สัพเพเหระ > เป็นนักเลงกลอนอย่านอนเปล่า

น้อมบำเรอบรรพชนคนกวี

(1/2) > >>

ชบาบาน:
    อยากเรียงร้อยถ้อยวจีกวีหวาน
พริ้วตระการวาบไหวเหมือนใยแก้ว
ดังสีทองผ่องจันทร์อันพรายแพรว
เคล้าแต้มแววระยิบพราวแห่งดาวพราย

มุ่งบรรสานกานท์กวีที่แสนซึ้ง
สักบทหนึ่งเนื้อหาดีมีความหมาย
เพื่อน้องพี่กวีวรรณพรรณราย
เก็บประทับเอาไว้ในวิญญาณ์

โอบร้อยรัดรึงใจให้สุขสม
เร้าอารมย์มุ่งมาตรปราถนา
โลมดวงใจใสสันติ์ทุกวันมา
จุดศรัทธาสว่างไสวให้ชีวี

อยู่ในโลกอันอบอุ่นละมุนทิพย์
ยามเช้าจิบประกายทองส่องแสงสี
ยามกลางวันรื่นระรินกลิ่นมาลี
ยามค่ำมีมนต์สรวงจากดวงดาว

บทกวีที่ฉันอยากสรรเสก
ฝากมุ่นเมฆเกลื่อนคว้างกลางห้วงหาว
ฝากโลกหล้าฝากสวรรค์อันพร่างพราว
บำเรอเร้าวิญญาณชนคนกวี.
 
  

บุญเทิด:
สำนวนของพี่ชบา หวานเหลือเกิน ขอแต่งจากใจร่วมแจมสักสองบทนะครับ

พี่ชบา หวานสำนวน ชวนพินิจ
ร้อยความคิด ประดิษฐ์คำ ลำนำหวาน
ผมรักใคร่ คล้ายเป็น เช่นอาจารย์
ใช่แสร้งหวาน ผ่านสำนวน  ล้วนความจริง ......
หากผิดพลาด พลั้งไป ให้ช่วยสอน
ในเชิงกลอน อ่อนนัก ยากหลายสิ่ง
อ่อนภาษา อ่อนวลี นี่เรื่องจริง
โปรดช่วยติง แค่งต่อ ขอขอบคุณ ..ครับท่านอาจารย์ชบา ...
 :'e:92 :'e:92 :'e:92

อภัย:
...
อยู่ในโลกอันอบอุ่นละมุนทิพย์
ยามเช้าจิบประกายทองส่องแสงสี
ยามกลางวันรื่นระรินกลิ่นมาลี
ยามค่ำมีมนต์สรวงจากดวงดาว
...


ว้าว
สวรรค์แท้ๆ ครับ

ชบาบาน:
พนมมือคารวะขอบคุณทั้งสองท่าน  ขอบคุณขอรับที่เอ่ยคำชม  มิกล้ารับ ขอรับกระผม....

ลุงชัย นรา:
....เดินทางออก ต่างจังหวัด ด้านอันดามัน เสียหลายวัน...เข้ามา..โอ้โฮ...คุณบุญเทิด คมกริบ มากเลย(คารม จินตกวี) ขอชื่นชมด้วยใจครับ ท่านอภัย ก็มาเสริม ให้แน่น ขึ้นอีก ส่วนท่าน ชบาบาน นั้น ยังหาคำชม ที่เหมาะอย่างไรมิได้ สุดยอดอยู่แล้วครับ...บ้านนี้คงไม่เหงาอีกแล้วหละครับ

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

Go to full version