สัพเพเหระ > เป็นนักเลงกลอนอย่านอนเปล่า

น่าน....ความหลัง...

(1/2) > >>

ชบาบาน:

     แม้ค่ำคืนทมึนมืดฟ้าชืดแสง
ประกายแห่งดวงตาเธออย่าเศร้า
จงเหลียวแลไปหาขอบฟ้าพราว
ให้แววดาวพร่างพร่ามาส่องทาง

ยามราตรีแสงทิพย์ระยิบระยับ
อัจกลับเป็นดาวรายพรายกระจ่าง
ละอองเย็นจากทิวเขาโชยเบาบาง
พรมไล้ร่างจอมขวัญกัลยา

จะฝากใจยามตะวันผันส่องถึง
จะฝากส่งความซึ้งผ่านยอดผา
ฝากแรงรักผ่านเมฆลิ่วพลิ้วนภา
ฝากฝั่งฟ้ารู้เห็นเป็นพยาน

แผ่นดินน่าน เคยคุ้มกายหลายหน้าฝน
ทั่วทุกหนไพรภูดูตระหง่าน
ยามจากมาอาลัยใจร้าวราน
แม่น้ำน่านแห่งความหลังยังฝังใจ.            

ชบาบาน:
ช่วงหนึ่งของชีวิตเมื่อหลายปีมาแล้ว ได้ไปใช้ชีวิตเร่ร่อนตามป่าเขาลำเนาไพรแถบน่านเหนือ  นอนกลางดินกินกลางทรายซุกตัวยามไม่สบายตามกอไผ่ป่า
ด้วยราชการงานอาชีพสร้างถนนในถิ่นกันดารและเสี่ยงภัย  ห้วยโกร๋นบ่อเกลือเหนือบ่อเกลือใต้ บ้านน้ำโมงปางสา  บ้านสวดเชียงม่วน  ชีวิตอยู่บนคมหอกคมดาบ
เพื่อนพ้องหลายคนเอาชีวิตไปทิ้งที่นั่น บางคนก็ทิ้งอวัยวะของตนเองไว้ในราวป่า  นี่เป็นความหลังที่ลืมไม่ลง  จากมาหลายปีก็จริง  แต่ความหลังที่นั่นยัง
เจิดจ้าตราตรึงมิรู้สิ้นสุด......!!!!!

บุญเทิด:
ชื่นชมจริง ๆ ครับ พี่ชบาบาน .. น่านเดี๊ยวนี้ น่าเทียวคร้บ แต่ทว่า ป่าไม้ ดูน้อยเต็มที วิถีบ้านเก่า ๆ ก้เลือนไปมากแล้ว ความเป็นเมือง และธุรกิจ เข้าครอบงำไม่ต่างกับบ้านผมที่บ้านนอกแล้วครับ แต่ก่อน มีงานบุญงานบวช ชาวบานร่วมทำข้่าวอาหารเลียงแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน จานชามก็ช่วยกันล้าง บัดนี้ ทุกอย่างแม้ล้างจาน ก็ตัองจ้างแล้วครับ ... ชอบกลอนของพี่ชบาบานมากนะครับ ฟังกลอนแล้วก็เห็นภาพอดีตครับ ...
 :'e:133

ชบาบาน:
ขอบคุณท่านบุญเทิด ไม่ทราบว่าท่านบุญเทิดเป็นคนภาคไหน อิสานกระมังขอรับ  จริงสินะ เดี๋ยวนี้สังคมชนบทมันเปลี่ยนแปลงไปมาก
น้ำใจไมตรีเริ่มเหือดหายตามวัฎฎจักร์และอำนาจเงินตราเข้าครอบงำและหยั่งรากลึก  คิดแล้วน่าใจหายจริงๆขอรับกระผม

บุญเทิด:
เป็นชาว จังหวัด พิษณุโลก อ.บางกระทุ่มครับ .. พี่ชบาบาน แต่มาทำมาหากินอยู่อยุธยา .. :'e:49

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

Go to full version