ผู้เขียน หัวข้อ: ฉายแสงโลก (Earth Shine )หลังวัดพระธาตุดอยสุเทพ  (อ่าน 1548 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ วิทยา

  • VIP
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 576
    1108



ฉายแสงโลก (Earth Shine )หลังวัดพระธาตุดอยสุเทพ
   
   
ภาพปรากฏการณ์แสงโลก (Earth Shine) เหนือวัดพระธาตุดอยสุเทพ เมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 9 กันยายน 2556
(ภาพโดย : ศุภฤกษ์ คฤหานนท์ / Camera : Canon 5D Mark ll / Lens : Takahashi FSQ85 ED +
Teleconverter 1.5x / Focal length : 675 mm. / Aperture : f/8 / ISO : 1600 / Exposure : 0.8s)


       ในคืนวันที่ 9 เดือน 9 ที่ผ่าน หลังจากพายุฝนผ่านพ้นไป ท้องฟ้าในเมืองเชียงใหม่กลับมีทัศนวิสัยที่ดีเอามากๆ
จนสามารถมองเห็นปรากฏการ์แสงโลก หรือที่เราเรียกกันว่า Earth Shine อย่างชัดเจน จนผมและใครหลายๆ คนที่ได้เห็น
ไม่อาจห้ามใจไม่เอากล้องออกมาถ่ายภาพกัน  สำหรับตัวผมเองหากคิดว่าจะถ่ายแต่เพียงปรากฏการณ์ Earth Shine
อย่างเดียว ภาพที่ได้ในวันนั้น คงไม่ต่างจากภาพปรากฏการณ์ Earth Shine ที่ผมเคยถ่ายไว้ ดังนั้น ผมจึงตั้งโจทย์
การถ่ายภาพครั้งนี้ให้มีความยากขึ้นอีกนิด โดยการเลือกถ่ายภาพดวงจันทร์ ข้างขึ้น 4 ค่ำ ขณะเกิดปรากฏการณ์
Earth Shine ให้ตรงกับตำแหน่งหลังวัดพระธาตุดอยสุเทพ หากถ่ายปรากฏการณ์ Earth Shine ในช่วงข้างขึ้น 4 ค่ำ
ให้เห็นเหมือนกับที่ตาเรามองเห็น เสี้ยวสว่างของดวงจันทร์ คงสว่างโอเวอร์เอามากๆ ดังนั้น ถ้าหากดวงจันทร์เคลื่อน
ที่ไปอยู่บริเวณหลังวัดพระธาตุฯ ก็จะทำให้แสงบริเวณเสี้ยวสว่างของดวงจันทร์ลดลงได้บ้าง และทำให้ภาพดูมี "อะไร"
มากขึ้นด้วย ว่าแล้วก็เริ่มกันเลย สิ่งแรกที่ผมทำ คือการหาตำแหน่งจุดถ่ายภาพที่จะสามารถเห็น ดวงจันทร์เคลื่อนที่ไป
ตรงกับบริเวณหลังวัดพระธาตุฯ ซึ่งเทคนิคนี้ผมเคยเขียนไว้ในคอลัมน์ภาพถ่ายดวงอาทิตย์ตกหลังพระธาตุดอยสุเทพ
ซึ่งสามารถเข้าไปอ่านได้ตามลิงค์ครับ
(http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9560000060143)
       
       ทีนี้ก็มาถึงส่วนของอุปกรณ์ที่ผมเลือกใช้ในการถ่ายภาพครั้งนี้

       1. กล้องถ่ายภาพดิจิทัล หากเลือกได้ ก็ต้องขอบอกว่าเอาแบบที่สามารถใช้ค่าความไวแสงได้สูงๆ จะดีกว่า
และที่สำคัญหากเป็นกล้องที่มีสัญญาณรบกวนต่ำก็จะดีมากๆ ครับ       
       2. เลนส์ซูปเปอร์เทเลโฟโต้ หากสามารถหาเลนส์ที่มีความยาวโฟกัสมากๆ ได้ ก็ถือเป็นข้อได้เปรียบในการ
ถ่ายภาพดวงจันทร์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งเราจะได้เปรียบทั้งรายละเอียดของภาพ และความสามารถในการควบคุมแสง
ของภาพ รวมทั้งกำลังการแยกภาพที่ดีขึ้นอีกด้วย  ผู้ที่มีงบประมาณที่จำกัด ก็สามารถทำกล้องโทรทรรศน์ที่มีความ
ยาวโฟกัสมากๆ เองได้ ตามลิงค์ครับ
(http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9550000120468)
หรืออาจเลือกซื้อเลนส์แบบกระจก ราคาไม่กี่พันก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่พอจะมีงบประมาณ



ตัวอย่างเลนส์เลนส์ Telephoto แบบกระจก Mirror Lens หรือ Reflex Lens ของ Samyang 500mm.
ซึ่งมีราคาไม่สูงมากนักประมาณ 6,000 – 7,000 บาท เท่านั้น


       3. ขาตั้งกล้อง ต้องย้ำว่าต้องมั่นคง เพราะหากขาตั้งไม่นิ่งแล้วหล่ะก็มีหวังภาพเบลอแน่นอน เพราะ
เราต้องถ่ายภาพที่ชัตเตอร์ต่ำๆ
       4. สายลั่นชัตเตอร์ เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยให้เราไม่ต้องสัมผัสกับกล้องโดยตรงช่วยให้กล้อง
ไม่สั่นไหวขณะลั่นชัตเตอร์


ภาพปรากฏการณ์แสงโลก (Earth Shine) หลังวัดพระธาตุดอยสุเทพ ซึ่งสามารถสังเกตเห็นแสงจางๆ
จากด้านมืดของดวงจันทร์ได้ (ภาพโดย : ศุภฤกษ์ คฤหานนท์ / Camera : Canon 5D Mark ll / Lens :
Takahashi FSQ85 ED + Teleconverter 1.5x / Focal length : 675 mm. / Aperture
: f/8 / ISO : 1600 / Exposure : 1.3s)


       ทำความเข้าใจกับปรากฏการณ์แสงโลก (Earth Shine)

       ​ถ้าเราสังเกตดวงจันทร์ในข้างขึ้นและข้างแรมในคืนวันดังกล่าว เราจะเห็นดวงจันทร์เป็นทรงกลมมีแสงอยู่ 2 ส่วน
คือ ส่วนที่ 1 เป็นแสงจากดวงอาทิตย์โดยตรง เราจะมองเห็นดวงจันทร์ปรากฏเป็นเสี้ยวบางๆ แบบขึ้น 1 - 3 ค่ำ หรือ
แรม 12 - 14 ค่ำ (แสงจากดวงอาทิตย์) ส่วนที่ 2 ที่ด้านมืดของดวงจันทร์ (ไม่ได้รับแสงของดวงอาทิตย์โดยตรงแต่
จะได้รับแสงสะท้อนจากผิวโลกซึ่งที่ผิวโลกจะได้รับแสงจากดวงอาทิตย์โดยตรง) ดังนั้น เรามองดวงจันทร์ด้านที่เป็น
กลางคืน มนุษย์บนโลกจะสังเกตเห็นแสงจางๆ จากด้านมืดของดวงจันทร์ แสงนี้ก็คือ แสงโลกนั่นเอง หรือที่เราอาจ
คุ้นหูกันว่า “ปรากฏการณ์แสงโลก (Earth Shine)” ซึ่งพูดง่ายๆ ก็คือ ปรากฏการณ์แสงโลกเกิดจากแสงอาทิตย์ที่
สะท้อนกับผิวโลกไปยังดวงจันทร์ และสะท้อนกลับมายังผู้สังเกตบนโลกอีกต่อหนึ่ง ทำให้ผู้สังเกตบนโลกเห็นแสงจางๆ
จากด้านกลางคืนของดวงจันทร์



ภาพปรากฏการณ์แสงโลก (Earth Shine) เหนือวัดพระธาตุดอยสุเทพ โดยสามารถสังเกตเห็นสีแดงอิฐ บริเวณส่วนมืด
ของดวงจันทร์ ซึ่งเกิดจากการหักเหของ เหมือนกับที่เกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคา นั่นเอง (ภาพโดย : ศุภฤกษ์ คฤหานนท์
/ Camera : Canon 5D Mark ll / Lens : Takahashi FSQ85 ED + Teleconverter 1.5x / Focal length :
675 mm. / Aperture : f/8 / ISO : 1600 / Exposure : 1.3s)


       เทคนิคและวิธีการ
       ​หลังจากที่เตรียมอุปกรณ์การถ่ายภาพ และหาสถานที่ถ่ายภาพได้แล้ว เราก็มาพูดกันถึงเทคนิคและวิธีการกันบ้าง
สำหรับเทคนิคการถ่ายภาพปรากฏ Earth Shine นั้น เราจะต้องถ่ายภาพให้ออกมาเหมือนกับที่ตาเรามองเห็นให้ได้  ​
โดยขณะการถ่ายภาพ ดวงจันทร์จะเคลื่อนที่ตลอดเวลาอย่างช้าๆ ดังนั้นเวลาในการถ่ายภาพก็ไม่ควรจะเกิน 2 วินาที
เพื่อป้องกันไม่ให้ดวงจันทร์เบลอ โดยเลือกปรับค่าความไวแสง (ISO) ชดเชย เพื่อให้ได้รายละเอียดของพื้นที่ส่วนมืด
ของดวงจันทร์ และอย่างลืมลั่นชัตเตอร์ด้วยสายลั่นนะครับ เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับกล้องให้น้อยที่สุด ป้องกันการสั่นไหว
สำหรับการโฟกัสภาพ ให้เลือกจุดโฟกัสบริเวณพื้นผิวดวงจันทร์ โดยเปิดระบบ Live View แล้วซูมภาพหลังกล้องเพื่อ
ช่วยในการปรับโฟกัส โดยดูจากความคมชัดของหลุมบนดวงจันทร์เป็นหลัก ซึ่งจุดนี้สำคัญมากครับ เพราะหากเราถ่ายภาพ
ได้นิ่งสุดแล้วแต่กลับโฟกัสภาพเบลอ สิ่งที่ถ่ายมาทั้งหมดก็...จบข่าว...


ภาพแสดงการเคลื่อนที่ของดวงจันทร์ ขณะกำลังตกลับหลังวัดพระธาตุดอยสุเทพ ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที
เท่านั้น ดวงจันทร์ก็เคลื่อนลับขอบฟ้าไป ทำให้การถ่ายภาพจำเป็นต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์ไม่ควรเกิน 2 วินาที ต่อ 1 ภาพ


       สำหรับช่วงนี้ ก็ยังถือว่าเป็นฤดูฝนการจะออกไปถ่ายภาพก็อาจมีอุปสรรคเรื่องลมฟ้าอากาศ อยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าใกล้
ฤดูแห่งการออกล่าภาพถ่ายในช่วงฤดูหนาวกันมาทุกที ใครที่เก็บกล้องไว้ก็ลองเอาออกมาทำความคุ้นเคยกับอุปกรณ์แล้ว
ในช่วงปลายฝนต้นหนาวนี้ ผมจะมีปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่หน้าตื่นเต้นมาบอกกล่าวกัน รับรองว่าปลายปีนี้มีอะไร
ให้ถ่ายกันแน่นอนครับ
   
       

       เกี่ยวกับผู้เขียน ศุภฤกษ์ คฤหานนท์ สำเร็จการศึกษาครุศาสตรบัณฑิต สาขาฟิสิกส์ จากมหาวิทยาลัย
ราชภัฏเชียงใหม่ และครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาเทคโนโลยีและการสื่อสาร จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
ปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่สารสนเทศทางดาราศาสตร์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สดร.,
เคยทำวิจัยเรื่อง การทดสอบค่าทัศนวิสัยท้องฟ้าบริเวณสถานที่ก่อสร้างหอดูดาวแห่งชาติ มีประสบการณ์ในฐานะ
วิทยากรอบรมการดูดาวเบื้องต้น และเป็นวิทยากรสอนการถ่ายภาพดาราศาสตร์ในโครงการประกวดภาพถ่ายดาราศาสตร์
ประจำปี 2554 ของ สดร.ในหัวข้อ “มหัศจรรย์ภาพถ่ายดาราศาสตร์ในเมืองไทย”
       
       “คุณค่าของภาพถ่ายนั้นไม่เพียงแต่ให้ความงามด้านศิลปะ แต่ทุกภาพยังสามารถอธิบายด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ได้อีกด้วย”

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
นำมาจาก
http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9560000116473


+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=19676