สัพเพเหระ > เป็นนักเลงกลอนอย่านอนเปล่า

ล้มแล้วลุก

(1/1)

อภัย:
ล้มแล้วลุก

ถึงจะล้มร้อยครั้งยังต้องลุก
แม้จะทุกข์ทดท้อจงอย่าถอย
คว้าโอกาศอย่าอิดออดสำออย
อย่าเลื่อนลอยแสวงหาและฝ่าฟัน

คำโบราณสอนคนทุกชนเชื้อ
สอนตัวเราคราวเมื่อไม่เหลือฝัน
โชคชะตาล้อเล่นเป็นสำคัญ
บททดสอบบีบคั้นอันวอดวาย

คนที่พลาดพลั้งล้มจนจมคว่ำ
ทุกถ้อยคำกล่าวไปไร้ความหมาย
มิหวังอาจเอื้อมคว้าดาวประกาย
ที่แพรวพรายพราวฟ้ามาคลุกดิน

ภาษิตว่าจงรักษ์ดีมิบ่ายเบื่อ
ดุจเกลือสงวนเค็มมิคลายสิ้น
แต่รักอันอัตคัดกัดเกลือกิน
ยากโบยบินข้ามเข็ญด้วยเค็มเกลือ

อันแจกันดินเผาที่ร้าวแล้ว
ฤาควรแก้วบุปผาล้ำค่าเหลือ
เพชรล้อมเพชรมิควรด้อยด้วยพลอยเจือ
ทองเทียบทองจึงสมเนื้อสมน้ำกัน

ระหว่างทางที่พี่ลุกจากการล้ม
แม้นชวนชมมิพบใครที่ใฝ่ฝัน
วอนแก้วตาอย่าสะบั้นใยสัมพันธ์
โปรดรอวันพี่พร้อมถนอมนวล.
_____________
พอ ๒ ต.ค. ๒๕๕๖

ชบาบาน:
ให้ความหมายกินใจดีขอรับ เข้ามาระบายอะไรต่ออะไรบ่อยๆนะขอรับ ด้วยบทร้อยกรอง

บุญเทิด:
คุณอภัยนี่สุดยอดจริง ๆ ครับ เกินกว่าจะใช่ นี่กวีมาเยือนแล้ว แหม่ สำนวนจับใจจริง ๆ ครับ ชอบมากเลยครับ ..... :'e:133 :'e:133 :'e:133

อภัย:
ขอรับท่านชบาบาน คงระบายได้เท่าที่เซลสมองกับอารมณ์กลอนจะร่วมกันอำนวย ครับผม

ขอบคุณครับ คุณบุญเทิด   
คุณบุญเทิด ก็ชมเชยกันเกินไปครับ  กับกวีแล้ว กระผมก็ยังห่างไกลอีกมากไม่เห็นแม้ฝุ่น กระวีกระวาดหละก็พอได้ครับ
แต่ถ้าว่าเป็นนักกลอนสมัครเล่น ก็พอออมแอ่มรับไว้ได้

คนชายแดน:
เพราะมากเลยครับ ทำอย่างไรน้อ จะแต่งได้แบบนี้บ้าง นักเรียน ป.๖ อยากผมคงต้องฝึกอีกนานๆๆๆๆๆ  :'e:133 :'e:133

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

Go to full version