหล่งสวรรค์

วิมานน้อย... ลอยริมฝั่ง
ถึงอ้างว้างหัวใจรำพัน
หิวหรืออิ่ม ก็ยิ้มพอกัน
ชีวิตกลางน้ำสุขสันต์
โอ้สวรรค์... ในเรือนแพ




ที่มาของเพลง..."เรือนแพ"

ในบรรดาเพลงประกอบภาพยนตร์ของ บริษัทอัศวินภาพยนตร์ ที่โด่งดังเป็นอมตะ และได้รับความนิยมนั้น นอกจาก เพลงคืนหนึ่ง แล้ว เพลงเรือนแพ ที่ ชรินทร์ นันทนาคร ขับร้องไว้ ก็เป็นเพลงที่ฮิตมากอีกเช่นกัน
.....
เพลงเรือนแพ
คำร้อง ชาลี อินทรวิจิตร
ทำนอง สง่า อารัมภีร ขับร้อง ชรินทร์ นันทนาคร

เรือนแพ สุขจริง อิงกระแสธารา
หริ่งระงมลมพลิ้วมา กล่อมพฤกษา ดังว่าดนตรี
หลับอยู่ในความรัก รับความชื่น ชั่ววันและคืนเช่นนี้
กลิ่นดอกไม้รัญจวน ยังอบอวลยวนยี สุดที่จะพรรณนา

เรือนแพ ล่องลอย คอยความรักนานมา
คอยน้ำค้างกรุณา หยาดมา จากดาราแหล่งสวรรค์
วิมานน้อย ลอยริมฝั่ง ถึงอ้างว้างหัวใจรำพัน
หิวหรืออิ่ม ก็ยิ้มพอกัน ชีวิตกลางน้ำสุขสันต์

โอ้สวรรค์ ในเรือนแพ

เป็นเพลงเอกในภาพยนตร์ เรื่องเรือนแพ ของ อัศวินภาพยนตร์ ซึ่ง ชรินทร์ นันทนาคร เป็นผู้ขับร้อง และบันทึกเสียงเป็นคนแรกในปี พ.ศ. 2504

เพลงนี้ เป็นเพลงเอกเพลงหนึ่งของ ครูชาลี อินทรวิจิตร ที่แต่งคู่กันกับ ครูสง่า อารัมภีร ซึ่งความเป็นมาของ เพลงเรือนแพ เพลงนี้ ครูชาลี อินทรวิจิตร เขียนเล่าไว้ใน หนังสือบันเทิงบางที ดังนี้ว่า

"...เพลงแหวนรัก เพลงนี้เพราะจริงๆ ผมร้องสลับในละคร เรื่องนันทาเทวี ของ อัศวินการละครและภาพยนตร์ เป็นพระนิพนธ์ของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ยุคล เพลงที่เปิดประตูให้ผมเดินเข้าไปในวังอัศวินไปเข้าเฝ้า

และบัดนี้ ผมกำลังอยู่เบื้องพระพักตร์ของ สมเด็จพระองค์ชายใหญ่ของดารา ของสถาบันภาพยนตร์และองค์กรต่างๆ โดยเฉพาะของศิลปินนักแสดง

เสด็จฯ ทรงรับสั่งอย่างเป็นกันเอง แบบ สง่า อารัมภีร (แจ๋ว) ก็นับว่า เสด็จทรงพระกรุณาเป็นล้นพ้นแล้ว

"ฉันรู้จากแจ๋วว่า แกแต่งเพลงร้องเองสลับฉากละครของ ศิวารมณ์ เทพศิลป์ และยังแต่งเพลงให้หนังไทยหลายต่อหลายเรื่องใช่ไหม?" เสด็จรับสั่งกับผม

ผมกราบถวายความเคารพ ก่อนจะตอบว่า "พ่ะย่ะค่ะ"

"ฉันจะให้แกแต่งเพลง "เรือนแพ" ให้แจ๋วแต่งทำนอง อยากให้คนรุ่นใหม่อย่างแก ใช้อาภรณ์จากธรรมชาติ ใช้อารมณ์จากห้วงน้ำ สร้างอุปรากรงานเพลงที่งดงาม เป็นภาษาดนตรีและภาษาอักษร ใช่เป็นเพลงนำในภาพยนตร์ยิ่งใหญ่ที่ฉันร่วมงานสร้างกับฮ่องกง

เรื่องนี้ฉันแต่งไว้เพลงหนึ่งแล้ว คือ "เงาไม้" ให้แกแต่ง 2 เพลง เพลงเรือนแพ เป็นเพลงไตเติล และอีก 1 เพลงเป็นเพลงอะไรก็ได้ ขอให้ไพเราะก็แล้วกัน

พระเอกคนที่ 2 เป็นนักร้องเสียงดีพอๆ กับ ชรินทร์ นันทนาคร ประมาณนั้น"

หลังจากเสด็จทรงเล่าพฤติกรรมของตัวละคร ความผูกพัน ความรักของสามชายกับหนึ่งหญิงให้ฟังอย่างละเอียดละเมียดละไมแล้ว กาแฟหนึ่งถ้วยกับน้ำเย็นก็ถูกพนักงานนำมาเสิร์ฟให้ทันที


21.00 น. เด็กพนักงานในวัง กลับเข้านอนกันหมดแล้ว เหลือ เสด็จ แจ๋ว และผม เพียง 3 คนเท่านั้น ไม่เหลืออะไรเลย แม้แค่กาแฟถ้วยที่ 2

พระเอกคนแรกเป็นนักศึกษา ตั้งความหวังไว้ว่าจะเป็นนายร้อยตำรวจ คนที่ 2 เป็นนักร้องเสียงดี มีอนาคต พระเอกคนที่ 3 เป็นนักเลงชีวิตสู้ทุกรูปแบบ

ทั้ง 3 คนเป็นเพื่อนรักกัน เช่าเรือนแพโกโรโกโสหลังคาทะลุโหว่ มองเห็นพระจันทร์แง้มดวงเป็นเพื่อนดึกยามหลับนอน ทุกคนสมัครใจเช่าอยู่ร่วมกัน พอประทังชีวิตให้มีที่ซุกหัวนอนเท่านั้น

เรือนแพริมน้ำ ยามพายุกระพือโหม คลื่นกับฝนกระหน่ำซ้ำซัด ก็โกลาหลจนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน

แต่กระนั้น ฟ้ายังกรุณาปรานี ส่งกระแสสื่อความรักให้ลอยลิบๆ มากระซิบกับหัวใจ ให้พร่ำเพ้อละเมอหา แม่ชาวฟ้าที่ปรายตามาเยือน เพื่อนทุกคนเห็นเงาของดวงตาที่ซ่อนแอบเสน่หาไว้ภายใน

ตลอดเวลา เสด็จจะเสวยวิสกี้กับแจ๋ว และคุยกันเสียเป็นส่วนใหญ่ นานๆ แจ๋ว ก็มาเคาะเปียโนให้เสด็จฟัง กว่าจะลงตัวก็ปาเข้าไป 24.00 น. เพิ่งจะได้ทำนองท่อนแรก ต่อจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของผม

เรือนแพ สุขจริง อิงกระแสธารา
หริ่งระงมลมพลิ้วมา กล่อมพฤกษา ดังว่า ดนตรี
หลับอยู่ในความรัก รับความชื่น ชั่ววันและคืนเช่นนี้
กลิ่นดอกไม้รัญจวน ยังอบอวลยวนยี สุดที่จะพรรณนา

จบท่อนแรก เสด็จทรงอ่านเนื้อเพลงแล้วให้ผมร้องให้ท่านฟัง เสด็จพระองค์ชายใหญ่ท่านทรงพระปรีชาในด้านนี้อยู่แล้วไม่ทรงตำหนิอะไรเลย กลับทรงพอพระทัย กล่าวชมวรรคที่ 3 ที่ว่า "หลับอยู่ในความรัก"

เสด็จตรัสว่า "ดีกว่าหลับอยู่ในความฝัน มันล้ำหน้ากว่ากันเยอะ"

"เรือนแพ ล่องลอย คอยความรักนานมา
คอยน้ำค้างกรุณา หยาดมาจากดาราแหล่งสวรรค์
วิมานน้อยลอยริมฝั่ง ถึงอ้างว้างหัวใจรำพัน
ทุกข์หรือสุขก็คล้อยตามกัน ชีวิตกลางน้ำสุขสันต์
โอ้สวรรค์...ในเรือนแพ"

กว่าเพลงจะจบก็ใกล้สว่าง เสด็จพระองค์ชายใหญ่ทอดพระเนตรเพลงท่อนจบอย่างพินิจพิเคราะห์

"เพลงบรรทัดที่ 2 คำร้องดีมาก ที่บ่งความหมายถึงคอยความรัก ความกรุณาจากแม่ชาวฟ้า ลูกสาวของเถ้าแก่เจ้าของเรือนแพ แต่ในคำบรรทัดที่ 4 ที่ว่า ทุกข์หรือสุขก็คล้อยตามกัน ตรงนี้มันง่ายไปนะ ชาลี คิดใหม่ คิดใหม่ หาคำใหม่มาแทนคำว่า ทุกข์หรือสุขก็คล้อยตามกัน"

ตรัสแล้ว ทรงพาพระวรกายหายเข้าไปทำธุรกิจในห้องน้ำ แจ๋ว มองตามเสด็จ แล้วหันมามองหน้าผมอย่างเห็นอกเห็นใจว่า ผมจะหาคำอะไรมาทดแทน

ความหิว ความง่วง บวกกับความน้อยใจ ทำให้ผมคิดอะไรแวบเข้ามาในหัวใจทันที

"วิมานน้อย ลอยริมฝั่ง ถึงอ้างว้างหัวใจรำพัน
หิวหรืออิ่มก็ยิ้มพอกัน ชีวิตกลางน้ำสุขสันต์
โอ้สวรรค์...ในเรือนแพ"

เขียนจบเพลง ผมเลื่อนเนื้อเพลงส่งให้ สง่า อารัมภีร แล้วผมก็หมุนตัวกลับลงบันไดไปข้างล่าง ขึ้นรถกลับบ้านทันที

จริงๆ แล้ว ประโยคที่ขีดเส้นใต้นั้น ผมตั้งใจเขียนประชดเสด็จท่าน เพราะผมหิวจริงๆ

หลายวันต่อมา ผมเจอแจ๋ว แจ๋วบอกว่า เสด็จโปรดคำใหม่นี้มาก หิวหรืออิ่มก็ยิ้มพอกัน ก็เป็นอันรอดตัวไปครับ"



เครดิต : หนังสือ "ตำนานครูเพลง เพลงไทยสากล ลูกกรุง" โดย คีตา พญาไท
 


:'e:135 :'e:135 :'e:135

จรีพร:
https://www.youtube.com/v/fFTtmgnJTQ0?version=3&amp;hl 
เครดิต : คุณGMM GRAMMY GOLD OFFICIAL และ youtube


https://www.youtube.com/v/WtHML9VW9uQ?version=3&amp;hl 
เครดิต : คุณVeera Puengboonpaisal และ youtube
เพลง "ท่าฉลอม" คุณอาชรินทร์ นันทนคร ขับร้องสด

เพลง "ท่าฉลอม" 
 
คำร้อง : ชาลี อินทรวิจิตร
ทำนอง : สมาน กาญจนะผลิน
ผู้ขับร้อง : ชรินทร์ นันทนาคร

พี่อยู่ไกลถึงท่าฉลอม
แต่พี่ไม่ตรอมเพราะรักพยอมยามยาก
ออกทะเล จะหาปลามาฝาก
แม่คุณขวัญใจคนยาก รับของฝากจากพี่ได้ไหม

โปรด เมตตารักพี่สักนิด
พี่มอบชีวิตอุทิศให้สาวมหาชัย
แบกความรัก ข้ามทะเลมาให้
ฝ่าลมและคลื่นเท่าไหร่ รักจึงได้ว่ายน้ำข้ามมา

ท่าฉลอม กับมหาชัย จะคิดทำไมว่าไกล
เชื่อมความรักไว้ดีกว่า
ตอบเพียงสักคำ ว่าไม่รักจะหักใจลา
ซ่อนตัวตามประสา จะหนีซ่อนหน้าห่างไกล

เรื่องทะเลนั้นพี่พอรู้
แต่เรื่องเจ้าชู้ไม่รู้จะทำฉันใด
หยั่งทะเลพอคะเนดูได้
แต่ความรักเกินครวญใคร่ ลึกเท่าไหร่ไม่รู้หยั่งถึง



:'e:135 :'e:135 :'e:135




  ที่มาของเพลง "ท่าฉลอม"

เพลงนี้ บันทึกเสียง โดย ชรินทร์ นันทนาคร เมื่อ ปี พ.ศ.2504

ครูชาลี อินทรวิจิตร เขียนเล่าถึง ความบันดาลใจ ในการแต่ง เพลงท่าฉลอม นี้ เอาไว้ ในหนังสือ บันเทิง บางที ชาลี อินทรวิจิตร ว่า...

“...นี่หรือบ้านเกิดของผม กี่เดือนกี่ปี ก็ทึมทึบอยู่อย่างนี้ คนละแวกบ้านผมทุกคน มุ่งแต่จะทำมาหากิน ไม่มีใครเลยจะเสียสละทุ่มเทพัฒนาให้เป็นเมืองท่องเที่ยว พักผ่อน ตกปลา หรือกินอาหารทะเลสดๆในวันสุดสัปดาห์

ก็ใกล้แค่นี้เอง ใช่ ท่าฉลอม ใกล้แค่นี้เอง

“แต่มันไกลหัวใจแกมากใช่ไหม หง่า พี่ไม่เคยเห็นแกแต่งเพลงให้บ้านเราสักเพลงเลย ดีแต่ไปแต่งให้บ้านอื่น เมืองอื่น ทุ่งรวงทอง งี้ แสนแสบ งี้ กว๊านพะเยา เอย สาวนครชัยศรี เอย”

ผมทะลุกลางปล้องขึ้นทันที...“อ้าว ทำไมล่ะ ผมจะแต่งเพลงให้แฟนผมมั่งไม่ได้เหรอ ศรินทิพย์ เขาเป็นสาวนครชัยศรี นะ”

“แล้วท่าฉลอมล่ะ มันเล็กมากใช่ไหม แกถึงแต่งไม่เป็น” พี่สาวผมว่า

“พี่อิจฉาเพลงล่ะซี” ผมพูดเบาๆ แบบเปรยๆ ไม่ได้ตั้งใจ

“ใช่ ฉันขี้อิจฉา ก็ยังดีกว่า คนหัวใจป่าช้าอย่างแก ไม่รู้คุณค่า ไม่รักแผ่นดินถิ่นเกิด เคยทำอะไรให้บ้านเราชื่นใจมั่งหรือเปล่า แก น่ะ”

หลังจากนั้น ครูชาลี อินทรวิจิตร ก็เดินทางไปที่ท่าเรือ เพื่อจะข้ามมายังฝั่งจังหวัดสมุทรสาคร ก็มีโอกาส ได้สนทนากับ ลุงเย็น นายท้ายเรือในเย็นวันนั้น จึงได้รับรู้ถึงเรื่องราวของ หนุ่มชาวตังเกชาวท่าฉลอม ที่หลงรักสาวมหาชัย ที่ชื่อ พยอม จนทำให้ ครูชาลี อินทรวิจิตร แต่ง เพลงท่าฉลอม ออกมาจนฮิตติดปากกันไปทั่ว และ เป็นเพลงอมตะ มาจนปัจจุบันนี้

“..กระแสคลื่นอันคลุ้มคลั่ง หรือจะขลังเท่ามนต์แห่งความรัก ที่ไอ้หนุ่มผิวทองแดง เพิ่งจะรู้จัก เริ่มจะริรัก ไหนจะมีปลาที่คัดแล้วว่าดี ผูกติดเอวอยู่ 2 – 3 ตัว ไหนจะเอาเสื้อผ้าผูกเทินหัวไว้ไม่ให้เปียก

แต่ความรักมันรออยู่ มันจึงว่ายตัดคลื่นปราดเปรียวเป็นฉลามกล้า ไปสู่ฝั่งมหาชัย เพราะ แม่พยอม หอมหัวใจ รอคอยอยู่แล้ว...

ชีวิต ไอ้หนุ่มตังเก ดำเนินไปในความรักได้ไม่ช้าไม่นาน สาวพยอม ก็ถูกพรากจากฝั่งมหาชัย ไปเป็นดอกไม้ประดับหูชายอื่นเมืองอื่นเสียแล้ว

ความรักของ ไอ้หนุ่มชาวเล เหมือนพายุผ่านไปชั่วแล่น ไม่เห็นหน

แต่พี่รักพยอมเหมือนรักทะเล นะ ที่ต้องเห็นต้องทนอยู่ตลอดชาติ

ชั่วลมหายใจ ผมก็ได้เพลงท่าฉลอมไว้ในใจท่อนหนึ่งว่า

“พี่อยู่ไกลถึงท่าฉลอม แต่พี่ไม่ตรอม เพราะรักพยอมยามยาก” ซึมเศร้าไปกับคำเล่าของลุง” แต่ก็ต้องตื่นจากภวังคื เมื่อระฆังเร่งให้คนลงเรือ เพราะเรือกำลังจะออกจากท่าเรือข้ามมาฝั่งท่าฉลอมตั้งนานแล้ว และคนกำลัวจะเต็มจะข้ามกลับไปฝั่งมหาชัย

"เร็วคุณ เรือจะออกแล้ว"

ผมก็เร็วทันใจ วิ้งไปที่สะพานกระโจนเผลวลงไปที่เรือ เรือเบนหัวออกจากฝั่งทันทีแล้วก็นึกขึ้นมาได้รีบเดินหลีกคนมาทางท้ายเรือตะโกนแข่งกับเสียงเครื่องยนต์

"ลุง ผมลืมถามไป ลุงชื่ออะไรนะ"

"บุญเย็น"

"ขอบใจ ฝมจะเขียนเพลงจากชีวิตรักของลุงได้ไหม? "

"เพลงอาราย.......?

"ท่าฉลอม" เสียงสุดท้ายกลืนหายไปกับเสียงเครื่องยนต์

ขอขอบคุณ :  : หนังสือพ๊อคเก็ตบุค เรื่อง "บันเทิง - บางที" ชาลี อินทรวิจิตร

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version