ผู้เขียน หัวข้อ: “มหารัตนเจดีย์” อลังการเจดีย์งามแห่งสามโลก  (อ่าน 1740 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ วิทยา

  • VIP
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 576
    1107



“มหารัตนเจดีย์” อลังการเจดีย์งามแห่งสามโลก
    
   
ด้านหน้ามหารัตนเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุ
      
        เมื่อวันที่ 5 เดือน 5 ปี 2555 ที่ตรงกับขึ้น 15 ค่ำ ถือเป็นวันฤกษ์ดีที่ได้มีการจัดพิธีสมโภช “มหารัตนเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุ”
ณ วัดทุ่งเศรษฐี ณ ใจกลางเมืองขอนแก่น ซึ่งหลังจากนั้นมหารัตนเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุ หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า“มหารัตนเจดีย์” กลาย
เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งใหม่อันโดดเด่นแห่งเมืองขอนแก่นที่มีคนเดินทางมาเที่ยวชมกันเป็นจำนวนมาก


      
       สำหรับมหารัตนเจดีย์เกิดขึ้นโดยปณิธานของ “หลวงตาอ๋อยย่ามแดง” หรือ “หลวงตาอ๋อย” ผู้เป็นผู้อุปัฎฐากครูบาอาจารย์
พระกรรมฐานสายวัดป่าในภาคอีสาน ซึ่งมีความเชื่อว่าพื้นที่ที่ก่อสร้างมหารัตนเจดีย์นั้นเป็นรอยต่อของสามโลก คือสวรรค์ แดน
มนุษย์ และบาดาล โดยหลังจากที่มีการขุดพบพระขรรค์สำริดโบราณเข้าโดยบังเอิญ หลวงตาอ๋อยจึงให้ศิษยานุศิษย์ร่วมกันก่อ
สร้างมหารัตนเจดีย์ขึ้นบนที่ดินราว 73 ไร่ เพื่อประกอบความมุ่งหมาย 3 ประการ คือ


มหารัตนเจดีย์ในมุมมองผ่านสระน้ำ

       1. สถาปนามหารัตนเจดีย์ฯ ไว้เป็นพุทธบุชา และเป็นที่ระลึกถึงมหาเจดีย์องค์สำคัญสามองค์ในสามโลก คือ เจดีย์บุฬามณี
บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ นาคเจดีย์ในนาคพิภพ และมหารัตนเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุ (มหาเจดีย์รัตนะ) แห่งนี้ ผู้มาสักการบูชาย่อมเท่ากับ
ได้กราบบูชาเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ 3 แห่ง ในสามโลกพร้อมกัน      
       2. เพื่อน้อมเอาบุญเอาคุณความดีแห่งการสร้างมหาเจดีย์ฯ นี้ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และราชวงศ์จักรีที่ท่าน
เทิดทูนยิ่ง      
       3. ให้ลูกหลานศิษย์และประชาชนทั่วไปใช้เป็นนาบุญแห่งการทำกุศลบำเพ็ญคุณความดี


พระพุทธนีลวรรโณศีโลทรัพยุดม (หลวงปู่เจ้าพระองค์ดำ)

       กำธร ศีลอุดมทรัพทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนา บริษัท น้อมบุญ จำกัด ผู้ออกแบบมหารัตนเจดีย์ เปิดเผยถึงแนวคิดในการ
ออกแบบว่า หมายถึง “พุทธภาวะ” ตั้งอยู่ท่างกลางบึงน้ำล้อมรอบ 4 ทิศ เปรียบเป็นโอฆสงสารที่สัตว์ทั้งหลายเวียนว่ายตามเกิด
อยู่ปลียอดของพระมหาเจดีย์      
       รูปดอกบัวตูมสื่อถึงพุทธภาวะ หมายความว่า ดอกบัวแห่งความรู้แจ้งนี้ผุดงอกมาจากบึงน้ำแห่งวัฏสงสาร เติบโตขึ้นเพื่อเบ่ง
บานสู่เบื้องบน คือพระนิพพานในที่สุด ฐานทักษิณาเป็นรูปสี่เหลี่ยมแทนพระอริยสัจ 4 ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค อันเป็นอุดมสัจ
ธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ และนำมาเผยแพร่

 
    
       เจดีย์ทิศทั้งสี่แทนมหาภูตรูป 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ อันเป็นธาตุองค์ประกอบพื้นฐานของโลก ซึ่งเป็นที่สถิตของเทวรูปแทน
องค์ท้าวจตุมหาราชิกาทั้ง 4 เทวราช ผู้ดูแลมนุษย์ พิทักษ์โลก และพระพุทธศาสนา เริ่มจากทิศเหนือ-ธาตุไฟ เป็นที่สถิตของ
ท้าวเวสสุวัณ หรือ ท้าวกุเวร จ้าวแห่งจิตวิญญานและโชคลาภ ทิศตะวันออก-ธาตุลม จ้าวแห่งคนธรรพ์ ทิศใต้-ธาตุดิน ท้าววิรุฬหก
จ้าวแห่งปฐพีและจตุบาท และทิศตะวันตกธาตุน้ำ เป็นที่สถิตของท้าววิรูปักษ์ จ้าวแห่งนาค ห้วงน้ำบาดาลและอปาทิกะ


หัวบันไดนาคที่จัดทำอย่างประณีต

       ส่วนฐานชั้นที่ 2 ประดิษฐานพระประธานเป็นรูป 8 เหลี่ยม หมายถึงมรรคมีองค์ 8 ทางสายกลาง อันเป็นแนวปฏิบัติเพื่อสู่
นิพพาน องค์พระเจดีย์ออกแบบให้เป็นวิหารลักษณ์เป็นคัพภวิสัย คือเป็นห้องโถงโล่งทรงระฆังคว่ำ ประดิษฐานพระประธาน คือ
พระพุทธนีลวรรโณศีโลทรัพยุดม (หลวงปู่เจ้าพระองค์ดำ) เป็นพระพุทธรูปสำริดทรงเครื่องจักรพรรดิปิดทองประดับด้วยอัญมณีสีต่างๆ
      
       ความหมายในแนวตั้งขององค์มหาเจดียฯ
      
       ชั้นล่างสุดเป็นชั้นบาดาล ถัดมาเป็นมนุษย์ภูมิ เป็นชั้นเดียวกับพระเจดีย์ ซึ่งทั้งสองชั้นนี้ เป็นชั้นที่ผู้คนจะเข้าไปกราบไหว้
และประกอบพิธีทางศาสนาได้ ส่วนตั้งแต่หลังคาขึ้นไปนั้นคือชั้นเทวภูมิ โดมใหญ่มีรูปปั้นเทพพนมประจำอยู่ทั้ง 8 ด้าน ที่สันโดม
มีพญานาคประคองพุ่มดอกไม้โคมไฟบูชาพระมหาเจดีย์เคียงคู่อยู่ด้วย” ผู้ออกแบบ อธิบาย      
       กำธรอธิบายต่อว่า ส่วนเพดานภายในโถงเจดีย์ แสดงระบบสุริยจักรวาล มีพระอาทิตย์ที่จุดกึ่งกลางโดมโดยใช้ดาวเพดาน
สีทองห้อยช่อไฟแชนเดอเลียร์เป็นสัญลักษณ์ รายล้อมด้วยดาวนพเคราะห์ที่เหลืออีก 8 ดวง ส่วนกระจกแต่ละด้านขององค์เจดีย์
แกะเป็นเรื่องราวอันเกี่ยวเนื่องกับคำสอนในพระศาสนา ว่าด้วยเรื่องของกิเลส 3 อัน ได้แก่ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ตลอด
จนหลักธรรมที่เป็นทางการกิเลส 3 ท่าน คือ ทาน เมตตา และปัญญา


ท้าวเวสสุวัณ
       นอกจากนี้ยังมีการนำการ์ตูนที่ให้แง่คิดอย่าง อิกคิวซัง มิกกี้เมาส์ ไลออนคิงส์ โดเรมอน มาบอกกล่าวเพื่อเป็นแรงจูงใจให้
เด็กๆ ได้เรียนรู้โดยแฝงนัยให้เข้าใจอย่างง่ายๆ ถึงการทำดี การมีสติ เจริญปัญญา การมีเมตตา พร้อมกับเป็นการปลูกฝังเรื่องราว
ของธรรมะไปยังคนรุ่นต่อๆ ไป    
       ขณะที่ส่วนใต้ดินของมหารัตนเจดีย์ เป็นห้องโถงกว้างสำหรับใช้เป็นห้องแสดงปริศนาธรรม เพื่อเรียนรู้และปฏิบัติธรรม
พร้อมๆ กับการจัดนิทรรศการเรื่องราวธรรมะ โดยในบริเวณรอบๆของพื้นที่ได้มีการจำลองเรื่องราวเพื่อตอกย้ำและเตือนใจแก่
คนที่เข้ามาสักการะมหารัตนเจดีย์


      
       ด้านมานะ จิระนภากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้อมบุญ จำกัด ตัวแทนคณะศิษยานุศิษย์ผู้จัดสร้างมหารัตนเจดีย์ศรีไตร
โลกธาตุ เปิดเผยว่า มหารัตนเจดีย์ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวและการเรียนรู้ทางศาสนาที่มีความโดดเด่นในด้านของศิลปกรรมหนึ่ง
เดียว อีกทั้งมีการนำองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมของต่างวัฒนธรรมมาหลอมรวมเข้าด้วยกัน แฝงแนวคิดเรื่อง
หลักคำสอน หลักปรัชญา และภพภูมิในพระพุทธศาสนา


      
       “วันนี้แม้จะไม่มีหลวงตาอ๋อย ที่เคยดำริไว้ว่า ‘มหาเจดีย์ ไม่ใช่สร้างเพื่อตนเอง แต่จะช่วยสงเคราะห์ลูกหลานให้มีโอกาส
สร้างบุญครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นมงคลชีวิตต่อไปในวันหน้า’ หากแต่สถานที่แห่งนี้ก็จะยังเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนรุ่นต่อๆ
ไป เพื่อร่วมสืบทอดพระพุทธศาสนาให้คงอยู่เป็นที่พึ่งให้กับชาวพุทธต่อไป” มานะกล่าวทิ้งท้าย

       *****************************************
      
       มหารัตนเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุ หรือ มหารัตนเจดีย์ ตั้งอยู่ที่ ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ผู้สนใจสามารถสอบถาม
เส้นทางหรือข้อมูลการท่องเที่ยวได้ที่ โทร. 08-7495-9994


>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
นำมาจาก
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000136805


+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=21546
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08/พ.ย./13 11:18น. โดย วิทยา »